ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สรุปผลการจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ประจำเดือนพฤษภาคม 2544 จากแบบสำรวจความคิดเห็นของผู้ประกอบการในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 120 ตัวอย่าง ดังนี้ :-
1. ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือน พ.ค. 44 อยู่ในระดับใกล้เคียงกับเดือนก่อน โดยอยู่ต่ำกว่าระดับที่เศรษฐกิจจะมีเสถียรภาพ
และมีแนวโน้มปรับตัวลดลงในระยะ 4 เดือนข้างหน้า
ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือน พ.ค. 44 อยู่ที่ระดับร้อยละ 47.3 ใกล้เคียงกับเดือนก่อนซึ่งอยู่ที่ระดับร้อยละ 47.6 โดยอยู่
ต่ำกว่าระดับที่เศรษฐกิจจะมีเสถียรภาพ ทั้งนี้ เป็นผลจากปัจจัยความเชื่อมั่นด้านอำนาจซื้อของประชาชน ด้านการลงทุนโดยรวมและด้านแนวโน้ม
การส่งออกแย่ลงจากเดือนก่อน ขณะที่ปัจจัยด้านผลประกอบการ ด้านการจ้างงานและด้านต้นทุนการประกอบการดีขึ้นจากเดือนก่อน สำหรับ
แนวโน้มความเชื่อมั่นทางธุรกิจในอีก 4 เดือนข้างหน้าคาดว่าจะลดลง โดยจะลดลงเป็นร้อยละ 45.7 ในเดือนหน้า และร้อยละ 46.0
ในช่วง ก.ค.-ก.ย. 44
2. ตัวแปรอื่น ๆ ที่มีผลต่อการปรับตัวของธุรกิจแต่ไม่รวมอยู่ในองค์ประกอบของดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่น่าสังเกต ได้แก่
2.1 ปริมาณสินค้าคงคลัง ในเดือนนี้ปริมาณสินค้าคงคลังทั้งสินค้าวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูปลดลงจากเดือนก่อน โดยดัชนีอยู่ที่
ระดับร้อยละ 53.4 และร้อยละ 50.9 ตามลำดับ ผู้ประกอบการมีการควบคุมค่าใช้จ่ายในการสต๊อกสินค้าโดยไม่สั่งสินค้ามาเก็บไว้เป็น
จำนวนมากแต่มีลักษณะเป็นการซื้อมาขายไปเป็นส่วนใหญ่
2.2 การแข่งขันทางธุรกิจ การแข่งขันทางธุรกิจลดลงจากเดือนก่อน โดยดัชนีการแข่งขันทางธุรกิจในประเทศอยู่ที่ระดับร้อยละ
36.3 และดัชนีการแข่งขันทางธุรกิจส่งออกอยู่ที่ระดับร้อยละ 40.5 อย่างไรก็ตามภาวะการแข่งขันยังคงรุนแรง
2.3 ภาวะการเงินเดือน พ.ค. 44 ผู้ประกอบการมีสภาพคล่องทางธุรกิจเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ทำให้สามารถให้เครดิตแก่ลูกค้า
ได้เพิ่มขึ้น ขณะที่ภาระดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน
2.4 ตลาดเงินช่วงเดือน ก.ค. - ก.ย. 44 คาดว่าสภาพคล่องจะเพิ่มขึ้นจากเดือน พ.ค. 44 อัตราดอกเบี้ยเงินกู้มีแนวโน้ม
เพิ่มขึ้น และค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นจากเดือนก่อน
3. ข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการต่อภาครัฐ
3.1 ภาครัฐควรให้ความสนใจเรื่องค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภคพื้นฐานและราคาน้ำมันที่สูงขึ้น รวมทั้งค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ซึ่งส่งผล
กระทบต่อต้นทุนของสินค้าต่าง ๆ ปรับสูงขึ้นตาม
3.2 ภาครัฐควรเร่งผลักดันให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อให้มากขึ้น และเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้แก่
ประชาชนผู้ฝากเงิน
3.3 ภาครัฐควรเร่งการเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อเพิ่มเม็ดเงินสู่ท้องถิ่น
3.4 ภาครัฐควรดูแลเรื่องนโยบายการส่งเสริมการส่งออก โดยเร่งการคืนภาษีส่งออกให้เร็วขึ้น เนื่องจากปัจจุบันการคืนภาษีส่ง
ออกมีความล่าช้า (ประมาณ 5 เดือน) ทำให้ผู้ประกอบการขาดเงินทุนหมุนเวียน
3.5 ภาครัฐควรให้ความสนใจเรื่องราคาพืชผลเกษตรสำคัญที่ตกต่ำ เนื่องจากส่งผลต่ออำนาจซื้อของเกษตรกร
