กรุงเทพฯ--12 ก.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
วันนี้ (8 ก.ย.43) นายดอน ปรมัตถ์วินัย โฆษกกระทรวงการต่างประเทศได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับผลการสัมมนาผลโครงการยุวทูตความดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมเจริญพรรษาครบ 6 รอบ 72 พรรษา ว่า วันนี้กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับสำนักงานประถมศึกษาแห่งชาติ (สปช.) กระทรวงศึกษาธิการได้จัดสัมมนาประเมินผลโครงการยุวทูตความดี เฉลิมพระเกียรติฯ ระดับภูมิภาคในส่วนของภาคกลาง และภาคตะวันออก รวมถึงการจัดนิทรรศการแสดงผลการดำเนินงานโครงการยุวทูตความดี เฉลิมพระเกียรติฯ ของโรงเรียรนำร่องทั้งหมดจาก 76 จังหวัด
นายดอนฯ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้กระทรวงการต่างประเทศและ สปช.ได้จัดการสัมมนาประเมินผลโครงการของโรงเรียนนำร่องในภาคใต้ที่ จ.สงขลา ภาคอีสานที่ จ.ขอนแก่น และภาคเหนือที่ จ.พิษณุโลก โดยที่การสัมมนาโรงเรียนในภูมิภาคภาคกลางครั้งนี้ มีผู้แทนโรงเรียนเข้าร่วมการสัมมนาทั้งหมด 27 โรงเรียน รวมถึงผู้แทนประถมศึกษาจังหวัด (สปจ.)เขตการศึกษาของ สปช. และศึกษานิเทศก์ของกระทรวงศึกษาธิการด้วย
โครงการยุวทูตความดี เฉลิมพระเกียรติฯ เป็นโครงการที่เจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาทและแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เกี่ยวกับการพัฒนาและสัมคมให้มีคุณธรรมและคุณภาพ โครงการนี้ได้รับการเห็นชอบจากคณะอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติฯ นี้ ซึ่งมี ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และเป็นโครงการที่ได้รับการยอมรับจากสำนักราชเลขาธิการให้เป็นโครงการถวายพระราชสักการะและเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
แนวคิดที่ริเริ่มโครงการดังกล่าวนี้เกิดจากปัญหาเรื้อรังต่างๆ ในสัมคมไทย อาทิ ปัญหาคอรัปชั่น การขาดระเบียบวินัย การขาดจิตสำนึกคุณธรรม และจริยธรรม โดยเฉพาะในปัจจุบัน ปัญหาสัมคม ได้ทวีความรุนแรงมากขึ้น อันเนื่องจากปัญหาผลกระทบทางเศรษฐกิจ
กระทรวงการต่างประเทศ เป็นหน่วยงานหนึ่งที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมไทย และมีโอกาสรับรู้ปัญหาสังคมและภาพลักษณ์ด้านลบของไทยจากภายนอกประเทศ และพบว่า
กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานหนึ่งที่มีความรับผิดชอบต่อสัมคมไทย และมีโอกาสรับรู้ปัญหาสังคมและภาพลักษณ์ด้านลบของไทยจากภายนอกประเทศ และพบว่าสาเหตุรากฐานสำคัญ คือการสร้างคุณธรรมและจริยธรรม ซึ่งจะสามารถปลูกผังได้ดีในวัยเด็ก กระทรวงการต่างประเทศ และ สปช.จึงเห็นว่าโครงการยุวทูตความดี เฉลิมพระเกียรติฯ นี้ จะสามารถฟื้นฟูพื้นฐานจริยธรรมจิตสำนึก และคุณธรรมเยาวชนไทยได้ แม้ว่าอาจจะต้องใช้ระยะเวลายาวนานนับ 10 ปี ในการบรรลุความสำเร็จก็ตาม และเห็นว่าจะต้องเริ่มต้นจากการดำเนิน โครงการโดยโรงเรียนนำร่องในภูมิภาคต่าง ๆ ที่มีศักยภาพ ก่อนที่จะขยายโอกาส และการปฏิบัติไปสู่โรงเรียนและระดับการศึกษาต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย
จากการสัมมนาประเมินผลโครงการร่วมกับโรงเรียนนำร่องในภูมิภาคต่างๆ ทั้ง 76 จังหวัดพบว่า โรงเรียนนำร่องต่าง ๆ สามารถดำเนินการกิจกรรมรูปแบบต่าง ๆ ในโครงการยุวทูตความดี เฉลิมพระเกียรติฯได้อย่างมีประสิทธิภาพ บรรลุเป้าหมายหลักที่วางไว้ 4 ประการ คือ หนึ่ง การดำเนิการที่อิงอาศัยสอดคล้องกับแนวพระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นแนวทางในการปฏิบัติ สอง เป็นโครงการเชิงปฏิบัติที่เน้นเสริมสร้างจริยธรรมและคุณธรรมเป็นสำคัญ สาม เป็นโครงการที่สามารถดำเนินการได้โดยสอดคล้องกับศึกยภาพและความต้องการของพื้นที่และ ชุมชนอย่างเหมาะสม และประการสุดท้าย เป็นโครงการที่ประหยัดไม่ฟุ่มเฟือย
จากการสัมมนาประเมินผลโครงการ กระทรวงการต่างประเทศ และสปช.พบว่าเด็กในโครงการมีความตื่นตัวกระตือรือร้นที่จะมีส่วนร่วมในโครงการและดำเนินกิจกรรมของโครงการอย่างตั้งใจสนุกสนาน เป็นผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรมของเด็กในด้านดี เด็กมีระเบียบวินัย ประหยัด มัธยัสถ์มากขึ้น รู้จักหน้าที่ตนเอง รู้จักการใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ และมีมารยาทดีงามขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น การดำเนินกิจการโครงการในบางโรงเรียน อาทิ โรงเรียนนำร่องใน จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดลพบุรี ประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในโรงเรียน ซึ่งเป็นตัวอย่างผลสำเร็จอันเป็นรูปธรรมของโครงการยุวทูตความดี เฉลิมพระเกียรติฯด้วย
กระทรวงการต่างประเทศ และสปช.พบว่า การที่จะพัฒนาและดำเนินโครงการให้มีผลสำเร็จแบบยั่งยืนจำเป็นต้องขยายผลโครงการยุวทูตความดี เฉลิมพระเกียรติฯ ไปทั้งแนวลึกและแนวราบ โดยแนวลึกคือ การขยายผลจากระดับประถมศึกษา ไปสู่ระดับมัธยมศึกษา และ อาชีวศึกษา และแนวราบ คือการขยายโอกาส การเข้าร่วมโครงการยุวทูตความดี เฉลิมพระเกียรติฯ ไปยังโรงเรียนต่าง ๆ ทั่วทั้ง 76 จังหวัดและขณะนี้ก็มีโรงเรียนต่าง ๆ ในภูมิภาคเริ่มสนใจที่จะเข้าร่วมโครงการดังกล่าวมากขึ้น
โครงการยุวทูต เฉลิมพระเกียรติฯ นี้ นอกจากจะประสบความสำเร็จในการเพิ่มพูน จริยธรรม คุณธรรม และคุณภาพของเด็กนักเรียนในโครงการฯ แล้ว สิ่งที่พิเศษคือ การเพิ่มมิติด้านการต่างประเทศให้แก่นักเรียน โดยโครงการฯ นี้จัดให้มีเพื่อนยุวทูต ซึ่งเป็นสถานเอกอัครราชทูตต่างประเทศประจำประเทศไทย และสถานเอกอัครราชทูตไทยในต่างประเทศให้มีโอกาสติดต่อสัมพันธ์ และช่วยเหลือโรงเรียนดังกล่าวด้วย ในขณะเดียวกันโรงเรียนและนักเรียน หรือแม้แต่ชุมชนนั้น ๆ ก็มีโอกาสรู้จักปฏิสัมพันธ์และเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ จากเพื่อนยุวทูตจากต่างประเทศด้วยถือว่าเป็นกระบวนการเรียนรู้ร่วมกัน และเป็นการเปิดโลกทัศน์ของเด็กไทย ซึ่งจะเป็นการเตรียมเด็กไทยให้มีความพร้อมที่จะสามารถแข่งขันกับกระแสโลกาวิวัฒน์ได้
จากผลการสัมมนาครั้งนี้ โรงเรียนนำร่องของโครงการยุวทูตความดี เฉลิมพระเกียรติฯ ได้แสดงความพร้อมที่จะไปขยายผล โครงการให้แก่โรงเรียนอื่น ๆ ในเขตการศึกษา และจังหวัดตน รวมทั้งจะขยายโอกาสให้ชุมชนได้มีส่วนร่วมต่าง ๆ ในกิจกรรมของโครงการอย่างจริงจัง เพื่อพัฒนาให้โครงการยุวทูต เฉลิมพระเกียรติฯ มีลักษณะเป็นเครือข่าย และมีความยั่งยืนต่อไป
ในตอนท้าย นายดอนฯกล่าวว่า ในวันที่ 12 กันยายน 2543 เวลา 10.00 น. กระทรวงการต่างประเทศจะพบปะกับสถานเอกอัครราชทูตต่างประเทศในประเทศไทย ซึ่งเข้าร่วมโครงการในกรอบของ "เพื่อนยุวทูตความดี" เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปผลความคืบหน้าการดำเนินโครงการยุวทูตความดี เฉลิมพระเกียรติให้คณะทูตได้รับทราบด้วย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-
