1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
นโยบายและมาตรการข้าวปี 2542/43 ในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้แก่ โครงการเชื่อมโยงสินเชื่อเพื่อการผลิตและบริการตลาดข้าวของสหกรณ์ปีการผลิต 2543/44 โครงการเริ่มตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2543 ขณะนี้ยังไม่มีผลการดำเนินงาน
และการดำเนินงานโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของ ธกส ปีการผลิต 2543/44 เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2543 ขณะนี้ยังไม่มีผลการดำเนินงาน
การปลูกข้าวทำลายก๊าซมีเทนจริงหรือ?
นายอดิศักดิ์ ศรีสรรพกิจ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รายงานถึงแนวโน้มการกีดกันการค้าด้านเกษตรว่าในอนาคตสินค้าเกษตรจะถูกกีดกันทางการค้ามากขึ้น โดยเฉพาะการอ้างเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อม ขณะนี้ประเทศพัฒนาแล้วได้ใช้เรื่องการผลิตสินค้าเกษตรที่ทำลายบรรยากาศโลกมากีดกันทางการค้า เช่น กรณีของข้าว หลังจากสหภาพยุโรป (อียู) ได้วิจัยพบว่า การปลูกข้าวอาจเป็นการทำลายก๊าซมีเทนในบรรยากาศ จากผลงานวิจัยซึ่งดังกล่าวยังไม่เป็นที่ยอมรับ ทั้งนี้หากผลออกมาว่าการปลูกข้าวเป็นการทำลายก๊าซมีเทนจริง ประเทศเหล่านี้ก็สามารถจะนำผลการวิจัยดังกล่าว มาเป็นข้ออ้างและกำหนดเป็นมาตรการ กีดกันทางการค้าต่อไปได้ ดังนั้น ไทยต้องเตรียมพร้อมในการศึกษาวิจัยเพื่อรองรับปัญหาด้วย
ขณะนี้ไทยได้ร่วมกับประเทศออสเตรเลีย และสถาบันวิจัยข้าวนานาชาติ (อีรี่) วิจัยในเรื่องดังกล่าวแล้ว เพราะหากประเทศที่พัฒนาแล้วสามารถนำประเด็นนี้มากีดกันการค้าแล้ว จะกระทบกับประเทศที่ผลิตข้าวเพื่อการส่งออกอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามการนำเรื่องก๊าซมีเทนจากการปลูกข้าว จะต้องกำหนดอัตราการถูกทำลายของก๊าซมีเทนที่แน่นอนและชัดเจนด้วย
นอกจากเรื่องสิ่งแวดล้อมแล้ว ไทยยังต้องพบปัญหาด้านการส่งออกในเรื่องสุขอนามัยพืช สัตว์ และมนุษย์ ที่ต่างประเทศยังให้ความสำคัญ ดังนั้น ไทยจะต้องร่วมมือกับทั้งในประเทศและอาเซียนเพื่อพัฒนาสินค้าให้ได้มาตรฐานและมีคุณภาพตามที่ประเทศผู้นำเข้าต้องการ โดยขณะนี้กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม อยู่ระหว่างการดำเนินงานในเรื่องสารพิษตกค้างในสินค้าเกษตร
ภาวะการซื้อขายข้าวในช่วงสัปดาห์นี้ ราคามีแนวโน้มลดลง อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เนื่องจากผู้ส่งออกส่วนใหญ่มีข้าวในสต๊อกเพียงพอต่อการส่งมอบแก่ลูกค้า มีเพียงส่วนน้อย ที่ออกมารับซื้อข้าว ประกอบกับในช่วงนี้ข้าวใหม่ฤดูนาปี ปี 2543/44 ออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก
ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 29 พฤศจิกายน 2543 ไทยส่งออกข้าวรวม 5,752,820 ตัน ลดลงจาก 5,896,139 ตัน ของการส่งออกช่วงระยะเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 2.43
ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ราคาข้าวเปลือกเจ้าหอมมะลินาปี ที่เกษตรกรขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยเกวียนละ 6,708 บาท ลดลงจากเกวียนละ 6,838 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.90
ราคาข้าวเปลือกเจ้านาปี 5% ความชื้น 14-15 % ที่เกษตรกรขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยเกวียนละ 5,678 บาท ลดลงจากเกวียนละ 4,694 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 20.96
ราคาข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ที่เกษตรกรขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยเกวียนละ 4,745 บาท ลดลง จากเกวียนละ 4,756 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.23
