กรุงเทพฯ--16 มี.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2544 นายโคฟี่ อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติ ได้อนุมัติ แผนของอิรักที่จะใช้เงินที่ได้รับจากการขายน้ำมันเพื่อซื้อสินค้าต่างๆ ภายใต้การดูแลของสหประชาชาติสำหรับ Phase ที่ 9 ของ Oil-for-food Programme (OFP) ระหว่างวันที่ 6 ธันวาคม 2543-4 มิถุนายน 2544 (180 วัน/ 6 เดือน) ซึ่งมีมูลค่า 5.5 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ อิรักได้เสนอที่จะใช้เงินซื้อาหารจำนวน 1.27 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอะไหล่ในอุตสาหกรรมน้ำมันจำนวน 600 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ช่วยเหลือ กลุ่มเด็ก สตรี คนชรา และคนพิการ (vulnerable groups) จำนวน 387 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อยาและ เวชภัณฑ์จำนวน 300 ดอลล่าร์สหรัฐ
ต่อมาเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2544 เจ้าหน้าที่คณะทูตถาวรแห่งประเทศไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์กได้พบปะกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของ Office of Iraq Programme( OIP) ของสหประชาชาติ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลการดำเนินการตามโครงการ Oil-for-food พบปะดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อรับทราบสถานะคำขอเพื่อส่งสินค้าของบริษัทเอกชนไทยไทย ซึ่งสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
คำขอเพื่อส่งสินค้าส่วนใหญ่ของบริษัทเอกชนไทยมักจะไม่ประสบปัญหาในกรณีที่เป็นการส่งออกสินค้าอาหาร เช่น ข้าว ซึ่งสินค้าดังกล่า;จะเป็นสินค้าที่เป็น pre-approved items ทั้งนี้อาจมีปัญหาเกิดขึ้นบ้างในบางกรณีจากฝ่ายบริษัทเอกชนไทย หรือรัฐบาลอิรักเองในเรื่องของการไม่สามารถจัดส่งหรือรับสินค้าได้ตามเวลาที่ OIP ได้กำหนด
อย่างไรก็ดี ขณะนี้ยังมีสินค้าบางชนิดของบางบริษัทที่ถูกประเทศสมาชิกคณะมนตรี ความมั่นคงฯ บางประเทศสั่งระงับ (place on hold) การส่งสินค้า เนื่องจากเป็นสินค้า/อุปกรณ์ที่อยู่ในบัญชีสินค้า/อุปกรณ์ต้องห้าม หรือเป็นสินค้า/อุปกรณ์ที่มีลักษณะใช้ได้สองทาง (dual use) คือเป็นทั้งสินค้าเพื่อมนุษยธรรมและสามารถนำมาแปลงใช้เป็นยุทธปัจจัยได้ด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ของ OIP เห็นว่า สินค้า/อุปกรณ์ของบริษัทเอกชนไทยดังกล่าวมิได้มีลักษณะต้องห้ามหรือใช้ได้สองทาง จึงกำลังประสานกับประเทศสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงฯ บางประเทศดังกล่าวเพื่อยกเลิกการสั่งระงับ ต่อไป
เจ้าหน้าที่ของ OIP แนะนำด้วยว่า ในอนาคตหากบริษัทเอกชนไทยจะพิจารณาส่งสินค้าซึ่งเป็นอุปกรณ์ ก็อาจพิจารณาส่ง technical specifications ต่างๆ มาพร้อมกับคำขอเพื่อส่งสินค้า ทั้งนี้ เพื่อช่วยลดขั้นตอนการพิจารณาของประเทศสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงฯ ที่อาจมีปัญหากับการส่งออกสินค้าดังกล่าว
ทั้งนี้ มูลค่าการค้าของบริษัทเอกชนไทยที่เข้าร่วมโครงการ Oil-for-Food ในปี 2543 รวมได้ประมาณ 2,400 ล้าน
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-
เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2544 นายโคฟี่ อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติ ได้อนุมัติ แผนของอิรักที่จะใช้เงินที่ได้รับจากการขายน้ำมันเพื่อซื้อสินค้าต่างๆ ภายใต้การดูแลของสหประชาชาติสำหรับ Phase ที่ 9 ของ Oil-for-food Programme (OFP) ระหว่างวันที่ 6 ธันวาคม 2543-4 มิถุนายน 2544 (180 วัน/ 6 เดือน) ซึ่งมีมูลค่า 5.5 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ อิรักได้เสนอที่จะใช้เงินซื้อาหารจำนวน 1.27 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอะไหล่ในอุตสาหกรรมน้ำมันจำนวน 600 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ช่วยเหลือ กลุ่มเด็ก สตรี คนชรา และคนพิการ (vulnerable groups) จำนวน 387 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อยาและ เวชภัณฑ์จำนวน 300 ดอลล่าร์สหรัฐ
ต่อมาเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2544 เจ้าหน้าที่คณะทูตถาวรแห่งประเทศไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์กได้พบปะกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของ Office of Iraq Programme( OIP) ของสหประชาชาติ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลการดำเนินการตามโครงการ Oil-for-food พบปะดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อรับทราบสถานะคำขอเพื่อส่งสินค้าของบริษัทเอกชนไทยไทย ซึ่งสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
คำขอเพื่อส่งสินค้าส่วนใหญ่ของบริษัทเอกชนไทยมักจะไม่ประสบปัญหาในกรณีที่เป็นการส่งออกสินค้าอาหาร เช่น ข้าว ซึ่งสินค้าดังกล่า;จะเป็นสินค้าที่เป็น pre-approved items ทั้งนี้อาจมีปัญหาเกิดขึ้นบ้างในบางกรณีจากฝ่ายบริษัทเอกชนไทย หรือรัฐบาลอิรักเองในเรื่องของการไม่สามารถจัดส่งหรือรับสินค้าได้ตามเวลาที่ OIP ได้กำหนด
อย่างไรก็ดี ขณะนี้ยังมีสินค้าบางชนิดของบางบริษัทที่ถูกประเทศสมาชิกคณะมนตรี ความมั่นคงฯ บางประเทศสั่งระงับ (place on hold) การส่งสินค้า เนื่องจากเป็นสินค้า/อุปกรณ์ที่อยู่ในบัญชีสินค้า/อุปกรณ์ต้องห้าม หรือเป็นสินค้า/อุปกรณ์ที่มีลักษณะใช้ได้สองทาง (dual use) คือเป็นทั้งสินค้าเพื่อมนุษยธรรมและสามารถนำมาแปลงใช้เป็นยุทธปัจจัยได้ด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ของ OIP เห็นว่า สินค้า/อุปกรณ์ของบริษัทเอกชนไทยดังกล่าวมิได้มีลักษณะต้องห้ามหรือใช้ได้สองทาง จึงกำลังประสานกับประเทศสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงฯ บางประเทศดังกล่าวเพื่อยกเลิกการสั่งระงับ ต่อไป
เจ้าหน้าที่ของ OIP แนะนำด้วยว่า ในอนาคตหากบริษัทเอกชนไทยจะพิจารณาส่งสินค้าซึ่งเป็นอุปกรณ์ ก็อาจพิจารณาส่ง technical specifications ต่างๆ มาพร้อมกับคำขอเพื่อส่งสินค้า ทั้งนี้ เพื่อช่วยลดขั้นตอนการพิจารณาของประเทศสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงฯ ที่อาจมีปัญหากับการส่งออกสินค้าดังกล่าว
ทั้งนี้ มูลค่าการค้าของบริษัทเอกชนไทยที่เข้าร่วมโครงการ Oil-for-Food ในปี 2543 รวมได้ประมาณ 2,400 ล้าน
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-