การเงินและการธนาคาร
ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2543 เงินฝากที่สาขาธนาคารพาณิชย์มียอดคงค้าง 263,887.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.4 เนื่องจากมีเงินโอนของธุรกิจเพื่อชำระค่าสินค้า และเงินฝากของส่วนราชการเข้ามาฝากพักไว้ แต่ยังคงลดลงจากเดือนนี้ปีก่อนร้อยละ 0.3 เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยยังทรงตัวในระดับต่ำ ทำให้มีเงินฝากบางส่วนเปลี่ยนไปลงทุนในตราสารทางการเงินและลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ เงินฝากเพิ่มขึ้นมากที่จังหวัดลำปาง นครสวรรค์ และตาก
สินเชื่อมียอดคงค้าง 203,777.9 ล้านบาท ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.1 และลดลงร้อยละ 5.9 เทียบกับเดือนนี้ปีก่อน สินเชื่อยังลดลงต่อเนื่องจากผลความคืบหน้าในการประนอมหนี้และอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ ทำให้มีการเร่งชำระหนี้เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะสินเชื่อเพื่อการพาณิชยกรรมจากธุรกิจค้าส่ง-ปลีก และสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคล นอกจากนี้ทั้งสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อจากบัตรเครดิตก็ลดลง สินเชื่อลดลงมากที่จังหวัดนครสวรรค์ ลำปาง และสุโขทัย อย่างไรก็ดี สินเชื่อเพิ่มขึ้นที่จังหวัดกำแพงเพชร จากความต้องการใช้เงินในช่วงเปิดหีบอ้อยของโรงงานน้ำตาล
อัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินให้สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ โดยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประเภท 3 เดือน ของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 5 ธนาคาร อยู่ที่ระดับร้อยละ 3.50 ต่อปี ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อแก่ลูกค้ารายใหญ่ (MLR) อยู่ที่ระดับร้อยละ 8.00 -8.50 ต่อปี
ปริมาณการใช้เช็คผ่านสำนักหักบัญชีในภาคเหนือเดือนกุมภาพันธ์ 2543 เช็คเรียกเก็บมีจำนวน 343,836 ฉบับ มูลค่า 21,939.5 ล้านบาท ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 5.7 และร้อยละ 12.1 ตามลำดับ เนื่องจากธุรกรรมการรับซื้อพืชผลเกษตรเริ่มเบาบางลง ประกอบกับใน เดือนก่อนความต้องการใช้เช็คเพิ่มขึ้นจาก ปกติในบางจังหวัด เพื่อใช้ซื้อพันธบัตร รัฐบาล ทำให้ปริมาณความต้องการใช้เช็คลดลงที่สำนักหักบัญชีเชียงใหม่-ลำพูน ลำปาง นครสวรรค์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และเชียงราย ส่วนเช็คคืนมีจำนวน 6,152 ฉบับ มูลค่า 331.7 ล้านบาท ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 3.2 และร้อยละ 5.0 โดยลดลงที่สำนักหักบัญชีเชียงใหม่-ลำพูน พิษณุโลก และลำปาง ทางด้านสัดส่วนจำนวนและมูลค่าเช็คคืนต่อเช็คเรียกเก็บอยู่ที่ระดับร้อยละ 1.8 และ 1.5 สูงกว่าร้อยละ 1.7 และ ร้อยละ 1.4 เดือนก่อน แต่ลดลงเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน
ฐานะการคลัง
ฐานะการคลังรัฐบาลเดือนกุมภาพันธ์ 2543 เงินในงบประมาณขาดดุล 7,373.8 ล้านบาท ลดลงเทียบกับที่ขาดดุล 7,719.7 ล้านบาท เดือนเดียวกันปีก่อน จากรายจ่ายที่ลดลงร้อยละ 5.8 เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.4 เมื่อเดือนเดียวกันปีก่อน โดยลดลงในส่วนของรายจ่ายจากงบประมาณปีก่อน จากการที่รัฐบาลเข้มงวดการกันเงินเบิกเหลื่อมปีของส่วนราชการ สำหรับรายได้ยังคงลดลงต่อเนื่อง เนื่องจากการจัดเก็บรายได้จากดอกเบี้ยลดลงและการปรับลดภาษีมูลค่าเพิ่ม เมื่อรวมกับการรับจ่ายของเงินนอกงบประมาณที่เกินดุล 10,090.4 ล้านบาท ส่งผลให้เกินดุลเงินสด 2,716.6 ล้านบาท เทียบกับที่ขาดดุล 1,035.1 ล้านบาท เดือนเดียวกันปีก่อน