ราคาข้าวเปลือกเจ้าที่ท่าข้าวกำนันทรง จังหวัดนครสวรรค์
ราคาข้าวเปลือกเจ้านาปี 5% (ชัยนาท) ที่ท่าข้าวกำนันทรง จังหวัดนครสวรรค์ สัปดาห์นี้เฉลี่ยเกวียนละ 4,350 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาข้าวสารเจ้า 5% (ใหม่) ขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ สัปดาห์นี้เฉลี่ย ตันละ 7,390 บาท เพิ่มขึ้นจากตันละ 7,280 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.51
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ราคาข้าวสารเจ้า 5% (ใหม่) ส่งออก เอฟ.โอ.บี สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 190ดอลลาร์สหรัฐฯ (8,261บาท/ตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน แต่ลดลง ในรูปของเงินบาท ตันละ 72 บาท
2. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในต่างประเทศ ราคาข้าวในตลาดโลก
กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ประกาศราคาข้าวในตลาดโลก ณ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2543 เทียบกับที่ประกาศไว้เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2543 ดังนี้
ข้าวเมล็ดยาวปอนด์ละ 5.47 เซนต์ (5.23 บาท/กก.) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ข้าวเมล็ดกลางปอนด์ละ 5.22 เซนต์ (4.99 บาท/กก.) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ข้าวเมล็ดสั้นปอนด์ละ 5.19 เซนต์ (4.46 บาท/กก.) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ข้าวหักปอนด์ละ 2.73 เซนต์ (2.61 บาท/กก.) ราคาทรงตัวเท่กาบสัปดาห์ก่อน หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 43.478 บาท
--ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร ฉบับที่ 47 ประจำวันที่ 27 พ.ย.- 3 ธ.ค. 2543---สส-
นโยบายและมาตรการข้าวปี 2542/43 ในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้แก่ โครงการเชื่อมโยงสินเชื่อเพื่อการผลิตและบริการตลาดข้าวของสหกรณ์ปีการผลิต 2543/44 โครงการเริ่มตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2543 ขณะนี้ยังไม่มีผลการดำเนินงาน
และการดำเนินงานโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของ ธกส ปีการผลิต 2543/44 เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2543 ขณะนี้ยังไม่มีผลการดำเนินงาน
การปลูกข้าวทำลายก๊าซมีเทนจริงหรือ?
นายอดิศักดิ์ ศรีสรรพกิจ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รายงานถึงแนวโน้มการกีดกันการค้าด้านเกษตรว่าในอนาคตสินค้าเกษตรจะถูกกีดกันทางการค้ามากขึ้น โดยเฉพาะการอ้างเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อม ขณะนี้ประเทศพัฒนาแล้วได้ใช้เรื่องการผลิตสินค้าเกษตรที่ทำลายบรรยากาศโลกมากีดกันทางการค้า เช่น กรณีของข้าว หลังจากสหภาพยุโรป (อียู) ได้วิจัยพบว่า การปลูกข้าวอาจเป็นการทำลายก๊าซมีเทนในบรรยากาศ จากผลงานวิจัยซึ่งดังกล่าวยังไม่เป็นที่ยอมรับ ทั้งนี้หากผลออกมาว่าการปลูกข้าวเป็นการทำลายก๊าซมีเทนจริง ประเทศเหล่านี้ก็สามารถจะนำผลการวิจัยดังกล่าว มาเป็นข้ออ้างและกำหนดเป็นมาตรการ กีดกันทางการค้าต่อไปได้ ดังนั้น ไทยต้องเตรียมพร้อมในการศึกษาวิจัยเพื่อรองรับปัญหาด้วย
ขณะนี้ไทยได้ร่วมกับประเทศออสเตรเลีย และสถาบันวิจัยข้าวนานาชาติ (อีรี่) วิจัยในเรื่องดังกล่าวแล้ว เพราะหากประเทศที่พัฒนาแล้วสามารถนำประเด็นนี้มากีดกันการค้าแล้ว จะกระทบกับประเทศที่ผลิตข้าวเพื่อการส่งออกอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามการนำเรื่องก๊าซมีเทนจากการปลูกข้าว จะต้องกำหนดอัตราการถูกทำลายของก๊าซมีเทนที่แน่นอนและชัดเจนด้วย
