กรุงเทพฯ--23 ส.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
สุนทรพจน์ของ ฯพณฯ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในงานเลี้ยงอาหารค่ำซึ่งนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์จัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติที่ Istana สิงคโปร์ วันที่ 23 สิงหาคม 2544
ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี โก๊ะ ช็อก ต็อง แขกผู้มีเกียรติ สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทั้งหลาย ข้าพเจ้ามีความยินดีอย่างยิ่งทุกครั้งที่ได้มาเยือนสิงคโปร์และครั้งนี้ข้าพเจ้า ก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกัน ก่อนอื่นข้าพเจ้าขอขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรีที่ได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำแก่ข้าพเจ้าและคณะในครั้งนี้ พร้อมกันนี้ ข้าพเจ้าขอขอบคุณรัฐบาล สิงคโปร์ซึ่งได้เตรียมการต้อนรับอย่างดียิ่งทำให้การพำนักในสิงคโปร์ของข้าพเจ้าราบรื่นและประสบผลสำเร็จ สำหรับข้าพเจ้า สิงคโปร์เป็นที่ซึ่งข้าพเจ้าชื่นชอบเสมอไม่ว่าจะ เดินทางเพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจหรือเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ ทั้งยัง เหมือนกลับมาพบ กลุ่มเพื่อนเก่า ๆ นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้ข้าพเจ้าได้ติดตามพัฒนาการของเทคโนโลยี ล่าสุดของประเทศที่ประสบความสำเร็จด้านเศรษฐกิจประเทศหนึ่งของโลก ในฐานะที่การเยือนครั้งนี้เป็นการเยือนสิงคโปร์อย่างเป็นทางการครั้งแรก ภายหลังเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ข้าพเจ้าขอยืนยันความตั้งใจของประเทศไทยที่จะ กระชับและส่งเสริมความร่วมมือกับสิงคโปร์ สำหรับประชาชนไทย สิงคโปร์เป็นเพื่อนเก่า และใกล้ชิด ซึ่งไม่เพียงแต่จะเห็นพ้องกันในค่านิยมพื้นฐานหลายประการเท่านั้น แต่ยังมี ประวัติศาสตร์ร่วมกันในการแสวงหาสันติภาพและความมั่งคั่งในภูมิภาค ความสัมพันธ์ ระหว่างประเทศทั้งสองมีความใกล้ชิดแนบแน่น จากวันนี้ไปอีกไม่ถึงหนึ่งเดือนคือ ในวันที่ 20 กันยายน ศกนี้
ประเทศทั้งสองจะร่วมกันเฉลิมฉลองครบรอบ 36 ปีของความ สัมพันธ์ทางการทูต สายสัมพันธ์ระหว่างประชาชนของประเทศทั้งสองได้เติบโตไปมากกว่า ความสัมพันธ์ทางการ เกาะสิงคโปร์แม้ว่าจะมีขนาดเล็กแต่มีอิทธิพลยิ่งใหญ่ในฐานะ ศูนย์กลางแห่งการค้าขาย และเป็นต้นแบบให้แก่ผู้ส่งออกของไทยมาเป็นเวลาช้านาน สำหรับประเทศไทยได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจชาวสิงคโปร์ปีละหลายแสนคน ปริมาณการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับสิงคโปร์ซึ่งเพิ่มพูนขึ้นมาโดยตลอดเป็น หลักฐานยืนยันว่าความร่วมมือเพื่อประโยชน์ร่วมกันของประเทศทั้งสองได้เพิ่มพูนขึ้น และจะก้าวหน้าเช่นนี้ต่อไป การหารือระหว่างข้าพเจ้าและนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ในวันนี้มีความ สร้างสรรค์และมีผลเป็นแก่นสาร เราเห็นพ้องกันว่าประเทศทั้งสองมีศักยภาพที่จะร่วมมือกันในหลายด้าน ความเป็นหุ้นส่วนระหว่างกันก็สามารถขยายตัวออกไปในหลายทิศทาง รัฐบาลไทยยังคงต้อนรับการลงทุนจากสิงคโปร์อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะด้านอสังหาริมทรัพย์ การก่อสร้าง การท่องเที่ยว เทคโนโลยีสารสนเทศหรืออุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง ข้าพเจ้ามีความยินดีที่ได้ทราบว่าการประชุมโครงการแลกเปลี่ยนข้าราชการไทย-สิงคโปร์ ครั้งที่ 4 (CSEP) ได้กำหนดจะจัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ศกนี้ ที่กรุงเทพฯ โดยรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงการต่างประเทศทั้งสองประเทศเป็นประธานร่วม เพื่อศึกษาสาขาที่มี ศักยภาพในความร่วมมือในรายละเอียดและกำหนดยุทธศาสตร์และมาตรการเพื่อส่งเสริม ผลประโยชน์ร่วมกันต่อไป
ประเทศไทยเข้าใจดีว่าในการเผชิญกับความท้าทายและความซับซ้อนของ ยุคใหม่ ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จำเป็นต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับปรุงและเพิ่มพูนความสามารถในการเผชิญกับกระแสโลกาภิวัตน์ได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ด้วยเหตุนี้ไทยและสิงคโปร์จึงควรร่วมมือในการฟื้นฟูอาเซียนให้มีบทบาท หลักและเป็นที่สนใจสามารถเป็นหุ้นส่วนที่ดีให้กับประเทศอื่นๆ ในโลก อาเซียนจำเป็น ที่จะต้องมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันจึงจะสามารถมองไปข้างนอกไปสู่ความเจริญ เติบโตและความก้าวหน้า ในการประชุมสุดยอดอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ 4 ที่สิงคโปร์ ผู้นำอาเซียนได้รับหลักการ Initiative for ASEAN Integration (IAI) ซึ่งมี เป้าหมายที่จะลดช่องว่างการพัฒนาระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน ประเทศไทยจึงใคร่ขอเชิญชวนสิงคโปร์ให้เข้าร่วมในโครงการความร่วมมือเพื่อการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขง (AMBDC) ซึ่งเป็นโครงการหนึ่งที่จะทำให้หลักการ IAI เป็นจริงขึ้นมาได้ การสนับสนุน ของสิงคโปร์โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนในการก่อสร้างเส้นทางรถไฟเชื่อมต่อคุนหมิง- สิงคโปร์ในช่วงที่ยังขาดอยู่จะมีคุณค่าอย่างยิ่ง ข้าพเจ้าหวังว่าประเด็นดังกล่าวจะได้รับหยิบยกขึ้นหารือในระหว่างการประชุมระดับรัฐมนตรีของ AMBDC ครั้งที่ 3 ที่เชียงราย ในปลายเดือนตุลาคม ศกนี้
ประเทศไทยจะร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับสิงคโปร์ก่อนการประชุมสุดยอด อาเซียน ครั้งที่ 7 ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่าง 5-6 พฤศจิกายน ศกนี้ ที่บันดาร์ เสรี เบกาวัน ข้าพเจ้าพร้อมที่จะร่วมมือกับนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ในการแสวงหาแนวทางในการขยาย บทบาทอาเซียน ไทยและสิงคโปร์ในฐานะที่เป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งอาเซียนจำเป็นที่จะต้อง ยกระดับบทบาทอาเซียนให้เป็นที่น่าเชื่อถือและไว้วางใจ อาเซียนได้มีความคืบหน้าในการจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) และจะต้องดำเนินความพยายามต่อไป เพื่อให้ บรรลุเป้าหมายของ AFTA ที่ได้ตกลงกันไว้แล้ว ความพยายามหรือข้อเสนอใดๆ ที่จะ เสริมสร้างความแข็งแกร่งหรือเร่งรัดกระบวนการ AFTA จะต้องได้รับการพิจารณา อย่างจริงจังให้มีแผนการที่เป็นที่ยอมรับและนำไปปฏิบัติได้ ข้าพเจ้าขอเชิญชวนทุกท่านดื่มอวยพรให้กับความสำเร็จและสุขภาพของ ประธานาธิบดีเอส อาร์ นาธาน นายกรัฐมนตรีโก๊ะ ช็อก ต็อง และสายสัมพันธ์แห่ง มิตรภาพยิ่งยืนนานและความร่วมมือระหว่างสิงคโปร์และไทย ขอบคุณ