ธนาคารแห่งประเทศไทยสำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ20 มิถุนายน 2544
ความเห็นของผู้ประกอบการต่อองค์ประกอบของดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ
(ร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถาม)
องค์ประกอบดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ดีขึ้น เท่าเดิม แย่ลง ไม่ตอบ
1. สถานะเศรษฐกิจหรือผลประกอบการธุรกิจ 23.3 49.2 27.5 -
2. อำนาจซื้อของประชาชน 16.7 45 35 3.3
3. การลงทุนโดยรวมในธุรกิจ 21.7 63.3 14.2 0.8
4. การจ้างงานในธุรกิจ 18.3 69.2 11.7 0.8
5. ต้นทุนการประกอบการโดยรวมในธุรกิจ 45 45.8 5.8 3.3
6. แนวโน้มการส่งออก 22.6 51.6 25.8 -
ความเห็นของผู้ประกอบการต่อตัวแปรอื่น ๆ ที่ไม่ได้รวมอยู่ในดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ
(ร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถาม)
ตัวแปรอื่น ๆ ที่ไม่รวมอยู่ในดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ เพิ่มขึ้น เท่าเดิม ลดลง ไม่ตอบ
1. ปริมาณสินค้าคงคลัง
- วัตถุดิบ 12.5 33.3 21.7 32.5
- สินค้าสำเร็จรูป 20.8 45 25 9.2
2. การแข่งขันธุรกิจด้านการตลาดและหรือด้านราคา
- ในประเทศ 47.5 38.3 4.2 10
- ต่างประเทศ 42.9 50 7.1 -
3. ภาวะการเงินเดือน มี.ค. 44
- ภาระดอกเบี้ยเงินกู้ 19.2 59.2 8.3 13.3
- การให้เครดิตแก่ลูกค้า 10.8 60 18.3 10.8
- สภาพคล่อง 13.3 50 15.8 20.8
4. แนวโน้มตลาดเงินที่คาดไว้ในเดือน พ.ค.- ก.ค. 44 เทียบกับเดือน มี.ค. 44
- อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 17.5 58.3 15 9.2
- ค่าเงินบาท (เทียบกับดอลลาร์) 17.5 35.8 31.7 15
- สภาพคล่อง 17.5 42.5 27.5 12.5
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
ประจำเดือนพฤษภาคม 2544 จากแบบสำรวจความคิดเห็นของผู้ประกอบการในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 120 ตัวอย่าง ดังนี้ :-
1. ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือน พ.ค. 44 อยู่ในระดับใกล้เคียงกับเดือนก่อน โดยอยู่ต่ำกว่าระดับที่เศรษฐกิจจะมีเสถียรภาพ
และมีแนวโน้มปรับตัวลดลงในระยะ 4 เดือนข้างหน้า
ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือน พ.ค. 44 อยู่ที่ระดับร้อยละ 47.3 ใกล้เคียงกับเดือนก่อนซึ่งอยู่ที่ระดับร้อยละ 47.6 โดยอยู่
ต่ำกว่าระดับที่เศรษฐกิจจะมีเสถียรภาพ ทั้งนี้ เป็นผลจากปัจจัยความเชื่อมั่นด้านอำนาจซื้อของประชาชน ด้านการลงทุนโดยรวมและด้านแนวโน้ม
การส่งออกแย่ลงจากเดือนก่อน ขณะที่ปัจจัยด้านผลประกอบการ ด้านการจ้างงานและด้านต้นทุนการประกอบการดีขึ้นจากเดือนก่อน สำหรับ
แนวโน้มความเชื่อมั่นทางธุรกิจในอีก 4 เดือนข้างหน้าคาดว่าจะลดลง โดยจะลดลงเป็นร้อยละ 45.7 ในเดือนหน้า และร้อยละ 46.0
ในช่วง ก.ค.-ก.ย. 44
2. ตัวแปรอื่น ๆ ที่มีผลต่อการปรับตัวของธุรกิจแต่ไม่รวมอยู่ในองค์ประกอบของดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่น่าสังเกต ได้แก่
2.1 ปริมาณสินค้าคงคลัง ในเดือนนี้ปริมาณสินค้าคงคลังทั้งสินค้าวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูปลดลงจากเดือนก่อน โดยดัชนีอยู่ที่
ระดับร้อยละ 53.4 และร้อยละ 50.9 ตามลำดับ ผู้ประกอบการมีการควบคุมค่าใช้จ่ายในการสต๊อกสินค้าโดยไม่สั่งสินค้ามาเก็บไว้เป็น
จำนวนมากแต่มีลักษณะเป็นการซื้อมาขายไปเป็นส่วนใหญ่
2.2 การแข่งขันทางธุรกิจ การแข่งขันทางธุรกิจลดลงจากเดือนก่อน โดยดัชนีการแข่งขันทางธุรกิจในประเทศอยู่ที่ระดับร้อยละ