รายได้นำส่งคลังจังหวัดทั้ง 19แห่งในภาคเหนือ 823.5 ล้านบาท ลดลง ร้อยละ 16.3 เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 6.7 เดือนเดียวกันปีก่อน จากการลดลงของภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นสำคัญ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ต่ำลงและการปรับลดอัตราจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาลดลงร้อยละ 25.7 เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 17.5 เดือนเดียวกันปีก่อน ลดลงมากในส่วนที่จัดเก็บจากเงินได้ดอกเบี้ยถึงร้อยละ 46.1 เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 25.7 เดือนเดียวกันปีก่อน และภาษีมูลค่าเพิ่มลดลงร้อยละ 26.3 เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 5.7 เดือนเดียวกันปีก่อน ขณะที่ภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.5 เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 79.1 เดือนเดียวกันปีก่อน เนื่องจากมีการเร่งรัดการจัดเก็บ
รายจ่ายรัฐบาลในภาคเหนือ 8,197.3 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 5.8 เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.4 เดือนเดียวกันปีก่อน โดยรายจ่ายลงทุนลดลงร้อยละ 25.6 เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.2 ระยะเดียวกันปีก่อน โดยลดลงในส่วนของรายจ่ายจากงบประมาณปีก่อนที่ลดลงถึงร้อยละ 40.0 ขณะที่รายจ่ายประจำเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.6 เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.5 เดือนเดียวกันปีก่อน จากรายจ่ายในหมวดงบกลางที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.5 อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายภาครัฐเมื่อรวมรายจ่ายตามมาตรการเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ (มิยาซาวา) ลดลงเล็กน้อยร้อยละ 2.9
รายจ่ายตามมาตรการเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ (มิยาซาวา) ในภาคเหนือ ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2543 มีวงเงินอนุมัติ 8,260.2 ล้านบาท มีการเบิกจ่ายทั้งสิ้น 7,316.0 ล้านบาท หรือร้อยละ 88.6 ของวงเงินอนุมัติ โดยร้อยละ 60 ของการเบิกจ่ายใช้ในการจ้างงาน วงเงินส่วนที่เหลือส่วนใหญ่เป็นโครงการก่อสร้างที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ คาดว่าจะดำเนินเสร็จสิ้นประมาณกลางปี 2543การค้าต่างประเทศ
การส่งออก มูลค่าสินค้าส่งออกผ่านด่านศุลกากรในภาคเหนือ เดือนกุมภาพันธ์ 2543 ในรูปดอลลาร์ สรอ. เท่ากับ 94.2 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 4.9 ตามฤดูกาลสั่งซื้อสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ แต่ยังคงเพิ่มขึ้นร้อยละ 41.6 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน (ในรูปเงินบาทมีมูลค่า 3,528.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าร้อยละ 9.5 ตามการอ่อนตัวของค่าเงินบาทและเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 44.2) จากการเพิ่มขึ้นทั้งการส่งออกผ่านท่าอากาศยานเชียงใหม่ และการส่งออกผ่านชายแดน