นอกจากเรื่องสิ่งแวดล้อมแล้ว ไทยยังต้องพบปัญหาด้านการส่งออกในเรื่องสุขอนามัยพืช สัตว์ และมนุษย์ ที่ต่างประเทศยังให้ความสำคัญ ดังนั้น ไทยจะต้องร่วมมือกับทั้งในประเทศและอาเซียนเพื่อพัฒนาสินค้าให้ได้มาตรฐานและมีคุณภาพตามที่ประเทศผู้นำเข้าต้องการ โดยขณะนี้กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม อยู่ระหว่างการดำเนินงานในเรื่องสารพิษตกค้างในสินค้าเกษตร
ภาวะการซื้อขายข้าวในช่วงสัปดาห์นี้ ราคามีแนวโน้มลดลง อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เนื่องจากผู้ส่งออกส่วนใหญ่มีข้าวในสต๊อกเพียงพอต่อการส่งมอบแก่ลูกค้า มีเพียงส่วนน้อย ที่ออกมารับซื้อข้าว ประกอบกับในช่วงนี้ข้าวใหม่ฤดูนาปี ปี 2543/44 ออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก
ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 29 พฤศจิกายน 2543 ไทยส่งออกข้าวรวม 5,752,820 ตัน ลดลงจาก 5,896,139 ตัน ของการส่งออกช่วงระยะเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 2.43
ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ราคาข้าวเปลือกเจ้าหอมมะลินาปี ที่เกษตรกรขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยเกวียนละ 6,708 บาท ลดลงจากเกวียนละ 6,838 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.90
ราคาข้าวเปลือกเจ้านาปี 5% ความชื้น 14-15 % ที่เกษตรกรขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยเกวียนละ 5,678 บาท ลดลงจากเกวียนละ 4,694 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 20.96
ราคาข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ที่เกษตรกรขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยเกวียนละ 4,745 บาท ลดลง จากเกวียนละ 4,756 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.23
ราคาข้าวเปลือกเจ้าที่ท่าข้าวกำนันทรง จังหวัดนครสวรรค์
ราคาข้าวเปลือกเจ้านาปี 5% (ชัยนาท) ที่ท่าข้าวกำนันทรง จังหวัดนครสวรรค์ สัปดาห์นี้เฉลี่ยเกวียนละ 4,350 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาข้าวสารเจ้า 5% (ใหม่) ขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ สัปดาห์นี้เฉลี่ย ตันละ 7,390 บาท เพิ่มขึ้นจากตันละ 7,280 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.51
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ราคาข้าวสารเจ้า 5% (ใหม่) ส่งออก เอฟ.โอ.บี สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 190ดอลลาร์สหรัฐฯ (8,261บาท/ตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน แต่ลดลง ในรูปของเงินบาท ตันละ 72 บาท
2. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในต่างประเทศ ราคาข้าวในตลาดโลก
กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ประกาศราคาข้าวในตลาดโลก ณ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2543 เทียบกับที่ประกาศไว้เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2543 ดังนี้
ข้าวเมล็ดยาวปอนด์ละ 5.47 เซนต์ (5.23 บาท/กก.) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ข้าวเมล็ดกลางปอนด์ละ 5.22 เซนต์ (4.99 บาท/กก.) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ข้าวเมล็ดสั้นปอนด์ละ 5.19 เซนต์ (4.46 บาท/กก.) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ข้าวหักปอนด์ละ 2.73 เซนต์ (2.61 บาท/กก.) ราคาทรงตัวเท่กาบสัปดาห์ก่อน หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 43.478 บาท
--ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร ฉบับที่ 47 ประจำวันที่ 27 พ.ย.- 3 ธ.ค. 2543---สส-