แท็ก
กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
จังหวัดอุบลราชธานี
พรรคประชาธิปัตย์
วิฑูรย์ นามบุตร
รัฐสภา
วันนี้( 29 มิ.ย.48) ที่อาคารรัฐสภา นายวิฑูรย์ นามบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดอุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอภิปรายงบประมาณ ปี2549 ว่าการจัดสรรงบประมาณของรัฐบาลไม่เป็นธรรม โดย กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นกระทรวงที่ดูแลคนจนเกือบทั้งประเทศ แต่ได้รับงบประมาณ 5,984 ล้านบาท ซึ่งถือว่าน้อยมาก ทั้งที่คนในชนบทจึงยังขาดโอกาสมาก และยังมีหลายโครงการที่รัฐบาลไม่ใส่ใจที่จะแก้ปัญหาจริงจัง
เช่นโครงการที่เกี่ยวข้องกับประชาชนในชนบทโดยตรง ในส่วนของกรมทางหลวงชนบท ที่ไปดูแลโครงสร้างพื้นฐาน ปรากฎว่าปีนี้ได้งบประมาณน้อยมาก ทั้งเป็นงบก่อสร้างที่เน้นเฉพาะในตัวเมืองแหล่งที่เจริญอยู่แล้ว
และยังมีโครงการที่ส่อทุจริตและไม่ปฏิบัติตามนโยบายที่แถลงไว้ เช่นโครงการกองทุนฟื้นฟูเกษตรกร 1,800 ล้านบาท งบประมาณตรงนี้จัดไว้ตั้งแต่ปี 2542 รัฐบาลพรรคไทยรักไทยเข้ามาบริหารประเทศ เงินส่วนนี้ไม่ถึงมือเกษตรกร และยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนจนวันนี้
อีกโครงการหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับปัญหาของความยากจน คือการช่วยเหลือเกษตรกรจากภัยทางธรรมชาติเป็นเงินสดในงบประมาณ 2,990 ล้านบาท จากการสอบถามไปยังสำนักงบประมาณได้รับคำตอบว่างบเตรียมเรียบร้อยแล้ว รอเพียงมติครม.ส่งมาเท่านั้น เรื่องดังกล่าวนี้ นายเนวิน ชิดชอบ รมช.เกษตรฯ ได้ยืนยันในที่ประชุมสภาฯว่าจะนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมครม.ในเดือน มิ.ย.นี้ แต่ปรากฎว่าจนวันนี้ยังไม่มีความคืบหน้า
นายวิฑูรย์ กล่าวต่อว่าอีกหนึ่งโครงการที่ส่อทุจริตคือโครงการจำนำข้าวเปลือกในวงเงิน 20,000 ล้านบาท โดยการทุจริตโดยการสวมสิทธิ์ชาวนา มาเบิกเงินจากโครงการ พอรัฐบาลทราบว่ามีการทุจริตในโครงการดังกล่าว กลับประกาศว่าจะยกเลิกโครงการจำนำข้าว ซึ่งเป็นแก้ไขปัญหาไม่ถูกต้อง ‘การแก้ปัญาเรื่องนี้ไม่ใช่การยกเลิกโครงการจำนำข้าว แต่ควรหาวิธีแก้ที่ดีกว่านี้ วิธีการทุจริตโดย คือ 1. การจำนำข้าวลม 2. นำข้าวจากท้องตลาดตันละ8,000บาทไปจำนำในราคา 10,000บาท 3.นำข้าวเก่าในโรงสีตันละ8,000บาทมาจำนำตันละ 10,000 ล้านบาท 4.นำข้าวพันธ์ปทุมตันละ 5-6 พัน ปลอมปนข้าวหอมมะลิแล้วนำไปจำนำตันละ 10,000 บาท สร้างความเสียหายให้กับข้าวหมอมะลิของไทยมาก’ นายวิฑูรย์