การส่งออกผ่านด่านท่าอากาศยานเชียงใหม่ มีมูลค่าส่งออก 77.1 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากเดือนก่อนหน้าร้อยละ 5.2 เนื่องจากความต้องการชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ของต่างประเทศเพื่อผลิตสินค้าลดลงตามฤดูกาล แต่มูลค่าการส่งออกยังคงเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 42.8 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศในแถบเอเชียปรับตัวดีขึ้น ทำให้ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ สำหรับการส่งออกสินค้านอกนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือเพิ่มขึ้นทั้งจากเดือนก่อนหน้าและเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 5.6 และร้อยละ 2.0 ตามลำดับ เนื่องจากผลผลิตทางการเกษตรมีเพิ่มขึ้น
การส่งออกผ่านชายแดนมีมูลค่า 638.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าและเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.9 และร้อยละ 38.7 ตามลำดับ จากการส่งออกทั้งพม่า ลาว และจีน (ตอนใต้) เพิ่มขึ้น (ในรูปดอลลาร์ สรอ. มีมูลค่า 17.0 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากเดือนก่อนหน้าร้อยละ 3.5 เนื่องจากค่าเงินบาทอ่อนตัวลง แต่เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 36.2)
การส่งออกไปพม่ามีมูลค่า 583.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าและเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 9.7 และร้อยละ 39.4 ตามลำดับ เนื่องจากไม่มีปัญหาทางการพม่าเข้มงวดทางการค้าเช่นปีก่อน โดยเฉพาะด่านแม่สอด จังหวัดตาก มูลค่าเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวเป็น 324.0 ล้านบาท ขณะที่ด่านอื่นๆ ก็เพิ่มขึ้นเช่นกันแต่ไม่สูงมากนัก สินค้าสำคัญที่ส่งออกได้มากยังคงเป็นผงชูรส น้ำมันพืช และสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป โดยสินค้าส่วนใหญ่จะถูกส่งไปจำหน่ายที่เมืองย่างกุ้ง ส่วนการส่งออกไปลาวมีมูลค่า 45.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นทั้งจากเดือนก่อนหน้าและเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 15.1 และร้อยละ 22.9 ตามลำดับ เนื่องจากลาวนำเข้าวัสดุก่อสร้างมากขึ้นเพื่อใช้ก่อสร้างอาคารและที่อยู่อาศัยในแขวงบ่อแก้วและหลวงพระบางมากขึ้น ทำให้ต้องนำเข้ายานยนต์ เครื่องจักรและน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น ส่วนการส่งออกไปจีน (ตอนใต้) มีมูลค่า 9.2 ล้านบาท ลดลงจากเดือนก่อนหน้าร้อยละ 81.2 ตามฤดูกาล แต่เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนยังเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว เนื่องจากสามารถส่งออกผลิตภัณฑ์ยางได้มากถึง 7.5 ล้านบาท แม้ว่าราคาผลิตภัณฑ์ยางของไทยจะสูงกว่ายางของจีนแต่ก็มีคุณภาพดีกว่า ทำให้เป็นที่ต้องการในตลาดยางคุณภาพดี
การนำเข้า มูลค่าสินค้านำเข้าในรูปดอลลาร์ สรอ. มีมูลค่า 96.6 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าและเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 24.9 และร้อยละ 57.9 ตามลำดับ (ในรูปเงินบาทมีมูลค่า 3,619.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นทั้งจากเดือนก่อนหน้าและเดือเดียวกันปีก่อนร้อยละ 33.2 และร้อยละ 60.8 ตามลำดับ) โดยเพิ่มขึ้นจากการนำเข้าผ่านท่าอากาศยาเชียงใหม่เป็นสำคัญ ขณะที่การนำเข้าผ่านชายแดนมีมูลค่าลดลงหลังจากนำเข้ามากแล้วในช่วงที่ผ่านมา
