แท็ก
ธรรมชาติ
ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์จากไม้ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่วัตถุดิบไม้ที่นำมาใช้ทำผลิตภัณฑ์เหล่านั้นกลับร่อยหรอลงทุกขณะ ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์จากไม้ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในประเทศกำลังพัฒนาจึงประสบปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ และลักลอบนำไม้จากป่าธรรมชาติมาใช้เป็นวัตถุดิบเพื่อผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ไม้กันอย่างกว้างขวาง
ความจำเป็นในการใช้ไม้เป็นวัตถุดิบสำหรับผลิตสินค้าต่างๆ ที่มีจำนวนมากอย่างต่อเนื่องทำให้นานาชาติต่างวิตกกังวลว่าป่าไม้จากแหล่งธรรมชาติจะหมดไปจากโลก ซึ่งจะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ตามมา จึงได้มีการจัดตั้งองค์กร FSC (Forest Stewardship Council) ซึ่งเป็นองค์กรเอกชนภายใต้ความร่วมมือของกลุ่มต่างๆ จากทั่วโลก อาทิ กลุ่มนักอนุรักษ์ป่าไม้และสิ่งแวดล้อม ผู้ค้าไม้ ผู้ผลิตสินค้าจากไม้ กลุ่มชนพื้นเมือง และองค์กรผู้ให้การรับรองไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้ เพื่อจัดทำระบบการให้การรับรองไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ เป็นการรับประกันว่าไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ที่ได้รับการประทับเครื่องหมาย FSC เป็นไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ที่ใช้ไม้จากป่าธรรมชาติหรือแปลงปลูกป่าที่มีการจัดการป่าอย่างถูกต้องตามหลักการที่เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติทั้งในด้านสังคม เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม โดยยึดหลักการสำคัญ คือ ความถูกต้องตามกฎหมายของประเทศที่ผืนป่านั้นตั้งอยู่ สิทธิในการใช้ที่ดินบนผืนป่านั้น สิทธิของชนพื้นเมืองดั้งเดิมที่อาศัยอยู่ในป่านั้น การใช้ประโยชน์จากป่าไม้ให้คุ้มค่าที่สุด ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ การกำหนดแผนการจัดการป่าอย่างเหมาะสม รวมทั้งระบบการควบคุมดูแลรักษาสภาพผืนป่าและการกำหนดแผนการปลูกป่าทดแทน เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อยืนยันว่าไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ที่ประทับเครื่องหมาย FSC มิได้มาจากการทำลายป่าธรรมชาติเพิ่มขึ้น
ขั้นตอนการรับรองไม้และผลิตภัณฑ์ไม้
ก่อนการรับรองไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ ต้องมีการตรวจสอบป่าหรือแปลงปลูกป่าซึ่งเป็นที่มาของไม้ที่นำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตผลิตภัณฑ์ไม้ก่อน โดย FSC เป็นผู้ทำหน้าที่ในการออกกฎระเบียบและหลักเกณฑ์ในการประเมินหลักเกณฑ์ในการรับรองไม้ ตลอดจนติดตามการทำงานขององค์กรอิสระ (Certified Bodies) ที่ FSC ได้แต่งตั้งขึ้นเพื่อให้ทำหน้าที่แทน FSC ในการตรวจสอบป่าและออกใบรับรอง สำหรับขั้นตอนการตรวจสอบป่าที่ต้องการใบรับรองจาก FSC มีกระบวนการสำคัญ ดังนี้
- ยื่นความจำนง ผู้จัดการป่าที่ต้องการใบรับรองจาก FSC สามารถแสดงความจำนงและยื่นใบสมัครต่อองค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบป่าเพื่อให้เข้าตรวจสอบป่าในความรับผิดชอบของตน ในขั้นตอนนี้ทางผู้ตรวจสอบจะตรวจสอบกับผู้จัดการป่าเพื่อพิจารณาว่าป่านั้นจะต้องใช้ใบรับรองประเภทใด ตลอดจนแจ้งค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบ หลังจากนั้นอาจมีการจัดคณะผู้ตรวจสอบเข้าหารือกับคณะผู้จัดการป่าเพื่อทำการตรวจสอบการบริหารงานป่าในขั้นต้นว่ามีจุดใดต้องปรับปรุงก่อนการตรวจสอบจริง
- ตรวจสอบข้อมูล คณะผู้จัดการป่าส่งเอกสารแผนการดำเนินงานของป่าและเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องแก่องค์กรผู้ตรวจสอบเพื่อพิจารณาแผนการดำเนินงานทุกขั้นตอนว่าเป็นไปตามมาตรฐานของ FSC หรือไม่อย่างไร