วันนี้ (8 ก.ย.43) นายดอน ปรมัตถ์วินัย โฆษกกระทรวงการต่างประเทศได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับผลการสัมมนาผลโครงการยุวทูตความดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมเจริญพรรษาครบ 6 รอบ 72 พรรษา ว่า วันนี้กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับสำนักงานประถมศึกษาแห่งชาติ (สปช.) กระทรวงศึกษาธิการได้จัดสัมมนาประเมินผลโครงการยุวทูตความดี เฉลิมพระเกียรติฯ ระดับภูมิภาคในส่วนของภาคกลาง และภาคตะวันออก รวมถึงการจัดนิทรรศการแสดงผลการดำเนินงานโครงการยุวทูตความดี เฉลิมพระเกียรติฯ ของโรงเรียรนำร่องทั้งหมดจาก 76 จังหวัด
นายดอนฯ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้กระทรวงการต่างประเทศและ สปช.ได้จัดการสัมมนาประเมินผลโครงการของโรงเรียนนำร่องในภาคใต้ที่ จ.สงขลา ภาคอีสานที่ จ.ขอนแก่น และภาคเหนือที่ จ.พิษณุโลก โดยที่การสัมมนาโรงเรียนในภูมิภาคภาคกลางครั้งนี้ มีผู้แทนโรงเรียนเข้าร่วมการสัมมนาทั้งหมด 27 โรงเรียน รวมถึงผู้แทนประถมศึกษาจังหวัด (สปจ.)เขตการศึกษาของ สปช. และศึกษานิเทศก์ของกระทรวงศึกษาธิการด้วย
โครงการยุวทูตความดี เฉลิมพระเกียรติฯ เป็นโครงการที่เจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาทและแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เกี่ยวกับการพัฒนาและสัมคมให้มีคุณธรรมและคุณภาพ โครงการนี้ได้รับการเห็นชอบจากคณะอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติฯ นี้ ซึ่งมี ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และเป็นโครงการที่ได้รับการยอมรับจากสำนักราชเลขาธิการให้เป็นโครงการถวายพระราชสักการะและเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
แนวคิดที่ริเริ่มโครงการดังกล่าวนี้เกิดจากปัญหาเรื้อรังต่างๆ ในสัมคมไทย อาทิ ปัญหาคอรัปชั่น การขาดระเบียบวินัย การขาดจิตสำนึกคุณธรรม และจริยธรรม โดยเฉพาะในปัจจุบัน ปัญหาสัมคม ได้ทวีความรุนแรงมากขึ้น อันเนื่องจากปัญหาผลกระทบทางเศรษฐกิจ
กระทรวงการต่างประเทศ เป็นหน่วยงานหนึ่งที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมไทย และมีโอกาสรับรู้ปัญหาสังคมและภาพลักษณ์ด้านลบของไทยจากภายนอกประเทศ และพบว่า
กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานหนึ่งที่มีความรับผิดชอบต่อสัมคมไทย และมีโอกาสรับรู้ปัญหาสังคมและภาพลักษณ์ด้านลบของไทยจากภายนอกประเทศ และพบว่าสาเหตุรากฐานสำคัญ คือการสร้างคุณธรรมและจริยธรรม ซึ่งจะสามารถปลูกผังได้ดีในวัยเด็ก กระทรวงการต่างประเทศ และ สปช.จึงเห็นว่าโครงการยุวทูตความดี เฉลิมพระเกียรติฯ นี้ จะสามารถฟื้นฟูพื้นฐานจริยธรรมจิตสำนึก และคุณธรรมเยาวชนไทยได้ แม้ว่าอาจจะต้องใช้ระยะเวลายาวนานนับ 10 ปี ในการบรรลุความสำเร็จก็ตาม และเห็นว่าจะต้องเริ่มต้นจากการดำเนิน โครงการโดยโรงเรียนนำร่องในภูมิภาคต่าง ๆ ที่มีศักยภาพ ก่อนที่จะขยายโอกาส และการปฏิบัติไปสู่โรงเรียนและระดับการศึกษาต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย
จากการสัมมนาประเมินผลโครงการร่วมกับโรงเรียนนำร่องในภูมิภาคต่างๆ ทั้ง 76 จังหวัดพบว่า โรงเรียนนำร่องต่าง ๆ สามารถดำเนินการกิจกรรมรูปแบบต่าง ๆ ในโครงการยุวทูตความดี เฉลิมพระเกียรติฯได้อย่างมีประสิทธิภาพ บรรลุเป้าหมายหลักที่วางไว้ 4 ประการ คือ หนึ่ง การดำเนิการที่อิงอาศัยสอดคล้องกับแนวพระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นแนวทางในการปฏิบัติ สอง เป็นโครงการเชิงปฏิบัติที่เน้นเสริมสร้างจริยธรรมและคุณธรรมเป็นสำคัญ สาม เป็นโครงการที่สามารถดำเนินการได้โดยสอดคล้องกับศึกยภาพและความต้องการของพื้นที่และ ชุมชนอย่างเหมาะสม และประการสุดท้าย เป็นโครงการที่ประหยัดไม่ฟุ่มเฟือย
จากการสัมมนาประเมินผลโครงการ กระทรวงการต่างประเทศ และสปช.พบว่าเด็กในโครงการมีความตื่นตัวกระตือรือร้นที่จะมีส่วนร่วมในโครงการและดำเนินกิจกรรมของโครงการอย่างตั้งใจสนุกสนาน เป็นผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรมของเด็กในด้านดี เด็กมีระเบียบวินัย ประหยัด มัธยัสถ์มากขึ้น รู้จักหน้าที่ตนเอง รู้จักการใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ และมีมารยาทดีงามขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น การดำเนินกิจการโครงการในบางโรงเรียน อาทิ โรงเรียนนำร่องใน จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดลพบุรี ประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในโรงเรียน ซึ่งเป็นตัวอย่างผลสำเร็จอันเป็นรูปธรรมของโครงการยุวทูตความดี เฉลิมพระเกียรติฯด้วย
กระทรวงการต่างประเทศ และสปช.พบว่า การที่จะพัฒนาและดำเนินโครงการให้มีผลสำเร็จแบบยั่งยืนจำเป็นต้องขยายผลโครงการยุวทูตความดี เฉลิมพระเกียรติฯ ไปทั้งแนวลึกและแนวราบ โดยแนวลึกคือ การขยายผลจากระดับประถมศึกษา ไปสู่ระดับมัธยมศึกษา และ อาชีวศึกษา และแนวราบ คือการขยายโอกาส การเข้าร่วมโครงการยุวทูตความดี เฉลิมพระเกียรติฯ ไปยังโรงเรียนต่าง ๆ ทั่วทั้ง 76 จังหวัดและขณะนี้ก็มีโรงเรียนต่าง ๆ ในภูมิภาคเริ่มสนใจที่จะเข้าร่วมโครงการดังกล่าวมากขึ้น
โครงการยุวทูต เฉลิมพระเกียรติฯ นี้ นอกจากจะประสบความสำเร็จในการเพิ่มพูน จริยธรรม คุณธรรม และคุณภาพของเด็กนักเรียนในโครงการฯ แล้ว สิ่งที่พิเศษคือ การเพิ่มมิติด้านการต่างประเทศให้แก่นักเรียน โดยโครงการฯ นี้จัดให้มีเพื่อนยุวทูต ซึ่งเป็นสถานเอกอัครราชทูตต่างประเทศประจำประเทศไทย และสถานเอกอัครราชทูตไทยในต่างประเทศให้มีโอกาสติดต่อสัมพันธ์ และช่วยเหลือโรงเรียนดังกล่าวด้วย ในขณะเดียวกันโรงเรียนและนักเรียน หรือแม้แต่ชุมชนนั้น ๆ ก็มีโอกาสรู้จักปฏิสัมพันธ์และเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ จากเพื่อนยุวทูตจากต่างประเทศด้วยถือว่าเป็นกระบวนการเรียนรู้ร่วมกัน และเป็นการเปิดโลกทัศน์ของเด็กไทย ซึ่งจะเป็นการเตรียมเด็กไทยให้มีความพร้อมที่จะสามารถแข่งขันกับกระแสโลกาวิวัฒน์ได้
จากผลการสัมมนาครั้งนี้ โรงเรียนนำร่องของโครงการยุวทูตความดี เฉลิมพระเกียรติฯ ได้แสดงความพร้อมที่จะไปขยายผล โครงการให้แก่โรงเรียนอื่น ๆ ในเขตการศึกษา และจังหวัดตน รวมทั้งจะขยายโอกาสให้ชุมชนได้มีส่วนร่วมต่าง ๆ ในกิจกรรมของโครงการอย่างจริงจัง เพื่อพัฒนาให้โครงการยุวทูต เฉลิมพระเกียรติฯ มีลักษณะเป็นเครือข่าย และมีความยั่งยืนต่อไป
ในตอนท้าย นายดอนฯกล่าวว่า ในวันที่ 12 กันยายน 2543 เวลา 10.00 น. กระทรวงการต่างประเทศจะพบปะกับสถานเอกอัครราชทูตต่างประเทศในประเทศไทย ซึ่งเข้าร่วมโครงการในกรอบของ "เพื่อนยุวทูตความดี" เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปผลความคืบหน้าการดำเนินโครงการยุวทูตความดี เฉลิมพระเกียรติให้คณะทูตได้รับทราบด้วย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-