การนำเข้าผ่านด่านท่าอากาศยานเชียงใหม่ มีมูลค่า 93.5 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นทั้งจากเดือนก่อนหน้าและเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 27.5 และร้อยละ 63.9 ตามลำดับ จากการนำเข้าในเขตนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือเป็นสำคัญ โดยการนำเข้าผ่านด่านนิคมฯมีมูลค่า 92.9 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นทั้งจากเดือนก่อนหน้าและเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 27.5 และร้อยละ 64.5 ตามลำดับ เนื่องจากต้องนำเข้าวัตถุดิบเพิ่มขึ้นตามภาวะการผลิตเพื่อการส่งออกที่ขยายตัว กอปรกับมีโรงงานหลายแห่งกำลังขยายกำลังการผลิตจึงมีการนำเข้าเครื่องจักร
การนำเข้าสินค้าจากชายแดน ในรูปเงินบาทมีมูลค่า 113.8 ล้านบาท ลดลงทั้งจากเดือนก่อนหน้าและเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 17.6 และร้อยละ 25.0 ตามลำดับ (ในรูปดอลลาร์ สรอ. มีมูลค่า 3.0 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงทั้งจากเดือนก่อนหน้าและเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 22.8 และร้อยละ 26.3 ตามลำดับ) จากการลดลงทั้งการนำเข้าสินค้าจากพม่า ลาว และจีน (ตอนใต้)
การนำเข้าสินค้าจากพม่า มีมูลค่า 60.8 ล้านบาท ลดลงจากเดือนก่อนหน้าและเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 15.0 และร้อยละ 29.0 หลังจากมีการนำเข้าโค-กระบือมากในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา แต่เป็นที่สังเกตว่ามีการนำเข้าอาหารทะเลจากพม่าผ่านด่านแม่สอดมากขึ้นเนื่องจากมีราคาต่ำกว่าในไทย ขณะที่การนำเข้าจากลาวมีมูลค่า 44.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าร้อยละ 2.2 แต่ก็ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 3.3 จากการนำเข้าไม้ลดลง ส่วนการนำเข้าจากจีน (ตอนใต้) มีมูลค่า 8.9 ล้านบาท ลดลงทั้งจากเดือนก่อนหน้าและเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 62.1 และร้อยละ 56.5 ตามลำดับ เนื่องจากความต้องบริโภคแอ๊ปเปิ้ลสดจากจีนลดลง แม้ว่าผลผลิตจะมีราคาถูกแต่คุณภาพด้อยและเก็บรักษาได้ไม่นาน ทำให้ผู้บริโภคเปลี่ยนไปบริโภคแอ๊ปเปิ้ลจากอเมริกาและยุโรปมากขึ้น ซึ่งมีราคาต่ำกว่าปีก่อนดัชนีราคาผู้บริโภค
ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนกุมภาพันธ์ 2543 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าร้อยละ 0.2 เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าหมวดอื่นๆ ที่มิใช่อาหารร้อยละ 0.3 ส่วนหมวดอาหารและเครื่องดื่มลดลงเล็กน้อยร้อยละ 0.1
หมวดอาหารและเครื่องดื่ม ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.1 จากการลดลงของราคาหมวดข้าวแป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้งร้อยละ 0.3 และหมวดผักและผลไม้ลดลงร้อยละ 0.5 เนื่องจากมีปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้น ส่วนหมวดสินค้าย่อยอื่นๆที่ราคาลดลงได้แก่ เนื้อสัตว์ ไข่และผลิตภัณฑ์นม และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ เป็นต้น
หมวดอื่นๆที่มิใช่อาหาร เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.3 เป็นผลจากการเพิ่มของราคาสินค้าหมวดพาหนะ การขนส่งและการสื่อสารที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 ตามการปรับเพิ่มราคายานพาหนะและจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลก หมวดการตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคลเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 ส่วนหมวดเคหสถานและหมวดการบันเทิงและการศึกษาราคาทรงตัวอยู่ในระดับเดียวกับเดือนก่อน
--ส่วนวิชาการธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ/30 มีนาคม 2543--