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-
สุนทรพจน์ของ ฯพณฯ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในงานเลี้ยงอาหารค่ำซึ่งนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์จัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติที่ Istana สิงคโปร์ วันที่ 23 สิงหาคม 2544
ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี โก๊ะ ช็อก ต็อง แขกผู้มีเกียรติ สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทั้งหลาย ข้าพเจ้ามีความยินดีอย่างยิ่งทุกครั้งที่ได้มาเยือนสิงคโปร์และครั้งนี้ข้าพเจ้า ก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกัน ก่อนอื่นข้าพเจ้าขอขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรีที่ได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำแก่ข้าพเจ้าและคณะในครั้งนี้ พร้อมกันนี้ ข้าพเจ้าขอขอบคุณรัฐบาล สิงคโปร์ซึ่งได้เตรียมการต้อนรับอย่างดียิ่งทำให้การพำนักในสิงคโปร์ของข้าพเจ้าราบรื่นและประสบผลสำเร็จ สำหรับข้าพเจ้า สิงคโปร์เป็นที่ซึ่งข้าพเจ้าชื่นชอบเสมอไม่ว่าจะ เดินทางเพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจหรือเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ ทั้งยัง เหมือนกลับมาพบ กลุ่มเพื่อนเก่า ๆ นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้ข้าพเจ้าได้ติดตามพัฒนาการของเทคโนโลยี ล่าสุดของประเทศที่ประสบความสำเร็จด้านเศรษฐกิจประเทศหนึ่งของโลก ในฐานะที่การเยือนครั้งนี้เป็นการเยือนสิงคโปร์อย่างเป็นทางการครั้งแรก ภายหลังเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ข้าพเจ้าขอยืนยันความตั้งใจของประเทศไทยที่จะ กระชับและส่งเสริมความร่วมมือกับสิงคโปร์ สำหรับประชาชนไทย สิงคโปร์เป็นเพื่อนเก่า และใกล้ชิด ซึ่งไม่เพียงแต่จะเห็นพ้องกันในค่านิยมพื้นฐานหลายประการเท่านั้น แต่ยังมี ประวัติศาสตร์ร่วมกันในการแสวงหาสันติภาพและความมั่งคั่งในภูมิภาค ความสัมพันธ์ ระหว่างประเทศทั้งสองมีความใกล้ชิดแนบแน่น จากวันนี้ไปอีกไม่ถึงหนึ่งเดือนคือ ในวันที่ 20 กันยายน ศกนี้
ประเทศทั้งสองจะร่วมกันเฉลิมฉลองครบรอบ 36 ปีของความ สัมพันธ์ทางการทูต สายสัมพันธ์ระหว่างประชาชนของประเทศทั้งสองได้เติบโตไปมากกว่า ความสัมพันธ์ทางการ เกาะสิงคโปร์แม้ว่าจะมีขนาดเล็กแต่มีอิทธิพลยิ่งใหญ่ในฐานะ ศูนย์กลางแห่งการค้าขาย และเป็นต้นแบบให้แก่ผู้ส่งออกของไทยมาเป็นเวลาช้านาน สำหรับประเทศไทยได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจชาวสิงคโปร์ปีละหลายแสนคน ปริมาณการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับสิงคโปร์ซึ่งเพิ่มพูนขึ้นมาโดยตลอดเป็น หลักฐานยืนยันว่าความร่วมมือเพื่อประโยชน์ร่วมกันของประเทศทั้งสองได้เพิ่มพูนขึ้น และจะก้าวหน้าเช่นนี้ต่อไป การหารือระหว่างข้าพเจ้าและนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ในวันนี้มีความ สร้างสรรค์และมีผลเป็นแก่นสาร เราเห็นพ้องกันว่าประเทศทั้งสองมีศักยภาพที่จะร่วมมือกันในหลายด้าน ความเป็นหุ้นส่วนระหว่างกันก็สามารถขยายตัวออกไปในหลายทิศทาง รัฐบาลไทยยังคงต้อนรับการลงทุนจากสิงคโปร์อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะด้านอสังหาริมทรัพย์ การก่อสร้าง การท่องเที่ยว เทคโนโลยีสารสนเทศหรืออุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง ข้าพเจ้ามีความยินดีที่ได้ทราบว่าการประชุมโครงการแลกเปลี่ยนข้าราชการไทย-สิงคโปร์ ครั้งที่ 4 (CSEP) ได้กำหนดจะจัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ศกนี้ ที่กรุงเทพฯ โดยรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงการต่างประเทศทั้งสองประเทศเป็นประธานร่วม เพื่อศึกษาสาขาที่มี ศักยภาพในความร่วมมือในรายละเอียดและกำหนดยุทธศาสตร์และมาตรการเพื่อส่งเสริม ผลประโยชน์ร่วมกันต่อไป