36.3 และดัชนีการแข่งขันทางธุรกิจส่งออกอยู่ที่ระดับร้อยละ 40.5 อย่างไรก็ตามภาวะการแข่งขันยังคงรุนแรง
2.3 ภาวะการเงินเดือน พ.ค. 44 ผู้ประกอบการมีสภาพคล่องทางธุรกิจเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ทำให้สามารถให้เครดิตแก่ลูกค้า
ได้เพิ่มขึ้น ขณะที่ภาระดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน
2.4 ตลาดเงินช่วงเดือน ก.ค. - ก.ย. 44 คาดว่าสภาพคล่องจะเพิ่มขึ้นจากเดือน พ.ค. 44 อัตราดอกเบี้ยเงินกู้มีแนวโน้ม
เพิ่มขึ้น และค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นจากเดือนก่อน
3. ข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการต่อภาครัฐ
3.1 ภาครัฐควรให้ความสนใจเรื่องค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภคพื้นฐานและราคาน้ำมันที่สูงขึ้น รวมทั้งค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ซึ่งส่งผล
กระทบต่อต้นทุนของสินค้าต่าง ๆ ปรับสูงขึ้นตาม
3.2 ภาครัฐควรเร่งผลักดันให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อให้มากขึ้น และเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้แก่
ประชาชนผู้ฝากเงิน
3.3 ภาครัฐควรเร่งการเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อเพิ่มเม็ดเงินสู่ท้องถิ่น
3.4 ภาครัฐควรดูแลเรื่องนโยบายการส่งเสริมการส่งออก โดยเร่งการคืนภาษีส่งออกให้เร็วขึ้น เนื่องจากปัจจุบันการคืนภาษีส่ง
ออกมีความล่าช้า (ประมาณ 5 เดือน) ทำให้ผู้ประกอบการขาดเงินทุนหมุนเวียน
3.5 ภาครัฐควรให้ความสนใจเรื่องราคาพืชผลเกษตรสำคัญที่ตกต่ำ เนื่องจากส่งผลต่ออำนาจซื้อของเกษตรกร
ธนาคารแห่งประเทศไทยสำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ20 มิถุนายน 2544
ความเห็นของผู้ประกอบการต่อองค์ประกอบของดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ
(ร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถาม)
องค์ประกอบดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ดีขึ้น เท่าเดิม แย่ลง ไม่ตอบ
1. สถานะเศรษฐกิจหรือผลประกอบการธุรกิจ 23.3 49.2 27.5 -
2. อำนาจซื้อของประชาชน 16.7 45 35 3.3
3. การลงทุนโดยรวมในธุรกิจ 21.7 63.3 14.2 0.8
4. การจ้างงานในธุรกิจ 18.3 69.2 11.7 0.8
5. ต้นทุนการประกอบการโดยรวมในธุรกิจ 45 45.8 5.8 3.3
6. แนวโน้มการส่งออก 22.6 51.6 25.8 -
ความเห็นของผู้ประกอบการต่อตัวแปรอื่น ๆ ที่ไม่ได้รวมอยู่ในดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ
(ร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถาม)
ตัวแปรอื่น ๆ ที่ไม่รวมอยู่ในดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ เพิ่มขึ้น เท่าเดิม ลดลง ไม่ตอบ
1. ปริมาณสินค้าคงคลัง
- วัตถุดิบ 12.5 33.3 21.7 32.5
- สินค้าสำเร็จรูป 20.8 45 25 9.2
2. การแข่งขันธุรกิจด้านการตลาดและหรือด้านราคา
- ในประเทศ 47.5 38.3 4.2 10
- ต่างประเทศ 42.9 50 7.1 -
3. ภาวะการเงินเดือน มี.ค. 44
- ภาระดอกเบี้ยเงินกู้ 19.2 59.2 8.3 13.3
- การให้เครดิตแก่ลูกค้า 10.8 60 18.3 10.8
- สภาพคล่อง 13.3 50 15.8 20.8
4. แนวโน้มตลาดเงินที่คาดไว้ในเดือน พ.ค.- ก.ค. 44 เทียบกับเดือน มี.ค. 44
- อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 17.5 58.3 15 9.2
- ค่าเงินบาท (เทียบกับดอลลาร์) 17.5 35.8 31.7 15
- สภาพคล่อง 17.5 42.5 27.5 12.5
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-