-ยก-
ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2543 เงินฝากที่สาขาธนาคารพาณิชย์มียอดคงค้าง 263,887.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.4 เนื่องจากมีเงินโอนของธุรกิจเพื่อชำระค่าสินค้า และเงินฝากของส่วนราชการเข้ามาฝากพักไว้ แต่ยังคงลดลงจากเดือนนี้ปีก่อนร้อยละ 0.3 เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยยังทรงตัวในระดับต่ำ ทำให้มีเงินฝากบางส่วนเปลี่ยนไปลงทุนในตราสารทางการเงินและลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ เงินฝากเพิ่มขึ้นมากที่จังหวัดลำปาง นครสวรรค์ และตาก
สินเชื่อมียอดคงค้าง 203,777.9 ล้านบาท ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.1 และลดลงร้อยละ 5.9 เทียบกับเดือนนี้ปีก่อน สินเชื่อยังลดลงต่อเนื่องจากผลความคืบหน้าในการประนอมหนี้และอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ ทำให้มีการเร่งชำระหนี้เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะสินเชื่อเพื่อการพาณิชยกรรมจากธุรกิจค้าส่ง-ปลีก และสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคล นอกจากนี้ทั้งสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อจากบัตรเครดิตก็ลดลง สินเชื่อลดลงมากที่จังหวัดนครสวรรค์ ลำปาง และสุโขทัย อย่างไรก็ดี สินเชื่อเพิ่มขึ้นที่จังหวัดกำแพงเพชร จากความต้องการใช้เงินในช่วงเปิดหีบอ้อยของโรงงานน้ำตาล
อัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินให้สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ โดยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประเภท 3 เดือน ของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 5 ธนาคาร อยู่ที่ระดับร้อยละ 3.50 ต่อปี ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อแก่ลูกค้ารายใหญ่ (MLR) อยู่ที่ระดับร้อยละ 8.00 -8.50 ต่อปี
ปริมาณการใช้เช็คผ่านสำนักหักบัญชีในภาคเหนือเดือนกุมภาพันธ์ 2543 เช็คเรียกเก็บมีจำนวน 343,836 ฉบับ มูลค่า 21,939.5 ล้านบาท ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 5.7 และร้อยละ 12.1 ตามลำดับ เนื่องจากธุรกรรมการรับซื้อพืชผลเกษตรเริ่มเบาบางลง ประกอบกับใน เดือนก่อนความต้องการใช้เช็คเพิ่มขึ้นจาก ปกติในบางจังหวัด เพื่อใช้ซื้อพันธบัตร รัฐบาล ทำให้ปริมาณความต้องการใช้เช็คลดลงที่สำนักหักบัญชีเชียงใหม่-ลำพูน ลำปาง นครสวรรค์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และเชียงราย ส่วนเช็คคืนมีจำนวน 6,152 ฉบับ มูลค่า 331.7 ล้านบาท ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 3.2 และร้อยละ 5.0 โดยลดลงที่สำนักหักบัญชีเชียงใหม่-ลำพูน พิษณุโลก และลำปาง ทางด้านสัดส่วนจำนวนและมูลค่าเช็คคืนต่อเช็คเรียกเก็บอยู่ที่ระดับร้อยละ 1.8 และ 1.5 สูงกว่าร้อยละ 1.7 และ ร้อยละ 1.4 เดือนก่อน แต่ลดลงเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน
ฐานะการคลัง
ฐานะการคลังรัฐบาลเดือนกุมภาพันธ์ 2543 เงินในงบประมาณขาดดุล 7,373.8 ล้านบาท ลดลงเทียบกับที่ขาดดุล 7,719.7 ล้านบาท เดือนเดียวกันปีก่อน จากรายจ่ายที่ลดลงร้อยละ 5.8 เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.4 เมื่อเดือนเดียวกันปีก่อน โดยลดลงในส่วนของรายจ่ายจากงบประมาณปีก่อน จากการที่รัฐบาลเข้มงวดการกันเงินเบิกเหลื่อมปีของส่วนราชการ สำหรับรายได้ยังคงลดลงต่อเนื่อง เนื่องจากการจัดเก็บรายได้จากดอกเบี้ยลดลงและการปรับลดภาษีมูลค่าเพิ่ม เมื่อรวมกับการรับจ่ายของเงินนอกงบประมาณที่เกินดุล 10,090.4 ล้านบาท ส่งผลให้เกินดุลเงินสด 2,716.6 ล้านบาท เทียบกับที่ขาดดุล 1,035.1 ล้านบาท เดือนเดียวกันปีก่อน
