คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่...) พ.ศ. ... (ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการนำเข้าหรือการขายทองคำ ทองคำขาว ทองขาว เงินและพาลาเดียม) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ซึ่งร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวเป็นการแก้ไขพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 311) พ.ศ. 2540 ที่กำหนดให้ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการนำเข้าหรือการขายอัญมณีเฉพาะที่ยังมิได้ประกอบขึ้นเป็นตัวเรือนหรือของรูปพรรณเพื่อใช้ในการผลิตอัญมณีที่เป็นเครื่องประดับ หรือของใช้ใด ๆ ของผู้ประกอบการจดทะเบียน ให้ครอบคลุมถึงทองคำ ทองคำขาว ทองขาว เงิน และพาลาเดียม ซึ่งใช้เป็นส่วนประกอบในการผลิตอัญมณีที่เป็นเครื่องประดับหรือของใช้ใด ๆ ของผู้ประกอบการจดทะเบียนด้วย ซึ่งมีผลกระทบต่อรายได้ของรัฐจากการจัดเก็บภาษี
เนื่องจากปัจจุบันการประกอบธุรกิจการค้าทองคำในประเทศได้เกิดปัญหากรณีผู้ประกอบการมักหลบเลี่ยงภาษีด้วยการขายทองโดยไม่มีการออกใบกำกับภาษี เพราะหากต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มแล้วก็จะเกิดปัญหาภาระภาษีซ้ำซ้อนในบางส่วนจากการับซื้อทองรูปพรรณเก่าคืนจากผู้บริโภคซึ่งไม่มีการออกใบกำกับภาษีระหว่างกัน ประกอบกับตลาดการค้าทองโดยเฉพาะการค้าปลีกทองแท่งและทองรูปพรรณ ซึ่งปกติจะใช้ราคาอ้างอิงตามราคามาตรฐานของสมาคมค้าทองคำ โดยมีความสัมพันธ์กับราคาทองคำต่างประเทศ แต่ราคาดังกล่าวจะมีส่วนต่างระหว่างราคารับซื้อและราคาขาย โดยเฉลี่ยเพียงประมาณร้อยละ 2 และเมื่อรวมค่ากำเหน็จจะมีส่วนต่างของมูลค่าไม่มากนัก ซึ่งต่ำกว่าอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่มีการจัดเก็บอัตราร้อยละ 7 ทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถแบกรับภาระต้นทุนภาษีได้ ทำให้มีการหลีกเลี่ยงภาษีโดยการลักลอบนำเข้าทองคำ รวมถึงการหลบยอดรายได้จากการขายทองคำที่แท้จริง อันเป็นปัญหาต่อการติดตามจัดเก็บภาษีของกระทรวงการคลังเป็นอย่างมาก กระทรวงการคลังจึงเห็นควรแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยการกำหนดโครงสร้างการจัดเก็บภาษีจากธุรกิจการค้าทองคำในประเทศเป็น 2 ส่วน คือ การจัดเก็บภาษีจากการขายทองคำที่มิใช่ทองรูปพรรณ และการจัดเก็บภาษีจากการขายทองรูปพรรณ
สำหรับการจัดเก็บภาษีจากการซื้อขายทองคำที่มิใช่ทองรูปพรรณนั้น ควรกำหนดให้มีการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับทองคำที่มิใช่ทองรูปพรรณ ซึ่งมีการนำเข้าจากต่างประเทศ และที่ผลิตและขายในต่างประเทศ โดยปฏิบัติในทำนองเดียวกับที่กำหนดไว้ในแนวปฏิบัติของกลุ่มประเทศตลาดร่วมยุโรปและหลายประเทศในเอเชีย เช่น ไต้หวัน มาเลเซีย เป็นต้น ส่วนกรณีการจัดเก็บภาษีเฉพาะจากการซื้อขายทองรูปพรรณในประเทศควรกำหนดให้มีการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากทองรูปพรรณในประเทศ โดยวิธีการคำนวณภาษีจากราคาขายหักด้วยมูลค่าเนื้อทองคำ โดยปฏิบัติในทำนองเดียวกับแนวปฏิบัติในหลาย ๆ ประเทศ เช่น อินโดนีเชีย สิงคโปร์ เป็นต้น ซึ่งกรมสรรพากรจะได้มีการออกประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ในการคำนวณภาษีต่อไป และเพื่อเป็นการส่งเสริมการส่งออกอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับในคราวเดียวกัน ควรให้มีการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มครอบคลุมถึงการนำเข้าและการผลิตและขายทองคำขาว ทองขาว เงิน และพาลาเดียม เฉพาะที่ยังมิได้ประกอบขึ้นเป็นทองรูปพรรณเพื่อการส่งออกด้วย
