กรุงเทพฯ--9 ต.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2544 ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนภายหลังการเยือนเมืองท่าขี้เหล็ก สหภาพพม่า โดยมีนายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ พลโทขิ่น ยุ้น เลขาธิการ 1 ของสภาสันติภาพและการพัฒนาแห่งรัฐของสหภาพพม่า ร่วมอยู่ด้วย ว่า พลโทขิ่น ยุ้น ได้เชิญตนและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เยือนเมืองท่าขี้เหล็กเพื่อร่วมกันสำรวจสถานที่ที่จะสร้างสะพานมิตรภาพเชื่อมระหว่าง อ.แม่สายของไทยและเมืองท่าขี้เหล็กของสหภาพพม่า ซึ่งเป็นข้อตกลงระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ พลโทขิ่น ยุ้น เมื่อครั้งที่เยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2544 หลังจากนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองฝ่ายได้หารือร่วมกันเพื่อให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรม และได้เห็นพ้องกันที่จะสร้างสะพานมิตรภาพไทย-พม่า แห่งที่สองขึ้น ที่ อ.แม่สายในฝั่งไทย และ เมืองท่าขี้เหล็กในฝั่งพม่า เพื่อส่งเสริมการขนส่งสินค้าและการท่องเที่ยวระหว่างกัน เนื่องจากสะพานมิตรภาพไทย-พม่า แห่งที่หนึ่ง คับแคบและการจราจรคับคั่ง การก่อสร้างสะพานมิตรภาพแห่งที่สองนี้จะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด สะพานแห่งนี้จะสามารถเชื่อมเส้นทางระหว่างจังหวัดเชียงรายกับเมืองท่าขี้เหล็ก เชียงตุง และสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งจะเป็นการเปิดเส้นทางการค้าและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประชาชนในภาคเหนือและของประเทศไทยโดยรวมด้วย ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมได้พิจารณาแล้ว ตกลงที่จะสร้างสะพานที่มีความกว้าง 12 เมตร ผิวการจราจร 9 เมตร และกรมทางหลวงจะได้เร่งออกแบบสะพาน และดำเนินการก่อสร้างสะพานให้แล้วเสร็จในเวลาเดียวกับที่ฝ่ายพม่า ที่จะตัดถนนเชื่อมกับเมืองเชียงตุงเสร็จสิ้น ทั้งนี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณกลางปี 2545
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้แถลงเพิ่มเติมว่าสะพานมิตรภาพแห่งนี้จะเป็นสะพานที่เชื่อมประเทศต่างๆ ในอาเซียน ดังนั้น เมื่อการก่อสร้างสะพานแล้วเสร็จ ก็จะช่วยเพิ่มปริมาณการค้าและการท่องเที่ยวได้มาก และคาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จภายใน 7-8 เดือน โดยฝ่ายไทยจะเริ่มออกแบบสะพานซึ่งจะมีความยาว 60 เมตร และจะมีการสร้างถนนในฝั่งพม่าต่อจากสะพานอีกประมาณ 800 เมตร รวมความยาวทั้งหมดประมาณ 1.5 กิโลเมตร โดยฝ่ายไทยจะเป็นผู้ออกเงินก่อสร้างซึ่งได้ตั้งงบประมาณไว้ 25-30 ล้านบาท ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงเส้นทางในฝั่งไทยแล้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้กล่าวเพิ่มเติมว่าวันนี้ (7 ตุลาคม 2544) เป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ เพราะนอกจากการที่พลโทขิ่น ยุ้น ได้เชิญรัฐมนตรีไทยทั้งสองไปสำรวจสถานที่ในเขตพม่า พลโทขิ่น ยุ้น ยังได้ตอบรับคำเชิญของฝ่ายไทยมาสำรวจสถานที่ที่จะก่อสร้างสะพานในฝั่งไทยด้วย ซึ่งเป็นการเยือน อ.แม่สายเป็นครั้งแรกของพลโทขิ่น ยุ้น อันแสดงถึงความไว้วางใจ ความเป็นมิตรและการให้เกียรติแก่กันและกัน นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของความสัมพันธ์ฉันพี่น้องระหว่างสองประเทศ นอกจากนี้ พลโทขิ่น ยุ้น จะนำฝ่ายไทยไปเยี่ยมชมโครงการเกษตรกรรมปลูกพืชทดแทนยาเสพติด ซึ่งฝ่ายพม่ามีความจริงใจที่จะร่วมมือกับไทยป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตามที่ได้ตกลงไว้กันไว้ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะได้เรียนให้นายกรัฐมนตรีทราบต่อไป
นอกจากนี้ ในระหว่างการหารือ พลโทขิ่น ยุ้น ได้แจ้งว่าได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการปลดรายการสินค้า 15 รายการ ของไทยโดยเร็วที่สุด รวมทั้งรับจะสั่งการให้มีการผ่อนคลายเงื่อนไขในด้านการร่วมลงทุนทำประมงเพื่อส่งเสริมให้ทั้งสองฝ่ายสามารถร่วมลงทุนด้านการประมงได้ สำหรับความร่วมมือเรื่องแรงงานพม่าที่จะเดินทางกลับประเทศ ฝ่ายพม่าพร้อมที่จะจัดหา สถานที่ และฝ่ายไทยจะร่วมมือกับมิตรประเทศ และองค์การระหว่างประเทศ จัดทำโครงการสร้างงาน สร้างรายได้ในเขตพม่า เพื่อให้แรงงานที่เดินทางกลับพม่ามีงานทำ
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-
เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2544 ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนภายหลังการเยือนเมืองท่าขี้เหล็ก สหภาพพม่า โดยมีนายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ พลโทขิ่น ยุ้น เลขาธิการ 1 ของสภาสันติภาพและการพัฒนาแห่งรัฐของสหภาพพม่า ร่วมอยู่ด้วย ว่า พลโทขิ่น ยุ้น ได้เชิญตนและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เยือนเมืองท่าขี้เหล็กเพื่อร่วมกันสำรวจสถานที่ที่จะสร้างสะพานมิตรภาพเชื่อมระหว่าง อ.แม่สายของไทยและเมืองท่าขี้เหล็กของสหภาพพม่า ซึ่งเป็นข้อตกลงระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ พลโทขิ่น ยุ้น เมื่อครั้งที่เยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2544 หลังจากนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองฝ่ายได้หารือร่วมกันเพื่อให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรม และได้เห็นพ้องกันที่จะสร้างสะพานมิตรภาพไทย-พม่า แห่งที่สองขึ้น ที่ อ.แม่สายในฝั่งไทย และ เมืองท่าขี้เหล็กในฝั่งพม่า เพื่อส่งเสริมการขนส่งสินค้าและการท่องเที่ยวระหว่างกัน เนื่องจากสะพานมิตรภาพไทย-พม่า แห่งที่หนึ่ง คับแคบและการจราจรคับคั่ง การก่อสร้างสะพานมิตรภาพแห่งที่สองนี้จะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด สะพานแห่งนี้จะสามารถเชื่อมเส้นทางระหว่างจังหวัดเชียงรายกับเมืองท่าขี้เหล็ก เชียงตุง และสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งจะเป็นการเปิดเส้นทางการค้าและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประชาชนในภาคเหนือและของประเทศไทยโดยรวมด้วย ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมได้พิจารณาแล้ว ตกลงที่จะสร้างสะพานที่มีความกว้าง 12 เมตร ผิวการจราจร 9 เมตร และกรมทางหลวงจะได้เร่งออกแบบสะพาน และดำเนินการก่อสร้างสะพานให้แล้วเสร็จในเวลาเดียวกับที่ฝ่ายพม่า ที่จะตัดถนนเชื่อมกับเมืองเชียงตุงเสร็จสิ้น ทั้งนี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณกลางปี 2545
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้แถลงเพิ่มเติมว่าสะพานมิตรภาพแห่งนี้จะเป็นสะพานที่เชื่อมประเทศต่างๆ ในอาเซียน ดังนั้น เมื่อการก่อสร้างสะพานแล้วเสร็จ ก็จะช่วยเพิ่มปริมาณการค้าและการท่องเที่ยวได้มาก และคาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จภายใน 7-8 เดือน โดยฝ่ายไทยจะเริ่มออกแบบสะพานซึ่งจะมีความยาว 60 เมตร และจะมีการสร้างถนนในฝั่งพม่าต่อจากสะพานอีกประมาณ 800 เมตร รวมความยาวทั้งหมดประมาณ 1.5 กิโลเมตร โดยฝ่ายไทยจะเป็นผู้ออกเงินก่อสร้างซึ่งได้ตั้งงบประมาณไว้ 25-30 ล้านบาท ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงเส้นทางในฝั่งไทยแล้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้กล่าวเพิ่มเติมว่าวันนี้ (7 ตุลาคม 2544) เป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ เพราะนอกจากการที่พลโทขิ่น ยุ้น ได้เชิญรัฐมนตรีไทยทั้งสองไปสำรวจสถานที่ในเขตพม่า พลโทขิ่น ยุ้น ยังได้ตอบรับคำเชิญของฝ่ายไทยมาสำรวจสถานที่ที่จะก่อสร้างสะพานในฝั่งไทยด้วย ซึ่งเป็นการเยือน อ.แม่สายเป็นครั้งแรกของพลโทขิ่น ยุ้น อันแสดงถึงความไว้วางใจ ความเป็นมิตรและการให้เกียรติแก่กันและกัน นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของความสัมพันธ์ฉันพี่น้องระหว่างสองประเทศ นอกจากนี้ พลโทขิ่น ยุ้น จะนำฝ่ายไทยไปเยี่ยมชมโครงการเกษตรกรรมปลูกพืชทดแทนยาเสพติด ซึ่งฝ่ายพม่ามีความจริงใจที่จะร่วมมือกับไทยป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตามที่ได้ตกลงไว้กันไว้ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะได้เรียนให้นายกรัฐมนตรีทราบต่อไป
นอกจากนี้ ในระหว่างการหารือ พลโทขิ่น ยุ้น ได้แจ้งว่าได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการปลดรายการสินค้า 15 รายการ ของไทยโดยเร็วที่สุด รวมทั้งรับจะสั่งการให้มีการผ่อนคลายเงื่อนไขในด้านการร่วมลงทุนทำประมงเพื่อส่งเสริมให้ทั้งสองฝ่ายสามารถร่วมลงทุนด้านการประมงได้ สำหรับความร่วมมือเรื่องแรงงานพม่าที่จะเดินทางกลับประเทศ ฝ่ายพม่าพร้อมที่จะจัดหา สถานที่ และฝ่ายไทยจะร่วมมือกับมิตรประเทศ และองค์การระหว่างประเทศ จัดทำโครงการสร้างงาน สร้างรายได้ในเขตพม่า เพื่อให้แรงงานที่เดินทางกลับพม่ามีงานทำ
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-