รายได้นำส่งคลังจังหวัดทั้ง 19แห่งในภาคเหนือ 823.5 ล้านบาท ลดลง ร้อยละ 16.3 เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 6.7 เดือนเดียวกันปีก่อน จากการลดลงของภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นสำคัญ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ต่ำลงและการปรับลดอัตราจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาลดลงร้อยละ 25.7 เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 17.5 เดือนเดียวกันปีก่อน ลดลงมากในส่วนที่จัดเก็บจากเงินได้ดอกเบี้ยถึงร้อยละ 46.1 เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 25.7 เดือนเดียวกันปีก่อน และภาษีมูลค่าเพิ่มลดลงร้อยละ 26.3 เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 5.7 เดือนเดียวกันปีก่อน ขณะที่ภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.5 เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 79.1 เดือนเดียวกันปีก่อน เนื่องจากมีการเร่งรัดการจัดเก็บ
รายจ่ายรัฐบาลในภาคเหนือ 8,197.3 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 5.8 เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.4 เดือนเดียวกันปีก่อน โดยรายจ่ายลงทุนลดลงร้อยละ 25.6 เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.2 ระยะเดียวกันปีก่อน โดยลดลงในส่วนของรายจ่ายจากงบประมาณปีก่อนที่ลดลงถึงร้อยละ 40.0 ขณะที่รายจ่ายประจำเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.6 เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.5 เดือนเดียวกันปีก่อน จากรายจ่ายในหมวดงบกลางที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.5 อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายภาครัฐเมื่อรวมรายจ่ายตามมาตรการเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ (มิยาซาวา) ลดลงเล็กน้อยร้อยละ 2.9
รายจ่ายตามมาตรการเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ (มิยาซาวา) ในภาคเหนือ ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2543 มีวงเงินอนุมัติ 8,260.2 ล้านบาท มีการเบิกจ่ายทั้งสิ้น 7,316.0 ล้านบาท หรือร้อยละ 88.6 ของวงเงินอนุมัติ โดยร้อยละ 60 ของการเบิกจ่ายใช้ในการจ้างงาน วงเงินส่วนที่เหลือส่วนใหญ่เป็นโครงการก่อสร้างที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ คาดว่าจะดำเนินเสร็จสิ้นประมาณกลางปี 2543การค้าต่างประเทศ
การส่งออก มูลค่าสินค้าส่งออกผ่านด่านศุลกากรในภาคเหนือ เดือนกุมภาพันธ์ 2543 ในรูปดอลลาร์ สรอ. เท่ากับ 94.2 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 4.9 ตามฤดูกาลสั่งซื้อสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ แต่ยังคงเพิ่มขึ้นร้อยละ 41.6 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน (ในรูปเงินบาทมีมูลค่า 3,528.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าร้อยละ 9.5 ตามการอ่อนตัวของค่าเงินบาทและเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 44.2) จากการเพิ่มขึ้นทั้งการส่งออกผ่านท่าอากาศยานเชียงใหม่ และการส่งออกผ่านชายแดน