สุดท้ายคือโครงการโคแก้จน ซึ่งตั้งงบประมาณ 377 ล้านบาทกับโคล้านตัว เมื่อคำนวนแล้วได้โค ตัวละ 3.77 บาท จึงไม่มีโคตัวจริงมาแจกเกษตรกร โดยรัฐบาลดำเนินการโดยแจกน้ำเชื้อโคแทน เพื่อผสมเทียม จากน้ำเชื้อที่ค้างสต็อกของกรมปศุสัตว์ ถือเป็นการคิดนโยบายเอาเปรียบประชาชน
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 29 มิ.ย. 2548--จบ--
เช่นโครงการที่เกี่ยวข้องกับประชาชนในชนบทโดยตรง ในส่วนของกรมทางหลวงชนบท ที่ไปดูแลโครงสร้างพื้นฐาน ปรากฎว่าปีนี้ได้งบประมาณน้อยมาก ทั้งเป็นงบก่อสร้างที่เน้นเฉพาะในตัวเมืองแหล่งที่เจริญอยู่แล้ว
และยังมีโครงการที่ส่อทุจริตและไม่ปฏิบัติตามนโยบายที่แถลงไว้ เช่นโครงการกองทุนฟื้นฟูเกษตรกร 1,800 ล้านบาท งบประมาณตรงนี้จัดไว้ตั้งแต่ปี 2542 รัฐบาลพรรคไทยรักไทยเข้ามาบริหารประเทศ เงินส่วนนี้ไม่ถึงมือเกษตรกร และยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนจนวันนี้
อีกโครงการหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับปัญหาของความยากจน คือการช่วยเหลือเกษตรกรจากภัยทางธรรมชาติเป็นเงินสดในงบประมาณ 2,990 ล้านบาท จากการสอบถามไปยังสำนักงบประมาณได้รับคำตอบว่างบเตรียมเรียบร้อยแล้ว รอเพียงมติครม.ส่งมาเท่านั้น เรื่องดังกล่าวนี้ นายเนวิน ชิดชอบ รมช.เกษตรฯ ได้ยืนยันในที่ประชุมสภาฯว่าจะนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมครม.ในเดือน มิ.ย.นี้ แต่ปรากฎว่าจนวันนี้ยังไม่มีความคืบหน้า
นายวิฑูรย์ กล่าวต่อว่าอีกหนึ่งโครงการที่ส่อทุจริตคือโครงการจำนำข้าวเปลือกในวงเงิน 20,000 ล้านบาท โดยการทุจริตโดยการสวมสิทธิ์ชาวนา มาเบิกเงินจากโครงการ พอรัฐบาลทราบว่ามีการทุจริตในโครงการดังกล่าว กลับประกาศว่าจะยกเลิกโครงการจำนำข้าว ซึ่งเป็นแก้ไขปัญหาไม่ถูกต้อง ‘การแก้ปัญาเรื่องนี้ไม่ใช่การยกเลิกโครงการจำนำข้าว แต่ควรหาวิธีแก้ที่ดีกว่านี้ วิธีการทุจริตโดย คือ 1. การจำนำข้าวลม 2. นำข้าวจากท้องตลาดตันละ8,000บาทไปจำนำในราคา 10,000บาท 3.นำข้าวเก่าในโรงสีตันละ8,000บาทมาจำนำตันละ 10,000 ล้านบาท 4.นำข้าวพันธ์ปทุมตันละ 5-6 พัน ปลอมปนข้าวหอมมะลิแล้วนำไปจำนำตันละ 10,000 บาท สร้างความเสียหายให้กับข้าวหมอมะลิของไทยมาก’ นายวิฑูรย์
สุดท้ายคือโครงการโคแก้จน ซึ่งตั้งงบประมาณ 377 ล้านบาทกับโคล้านตัว เมื่อคำนวนแล้วได้โค ตัวละ 3.77 บาท จึงไม่มีโคตัวจริงมาแจกเกษตรกร โดยรัฐบาลดำเนินการโดยแจกน้ำเชื้อโคแทน เพื่อผสมเทียม จากน้ำเชื้อที่ค้างสต็อกของกรมปศุสัตว์ ถือเป็นการคิดนโยบายเอาเปรียบประชาชน
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 29 มิ.ย. 2548--จบ--