--ที่มา : ข่าวทำเนียบรัฐบาล--จบ--
--วารสาร สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 9/2543 วันที่ 15 พฤษภาคม 2543--
-อน-
เนื่องจากปัจจุบันการประกอบธุรกิจการค้าทองคำในประเทศได้เกิดปัญหากรณีผู้ประกอบการมักหลบเลี่ยงภาษีด้วยการขายทองโดยไม่มีการออกใบกำกับภาษี เพราะหากต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มแล้วก็จะเกิดปัญหาภาระภาษีซ้ำซ้อนในบางส่วนจากการับซื้อทองรูปพรรณเก่าคืนจากผู้บริโภคซึ่งไม่มีการออกใบกำกับภาษีระหว่างกัน ประกอบกับตลาดการค้าทองโดยเฉพาะการค้าปลีกทองแท่งและทองรูปพรรณ ซึ่งปกติจะใช้ราคาอ้างอิงตามราคามาตรฐานของสมาคมค้าทองคำ โดยมีความสัมพันธ์กับราคาทองคำต่างประเทศ แต่ราคาดังกล่าวจะมีส่วนต่างระหว่างราคารับซื้อและราคาขาย โดยเฉลี่ยเพียงประมาณร้อยละ 2 และเมื่อรวมค่ากำเหน็จจะมีส่วนต่างของมูลค่าไม่มากนัก ซึ่งต่ำกว่าอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่มีการจัดเก็บอัตราร้อยละ 7 ทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถแบกรับภาระต้นทุนภาษีได้ ทำให้มีการหลีกเลี่ยงภาษีโดยการลักลอบนำเข้าทองคำ รวมถึงการหลบยอดรายได้จากการขายทองคำที่แท้จริง อันเป็นปัญหาต่อการติดตามจัดเก็บภาษีของกระทรวงการคลังเป็นอย่างมาก กระทรวงการคลังจึงเห็นควรแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยการกำหนดโครงสร้างการจัดเก็บภาษีจากธุรกิจการค้าทองคำในประเทศเป็น 2 ส่วน คือ การจัดเก็บภาษีจากการขายทองคำที่มิใช่ทองรูปพรรณ และการจัดเก็บภาษีจากการขายทองรูปพรรณ
สำหรับการจัดเก็บภาษีจากการซื้อขายทองคำที่มิใช่ทองรูปพรรณนั้น ควรกำหนดให้มีการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับทองคำที่มิใช่ทองรูปพรรณ ซึ่งมีการนำเข้าจากต่างประเทศ และที่ผลิตและขายในต่างประเทศ โดยปฏิบัติในทำนองเดียวกับที่กำหนดไว้ในแนวปฏิบัติของกลุ่มประเทศตลาดร่วมยุโรปและหลายประเทศในเอเชีย เช่น ไต้หวัน มาเลเซีย เป็นต้น ส่วนกรณีการจัดเก็บภาษีเฉพาะจากการซื้อขายทองรูปพรรณในประเทศควรกำหนดให้มีการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากทองรูปพรรณในประเทศ โดยวิธีการคำนวณภาษีจากราคาขายหักด้วยมูลค่าเนื้อทองคำ โดยปฏิบัติในทำนองเดียวกับแนวปฏิบัติในหลาย ๆ ประเทศ เช่น อินโดนีเชีย สิงคโปร์ เป็นต้น ซึ่งกรมสรรพากรจะได้มีการออกประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ในการคำนวณภาษีต่อไป และเพื่อเป็นการส่งเสริมการส่งออกอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับในคราวเดียวกัน ควรให้มีการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มครอบคลุมถึงการนำเข้าและการผลิตและขายทองคำขาว ทองขาว เงิน และพาลาเดียม เฉพาะที่ยังมิได้ประกอบขึ้นเป็นทองรูปพรรณเพื่อการส่งออกด้วย
--ที่มา : ข่าวทำเนียบรัฐบาล--จบ--
--วารสาร สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 9/2543 วันที่ 15 พฤษภาคม 2543--
-อน-