การส่งออกผ่านด่านท่าอากาศยานเชียงใหม่ มีมูลค่าส่งออก 77.1 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากเดือนก่อนหน้าร้อยละ 5.2 เนื่องจากความต้องการชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ของต่างประเทศเพื่อผลิตสินค้าลดลงตามฤดูกาล แต่มูลค่าการส่งออกยังคงเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 42.8 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศในแถบเอเชียปรับตัวดีขึ้น ทำให้ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ สำหรับการส่งออกสินค้านอกนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือเพิ่มขึ้นทั้งจากเดือนก่อนหน้าและเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 5.6 และร้อยละ 2.0 ตามลำดับ เนื่องจากผลผลิตทางการเกษตรมีเพิ่มขึ้น
การส่งออกผ่านชายแดนมีมูลค่า 638.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าและเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.9 และร้อยละ 38.7 ตามลำดับ จากการส่งออกทั้งพม่า ลาว และจีน (ตอนใต้) เพิ่มขึ้น (ในรูปดอลลาร์ สรอ. มีมูลค่า 17.0 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากเดือนก่อนหน้าร้อยละ 3.5 เนื่องจากค่าเงินบาทอ่อนตัวลง แต่เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 36.2)
การส่งออกไปพม่ามีมูลค่า 583.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าและเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 9.7 และร้อยละ 39.4 ตามลำดับ เนื่องจากไม่มีปัญหาทางการพม่าเข้มงวดทางการค้าเช่นปีก่อน โดยเฉพาะด่านแม่สอด จังหวัดตาก มูลค่าเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวเป็น 324.0 ล้านบาท ขณะที่ด่านอื่นๆ ก็เพิ่มขึ้นเช่นกันแต่ไม่สูงมากนัก สินค้าสำคัญที่ส่งออกได้มากยังคงเป็นผงชูรส น้ำมันพืช และสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป โดยสินค้าส่วนใหญ่จะถูกส่งไปจำหน่ายที่เมืองย่างกุ้ง ส่วนการส่งออกไปลาวมีมูลค่า 45.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นทั้งจากเดือนก่อนหน้าและเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 15.1 และร้อยละ 22.9 ตามลำดับ เนื่องจากลาวนำเข้าวัสดุก่อสร้างมากขึ้นเพื่อใช้ก่อสร้างอาคารและที่อยู่อาศัยในแขวงบ่อแก้วและหลวงพระบางมากขึ้น ทำให้ต้องนำเข้ายานยนต์ เครื่องจักรและน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น ส่วนการส่งออกไปจีน (ตอนใต้) มีมูลค่า 9.2 ล้านบาท ลดลงจากเดือนก่อนหน้าร้อยละ 81.2 ตามฤดูกาล แต่เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนยังเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว เนื่องจากสามารถส่งออกผลิตภัณฑ์ยางได้มากถึง 7.5 ล้านบาท แม้ว่าราคาผลิตภัณฑ์ยางของไทยจะสูงกว่ายางของจีนแต่ก็มีคุณภาพดีกว่า ทำให้เป็นที่ต้องการในตลาดยางคุณภาพดี
การนำเข้า มูลค่าสินค้านำเข้าในรูปดอลลาร์ สรอ. มีมูลค่า 96.6 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าและเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 24.9 และร้อยละ 57.9 ตามลำดับ (ในรูปเงินบาทมีมูลค่า 3,619.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นทั้งจากเดือนก่อนหน้าและเดือเดียวกันปีก่อนร้อยละ 33.2 และร้อยละ 60.8 ตามลำดับ) โดยเพิ่มขึ้นจากการนำเข้าผ่านท่าอากาศยาเชียงใหม่เป็นสำคัญ ขณะที่การนำเข้าผ่านชายแดนมีมูลค่าลดลงหลังจากนำเข้ามากแล้วในช่วงที่ผ่านมา
