ตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2540 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจอย่างรุนแรง และยังไม่มีแนวโน้มจะฟื้นตัวกลับมาดีดังเช่นในช่วงปี 2535-2539 ซึ่งเป็นช่วงที่อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยเติบโตสูงสุด อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจากต่างประเทศยังมีความมั่นใจในศักยภาพของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เนื่องจากความแข็งแกร่งด้านการผลิตซึ่งประเทศไทยมีพื้นฐานมาเป็นเวลานานพอสมควร ประกอบกับรัฐบาล ให้การสนับสนุนการลงทุนจากต่างประเทศมาโดยตลอด ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านไม่ว่าจะเป็นมาเลเซีย หรืออินโดนีเซีย มีการผลิตรถยนต์แห่งชาติเป็นของตนเอง ทำให้นักลงทุนจากต่างประเทศไม่ค่อยสนใจที่จะเข้าไปลงทุนมากนัก
ความได้เปรียบทางด้านภูมิศาสตร์ที่เชื่อมโยงภูมิภาคอาเซียน และอินโดจีน ซึ่งเศรษฐกิจยังมีลู่ทางเติบโตอีกมาก การเมืองที่ค่อนข้างมีเสถียรภาพ เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการลงทุนจากต่างชาติ เพื่อที่จะใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการผลิตและส่งออกรถยนต์ไปยังตลาดในภูมิภาคนี้ ส่งผลให้มีนักลงทุนจากต่างประเทศให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่จากสหรัฐฯ 3 ราย หรือที่มักเรียกกันว่ากลุ่ม Big 3 ซึ่งในขณะนี้ ได้เข้ามาลงทุนตั้งโรงงานในไทยแล้ว 2 บริษัท ได้เริ่มทำการผลิตแล้ว 1 บริษัท และอีก 1 บริษัท คาดว่าจะเปิดโรงงานได้ภายในปี 2543 โดยมีกำลังการผลิตรวม 241,000 คันต่อปี ส่วนอีก 1 บริษัทที่เหลือแม้จะไม่ได้เข้ามาตั้งโรงงานของตนเองในประเทศไทยแต่ได้มีการจ้างโรงงานในประเทศไทยผลิตรถยนต์ให้เป็นบางรุ่น นอกจากกลุ่ม Big 3 แล้ว ยังมีผู้ผลิตรายใหญ่จากยุโรปอีก 1 ราย เข้ามาลงทุนตั้งโรงงานโดยจะเริ่มต้นผลิตได้ในปีหน้า โดยจะมีกำลังการผลิตปีละ 10,000 คัน
สำหรับกลุ่ม Big 3 ที่ได้เข้ามาลงทุนผลิตรถยนต์ในประเทศไทยแล้วนั้น เป็นกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์คุณภาพสูง ดังนั้น ชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่ใช้ในการผลิตรถยนต์จะต้องเป็นชิ้นส่วนที่มีคุณภาพได้มาตรฐานตามกำหนดด้วย การเข้ามาลงทุนของกลุ่ม Big 3 ในไทย จึงส่งผลให้อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศไทยพัฒนาคุณภาพให้ได้มาตรฐานตามที่กลุ่ม Big 3 กำหนด ซึ่งเป็นมาตรฐานชิ้นส่วนที่เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปในอุตสาหกรรมรถยนต์ คุณภาพของชิ้นส่วนรถยนต์ที่ได้มาตรฐานสากลย่อมช่วยให้ประเทศไทยมีความได้เปรียบมากขึ้นในอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ และชิ้นส่วนต่อไปในอนาคต
ต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโปรดติดต่อส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักบริหาร โทร. 271-3700, 278-0047, 617-2111 ต่อ 1142-1145
--ที่มา ส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักบริหาร--
-อน-
ความได้เปรียบทางด้านภูมิศาสตร์ที่เชื่อมโยงภูมิภาคอาเซียน และอินโดจีน ซึ่งเศรษฐกิจยังมีลู่ทางเติบโตอีกมาก การเมืองที่ค่อนข้างมีเสถียรภาพ เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการลงทุนจากต่างชาติ เพื่อที่จะใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการผลิตและส่งออกรถยนต์ไปยังตลาดในภูมิภาคนี้ ส่งผลให้มีนักลงทุนจากต่างประเทศให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่จากสหรัฐฯ 3 ราย หรือที่มักเรียกกันว่ากลุ่ม Big 3 ซึ่งในขณะนี้ ได้เข้ามาลงทุนตั้งโรงงานในไทยแล้ว 2 บริษัท ได้เริ่มทำการผลิตแล้ว 1 บริษัท และอีก 1 บริษัท คาดว่าจะเปิดโรงงานได้ภายในปี 2543 โดยมีกำลังการผลิตรวม 241,000 คันต่อปี ส่วนอีก 1 บริษัทที่เหลือแม้จะไม่ได้เข้ามาตั้งโรงงานของตนเองในประเทศไทยแต่ได้มีการจ้างโรงงานในประเทศไทยผลิตรถยนต์ให้เป็นบางรุ่น นอกจากกลุ่ม Big 3 แล้ว ยังมีผู้ผลิตรายใหญ่จากยุโรปอีก 1 ราย เข้ามาลงทุนตั้งโรงงานโดยจะเริ่มต้นผลิตได้ในปีหน้า โดยจะมีกำลังการผลิตปีละ 10,000 คัน
สำหรับกลุ่ม Big 3 ที่ได้เข้ามาลงทุนผลิตรถยนต์ในประเทศไทยแล้วนั้น เป็นกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์คุณภาพสูง ดังนั้น ชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่ใช้ในการผลิตรถยนต์จะต้องเป็นชิ้นส่วนที่มีคุณภาพได้มาตรฐานตามกำหนดด้วย การเข้ามาลงทุนของกลุ่ม Big 3 ในไทย จึงส่งผลให้อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศไทยพัฒนาคุณภาพให้ได้มาตรฐานตามที่กลุ่ม Big 3 กำหนด ซึ่งเป็นมาตรฐานชิ้นส่วนที่เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปในอุตสาหกรรมรถยนต์ คุณภาพของชิ้นส่วนรถยนต์ที่ได้มาตรฐานสากลย่อมช่วยให้ประเทศไทยมีความได้เปรียบมากขึ้นในอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ และชิ้นส่วนต่อไปในอนาคต
ต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโปรดติดต่อส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักบริหาร โทร. 271-3700, 278-0047, 617-2111 ต่อ 1142-1145
--ที่มา ส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักบริหาร--
-อน-