ประเทศไทยเข้าใจดีว่าในการเผชิญกับความท้าทายและความซับซ้อนของ ยุคใหม่ ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จำเป็นต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับปรุงและเพิ่มพูนความสามารถในการเผชิญกับกระแสโลกาภิวัตน์ได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ด้วยเหตุนี้ไทยและสิงคโปร์จึงควรร่วมมือในการฟื้นฟูอาเซียนให้มีบทบาท หลักและเป็นที่สนใจสามารถเป็นหุ้นส่วนที่ดีให้กับประเทศอื่นๆ ในโลก อาเซียนจำเป็น ที่จะต้องมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันจึงจะสามารถมองไปข้างนอกไปสู่ความเจริญ เติบโตและความก้าวหน้า ในการประชุมสุดยอดอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ 4 ที่สิงคโปร์ ผู้นำอาเซียนได้รับหลักการ Initiative for ASEAN Integration (IAI) ซึ่งมี เป้าหมายที่จะลดช่องว่างการพัฒนาระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน ประเทศไทยจึงใคร่ขอเชิญชวนสิงคโปร์ให้เข้าร่วมในโครงการความร่วมมือเพื่อการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขง (AMBDC) ซึ่งเป็นโครงการหนึ่งที่จะทำให้หลักการ IAI เป็นจริงขึ้นมาได้ การสนับสนุน ของสิงคโปร์โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนในการก่อสร้างเส้นทางรถไฟเชื่อมต่อคุนหมิง- สิงคโปร์ในช่วงที่ยังขาดอยู่จะมีคุณค่าอย่างยิ่ง ข้าพเจ้าหวังว่าประเด็นดังกล่าวจะได้รับหยิบยกขึ้นหารือในระหว่างการประชุมระดับรัฐมนตรีของ AMBDC ครั้งที่ 3 ที่เชียงราย ในปลายเดือนตุลาคม ศกนี้
ประเทศไทยจะร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับสิงคโปร์ก่อนการประชุมสุดยอด อาเซียน ครั้งที่ 7 ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่าง 5-6 พฤศจิกายน ศกนี้ ที่บันดาร์ เสรี เบกาวัน ข้าพเจ้าพร้อมที่จะร่วมมือกับนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ในการแสวงหาแนวทางในการขยาย บทบาทอาเซียน ไทยและสิงคโปร์ในฐานะที่เป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งอาเซียนจำเป็นที่จะต้อง ยกระดับบทบาทอาเซียนให้เป็นที่น่าเชื่อถือและไว้วางใจ อาเซียนได้มีความคืบหน้าในการจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) และจะต้องดำเนินความพยายามต่อไป เพื่อให้ บรรลุเป้าหมายของ AFTA ที่ได้ตกลงกันไว้แล้ว ความพยายามหรือข้อเสนอใดๆ ที่จะ เสริมสร้างความแข็งแกร่งหรือเร่งรัดกระบวนการ AFTA จะต้องได้รับการพิจารณา อย่างจริงจังให้มีแผนการที่เป็นที่ยอมรับและนำไปปฏิบัติได้ ข้าพเจ้าขอเชิญชวนทุกท่านดื่มอวยพรให้กับความสำเร็จและสุขภาพของ ประธานาธิบดีเอส อาร์ นาธาน นายกรัฐมนตรีโก๊ะ ช็อก ต็อง และสายสัมพันธ์แห่ง มิตรภาพยิ่งยืนนานและความร่วมมือระหว่างสิงคโปร์และไทย ขอบคุณ
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-