การนำเข้าผ่านด่านท่าอากาศยานเชียงใหม่ มีมูลค่า 93.5 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นทั้งจากเดือนก่อนหน้าและเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 27.5 และร้อยละ 63.9 ตามลำดับ จากการนำเข้าในเขตนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือเป็นสำคัญ โดยการนำเข้าผ่านด่านนิคมฯมีมูลค่า 92.9 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นทั้งจากเดือนก่อนหน้าและเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 27.5 และร้อยละ 64.5 ตามลำดับ เนื่องจากต้องนำเข้าวัตถุดิบเพิ่มขึ้นตามภาวะการผลิตเพื่อการส่งออกที่ขยายตัว กอปรกับมีโรงงานหลายแห่งกำลังขยายกำลังการผลิตจึงมีการนำเข้าเครื่องจักร
การนำเข้าสินค้าจากชายแดน ในรูปเงินบาทมีมูลค่า 113.8 ล้านบาท ลดลงทั้งจากเดือนก่อนหน้าและเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 17.6 และร้อยละ 25.0 ตามลำดับ (ในรูปดอลลาร์ สรอ. มีมูลค่า 3.0 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงทั้งจากเดือนก่อนหน้าและเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 22.8 และร้อยละ 26.3 ตามลำดับ) จากการลดลงทั้งการนำเข้าสินค้าจากพม่า ลาว และจีน (ตอนใต้)
การนำเข้าสินค้าจากพม่า มีมูลค่า 60.8 ล้านบาท ลดลงจากเดือนก่อนหน้าและเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 15.0 และร้อยละ 29.0 หลังจากมีการนำเข้าโค-กระบือมากในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา แต่เป็นที่สังเกตว่ามีการนำเข้าอาหารทะเลจากพม่าผ่านด่านแม่สอดมากขึ้นเนื่องจากมีราคาต่ำกว่าในไทย ขณะที่การนำเข้าจากลาวมีมูลค่า 44.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าร้อยละ 2.2 แต่ก็ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 3.3 จากการนำเข้าไม้ลดลง ส่วนการนำเข้าจากจีน (ตอนใต้) มีมูลค่า 8.9 ล้านบาท ลดลงทั้งจากเดือนก่อนหน้าและเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 62.1 และร้อยละ 56.5 ตามลำดับ เนื่องจากความต้องบริโภคแอ๊ปเปิ้ลสดจากจีนลดลง แม้ว่าผลผลิตจะมีราคาถูกแต่คุณภาพด้อยและเก็บรักษาได้ไม่นาน ทำให้ผู้บริโภคเปลี่ยนไปบริโภคแอ๊ปเปิ้ลจากอเมริกาและยุโรปมากขึ้น ซึ่งมีราคาต่ำกว่าปีก่อนดัชนีราคาผู้บริโภค
ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนกุมภาพันธ์ 2543 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าร้อยละ 0.2 เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าหมวดอื่นๆ ที่มิใช่อาหารร้อยละ 0.3 ส่วนหมวดอาหารและเครื่องดื่มลดลงเล็กน้อยร้อยละ 0.1
หมวดอาหารและเครื่องดื่ม ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.1 จากการลดลงของราคาหมวดข้าวแป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้งร้อยละ 0.3 และหมวดผักและผลไม้ลดลงร้อยละ 0.5 เนื่องจากมีปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้น ส่วนหมวดสินค้าย่อยอื่นๆที่ราคาลดลงได้แก่ เนื้อสัตว์ ไข่และผลิตภัณฑ์นม และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ เป็นต้น
หมวดอื่นๆที่มิใช่อาหาร เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.3 เป็นผลจากการเพิ่มของราคาสินค้าหมวดพาหนะ การขนส่งและการสื่อสารที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 ตามการปรับเพิ่มราคายานพาหนะและจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลก หมวดการตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคลเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 ส่วนหมวดเคหสถานและหมวดการบันเทิงและการศึกษาราคาทรงตัวอยู่ในระดับเดียวกับเดือนก่อน
--ส่วนวิชาการธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ/30 มีนาคม 2543--
-ยก-