- ตรวจสอบสถานที่ คณะผู้ตรวจสอบเข้าตรวจสอบพื้นที่ปลูกป่า โดยตรวจสอบทั้งพื้นที่ที่กำลังมีการตัดไม้ แหล่งน้ำและพื้นที่ปลูกไม้เพิ่มเติมว่าเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่
- การออกใบรับรอง คณะผู้ตรวจสอบยื่นรายงานการตรวจสอบให้แก่คณะผู้เชี่ยวชาญเพื่อลงความเห็นว่าควรให้การรับรองป่าผืนนั้นหรือไม่ หากจะให้การรับรองนั้นมีประเด็นใดที่ต้องทำการปรับปรุงเพิ่มเติมหรือไม่
- การติดเครื่องหมาย ไม้ในป่าที่ได้รับการรับรองแล้วจะติดเครื่องหมาย FSC ก่อนถูกแยกออกจากไม้ทั่วไปในทุกกระบวนการผลิตตั้งแต่ในป่า โรงเลื่อย จนถึงโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์ไม้ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีไม้อื่นเข้ามาปะปน
- การทบทวนการออกใบรับรอง ใบรับรองมีอายุประมาณ 1-5 ปี ในช่วงดังกล่าวจะมีการตรวจสอบ ผืนป่าที่ได้รับใบรับรองทุกปี นอกจากนี้ยังอาจมีการสุ่มตรวจนอกเหนือจากการตรวจประจำปีด้วย
FSC เป็นองค์กรนานาชาติที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในด้านการให้การรับรองไม้และผลิตภัณฑ์ไม้
ปัจจุบันมีพื้นที่ป่าที่ได้รับการรับรองจาก FSC รวมกันกว่า 90 ล้านไร่ และมีแนวโน้มขยายตัวอย่างรวดเร็วเนื่องจากกระแสการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆ รุนแรงขึ้นทุกขณะ ประเทศต่างๆ โดยเฉพาะประเทศผู้ส่งออกไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้จึงตระหนักถึงความสำคัญของการได้รับการรับรองว่าไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ที่ตนผลิตขึ้นมีวัตถุดิบมาจากป่าที่มีระบบการจัดการที่มีความรับผิดชอบต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม สำหรับประเทศไทย
ในฐานะผู้ผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์ไม้ที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการรับรองไม้ เพราะในอนาคตคาดว่าประเทศผู้นำเข้าไม้และผลิตภัณฑ์ไม้จะยกประเด็นเรื่องการรับรองไม้มาเป็นข้อกีดกันทางการค้ามากขึ้น ขณะที่ป่าไม้ในประเทศคู่แข่งสำคัญของไทยทั้งอินโดนีเซีย มาเลเซีย และเวียดนามบางส่วน ได้รับการรับรองจาก FSC แล้วทั้งสิ้น
--Exim News ปีที่ 7 ฉบับที่ 1 ประจำเดือนมกราคม 2543--
-อน-
ความจำเป็นในการใช้ไม้เป็นวัตถุดิบสำหรับผลิตสินค้าต่างๆ ที่มีจำนวนมากอย่างต่อเนื่องทำให้นานาชาติต่างวิตกกังวลว่าป่าไม้จากแหล่งธรรมชาติจะหมดไปจากโลก ซึ่งจะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ตามมา จึงได้มีการจัดตั้งองค์กร FSC (Forest Stewardship Council) ซึ่งเป็นองค์กรเอกชนภายใต้ความร่วมมือของกลุ่มต่างๆ จากทั่วโลก อาทิ กลุ่มนักอนุรักษ์ป่าไม้และสิ่งแวดล้อม ผู้ค้าไม้ ผู้ผลิตสินค้าจากไม้ กลุ่มชนพื้นเมือง และองค์กรผู้ให้การรับรองไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้ เพื่อจัดทำระบบการให้การรับรองไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ เป็นการรับประกันว่าไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ที่ได้รับการประทับเครื่องหมาย FSC เป็นไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ที่ใช้ไม้จากป่าธรรมชาติหรือแปลงปลูกป่าที่มีการจัดการป่าอย่างถูกต้องตามหลักการที่เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติทั้งในด้านสังคม เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม โดยยึดหลักการสำคัญ คือ ความถูกต้องตามกฎหมายของประเทศที่ผืนป่านั้นตั้งอยู่ สิทธิในการใช้ที่ดินบนผืนป่านั้น สิทธิของชนพื้นเมืองดั้งเดิมที่อาศัยอยู่ในป่านั้น การใช้ประโยชน์จากป่าไม้ให้คุ้มค่าที่สุด ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ การกำหนดแผนการจัดการป่าอย่างเหมาะสม รวมทั้งระบบการควบคุมดูแลรักษาสภาพผืนป่าและการกำหนดแผนการปลูกป่าทดแทน เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อยืนยันว่าไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ที่ประทับเครื่องหมาย FSC มิได้มาจากการทำลายป่าธรรมชาติเพิ่มขึ้น
ขั้นตอนการรับรองไม้และผลิตภัณฑ์ไม้
ก่อนการรับรองไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ ต้องมีการตรวจสอบป่าหรือแปลงปลูกป่าซึ่งเป็นที่มาของไม้ที่นำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตผลิตภัณฑ์ไม้ก่อน โดย FSC เป็นผู้ทำหน้าที่ในการออกกฎระเบียบและหลักเกณฑ์ในการประเมินหลักเกณฑ์ในการรับรองไม้ ตลอดจนติดตามการทำงานขององค์กรอิสระ (Certified Bodies) ที่ FSC ได้แต่งตั้งขึ้นเพื่อให้ทำหน้าที่แทน FSC ในการตรวจสอบป่าและออกใบรับรอง สำหรับขั้นตอนการตรวจสอบป่าที่ต้องการใบรับรองจาก FSC มีกระบวนการสำคัญ ดังนี้
- ยื่นความจำนง ผู้จัดการป่าที่ต้องการใบรับรองจาก FSC สามารถแสดงความจำนงและยื่นใบสมัครต่อองค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบป่าเพื่อให้เข้าตรวจสอบป่าในความรับผิดชอบของตน ในขั้นตอนนี้ทางผู้ตรวจสอบจะตรวจสอบกับผู้จัดการป่าเพื่อพิจารณาว่าป่านั้นจะต้องใช้ใบรับรองประเภทใด ตลอดจนแจ้งค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบ หลังจากนั้นอาจมีการจัดคณะผู้ตรวจสอบเข้าหารือกับคณะผู้จัดการป่าเพื่อทำการตรวจสอบการบริหารงานป่าในขั้นต้นว่ามีจุดใดต้องปรับปรุงก่อนการตรวจสอบจริง
- ตรวจสอบข้อมูล คณะผู้จัดการป่าส่งเอกสารแผนการดำเนินงานของป่าและเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องแก่องค์กรผู้ตรวจสอบเพื่อพิจารณาแผนการดำเนินงานทุกขั้นตอนว่าเป็นไปตามมาตรฐานของ FSC หรือไม่อย่างไร
- ตรวจสอบสถานที่ คณะผู้ตรวจสอบเข้าตรวจสอบพื้นที่ปลูกป่า โดยตรวจสอบทั้งพื้นที่ที่กำลังมีการตัดไม้ แหล่งน้ำและพื้นที่ปลูกไม้เพิ่มเติมว่าเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่
- การออกใบรับรอง คณะผู้ตรวจสอบยื่นรายงานการตรวจสอบให้แก่คณะผู้เชี่ยวชาญเพื่อลงความเห็นว่าควรให้การรับรองป่าผืนนั้นหรือไม่ หากจะให้การรับรองนั้นมีประเด็นใดที่ต้องทำการปรับปรุงเพิ่มเติมหรือไม่
- การติดเครื่องหมาย ไม้ในป่าที่ได้รับการรับรองแล้วจะติดเครื่องหมาย FSC ก่อนถูกแยกออกจากไม้ทั่วไปในทุกกระบวนการผลิตตั้งแต่ในป่า โรงเลื่อย จนถึงโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์ไม้ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีไม้อื่นเข้ามาปะปน
- การทบทวนการออกใบรับรอง ใบรับรองมีอายุประมาณ 1-5 ปี ในช่วงดังกล่าวจะมีการตรวจสอบ ผืนป่าที่ได้รับใบรับรองทุกปี นอกจากนี้ยังอาจมีการสุ่มตรวจนอกเหนือจากการตรวจประจำปีด้วย
FSC เป็นองค์กรนานาชาติที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในด้านการให้การรับรองไม้และผลิตภัณฑ์ไม้
ปัจจุบันมีพื้นที่ป่าที่ได้รับการรับรองจาก FSC รวมกันกว่า 90 ล้านไร่ และมีแนวโน้มขยายตัวอย่างรวดเร็วเนื่องจากกระแสการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆ รุนแรงขึ้นทุกขณะ ประเทศต่างๆ โดยเฉพาะประเทศผู้ส่งออกไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้จึงตระหนักถึงความสำคัญของการได้รับการรับรองว่าไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ที่ตนผลิตขึ้นมีวัตถุดิบมาจากป่าที่มีระบบการจัดการที่มีความรับผิดชอบต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม สำหรับประเทศไทย
ในฐานะผู้ผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์ไม้ที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการรับรองไม้ เพราะในอนาคตคาดว่าประเทศผู้นำเข้าไม้และผลิตภัณฑ์ไม้จะยกประเด็นเรื่องการรับรองไม้มาเป็นข้อกีดกันทางการค้ามากขึ้น ขณะที่ป่าไม้ในประเทศคู่แข่งสำคัญของไทยทั้งอินโดนีเซีย มาเลเซีย และเวียดนามบางส่วน ได้รับการรับรองจาก FSC แล้วทั้งสิ้น
--Exim News ปีที่ 7 ฉบับที่ 1 ประจำเดือนมกราคม 2543--
-อน-