การผลิตภาคอุตสาหกรรม : ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2543 ยังคงขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อน แต่เริ่มมี อัตราลดลงในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี โดยเฉพาะอุตสาหกรรมในหมวดเครื่องดื่ม การก่อสร้างและปิโตรเลียม เนื่องจากความต้องการในประเทศชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม สินค้าที่ผลิตเพื่อการส่งออกยังขยายตัวสูงตามการขยายตัวของ เศรษฐกิจและการค้าของโลก
ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงเป็นลำดับ ส่งผลให้ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2543 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 4.1
แต่หากไม่รวมผลผลิตสุราเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.7 ที่สำคัญเป็นการผลิตเพิ่มขึ้นในหมวดสินค้าที่ส่งออกได้ดี โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าอัญมณีและเครื่องประดับและยานยนต์ สำหรับอัตราการใช้กำลังการผลิตในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2543 อยู่ที่ระดับร้อยละ 55.7 (หากไม่รวมผลผลิตสุราอยู่ที่ระดับร้อยละ 59.5) อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรม ที่มีอัตราการใช้กำลังการผลิตเกือบเต็มที่ในช่วงนี้ ได้แก่ แผงวงจรไฟฟ้า ยางรถยนต์ เยื่อกระดาษ และผลิตภัณฑ์กระดาษ
ปัจจัยที่ทำให้การผลิตภาคอุตสาห-กรรมยังคงขยายตัวเป็นผลจากปริมาณการค้าและเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวสูงขึ้น ทำให้การส่งออกของไทยในรูปของดอลลาร์ สรอ. ในช่วงเก้าเดือนแรกของ ปีนี้เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 20 ประกอบกับผลการปรับโครงสร้างหนี้ และการปรับโครงสร้างธุรกิจ ได้ประสบความสำเร็จเป็นลำดับ รวมทั้งผู้ประกอบการจำนวน
มากได้ปรับกลยุทธ์ โดยเน้นการผลิตเพื่อส่งออก เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า เหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก และหมวดยานยนต์และอุปกรณ์ขนส่ง อย่างไรก็ตาม ความต้องการภายในประเทศยังอยู่ในระดับต่ำ จึง ทำให้ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวไม่มากนัก แม้ว่าทางการจะดำเนินมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายภาครัฐและมาตรการสนับสนุนการลงทุนของภาค เอกชน
อุตสาหกรรมที่การผลิตยังคงขยายตัวดีในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2543 ได้แก่
หมวดอิเล็กทรอนิกส์และ เครื่องใช้ไฟฟ้า เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน ร้อยละ 38.4 ตามการส่งออกแผงวงจรไฟฟ้า และเครื่องรับโทรทัศน์ เนื่องจากมีผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดโดยเฉพาะโทรทัศน์จอแบน ทำให้การใช้กำลังการผลิตของหมวดนี้ปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ ร้อยละ 63.3 หมวดอัญมณีและเครื่องประดับ เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนสูงถึงร้อยละ 35.8 โดยเฉพาะการผลิตเครื่องประดับที่ทำด้วยเงิน เนื่องจาก ปีนี้เป็นปีเริ่มต้นสหัสวรรษใหม่ทำให้ การส่งออกไปยังตลาดญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา อิสราเอล และเบลเยี่ยม ขยายตัวสูง ประกอบกับทางการ ได้ออกมาตรการยกเว้นภาษีนำเข้าวัตถุดิบสำหรับ อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ 11 รายการ รวมทั้ง ปรับปรุงการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับ ทองคำ ซึ่งช่วยลดการเสียภาษีซ้ำซ้อนและเพิ่ม ความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศ
หมวดยานยนต์และอุปกรณ์ขนส่ง เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 30 โดยเฉพาะการผลิตรถยนต์นั่ง รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ และรถ จักรยานยนต์ เนื่องจากปีนี้มีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ของบริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ออโต้ อัลลายแอนด์ (ประเทศไทย)จำกัด อย่างไรก็ตาม การขยายตัวของการผลิตในหมวดนี้ได้ชะลอลงมากในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี เนื่องจากปัญหาน้ำท่วมและราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นมากเป็นสำคัญทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตของหมวดนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำคือ ระดับร้อยละ 41.4
หมวดผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 20.2 ตามการขยายตัวของผลิตภัณฑ์ที่ส่งออกได้ดี อาทิ ยางแท่ง ปิโตรเคมี เยื่อกระดาษและคอมเพรสเซอร์ โดยอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ในระดับสูงร้อยละ 70.1
หมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 19.3 ตามการ ขยายตัวของอุตสาหกรรมต่อเนื่อง คือ อุตสาหกรรม เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุตสาหกรรมยานยนต์ ประกอบกับ การส่งออกท่อเหล็กไปยังตลาดสหรัฐฯ และยุโรป และ ผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นรีดร้อนและรีดเย็นไปยังญี่ปุ่นสามารถขยายตลาดได้เพิ่มขึ้นการใช้กำลังการผลิตของผลิตภัณฑ์ ในหมวดนี้จึงปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อน โดยอยู่ในระดับ ร้อยละ 45.7
สำหรับหมวดที่ผลิตเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ได้แก่ หมวดอาหาร ซึ่งเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 1.8 โดยเป็นผลจากการส่งออกอาหารทะเลแช่แข็ง และสับปะรดกระป๋องที่ส่งออกได้ลดลง ในขณะที่การผลิตของหมวดสิ่งทอเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 ซึ่งปรับตัวดีขึ้น เมื่อเทียบกับที่ลดลงร้อยละ 1.5 ในช่วงเดียวกันปีก่อน ตามการผลิตเส้นใยสังเคราะห์และเสื้อผ้าสำเร็จรูปเพื่อการส่งออกที่ขยายตัวได้มากขึ้น
สำหรับอุตสาหกรรมที่ผลิตลดลง ได้แก่ หมวดเครื่องดื่ม ซึ่งเป็นไปตามการลดลงของผลผลิตสุรา เนื่องจากผู้ผลิตที่ได้รับสัมปทานได้เก็บสต็อกไว้มากในปีก่อน ในขณะที่การผลิตเครื่องดื่มประเภทอื่นๆ ยังขยายตัว หมวด ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ผลิตลดลง เนื่องจาก โรงกลั่นไทยออยล์เกิดเหตุเพลิงไหม้ในช่วงสิ้นปีก่อน ประกอบกับการใช้น้ำมันในประเทศได้ลดลงเพราะราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หมวดวัสดุก่อสร้าง ผลิตลดลงตามความต้องการภายในประเทศที่ยังซบเซา แม้ว่าสามารถส่งออกไปยังสหรัฐฯ ฮ่องกง อินเดีย บังคลาเทศ และ ศรีลังกาได้เพิ่มขึ้นบ้าง
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-สส-
ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงเป็นลำดับ ส่งผลให้ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2543 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 4.1
แต่หากไม่รวมผลผลิตสุราเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.7 ที่สำคัญเป็นการผลิตเพิ่มขึ้นในหมวดสินค้าที่ส่งออกได้ดี โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าอัญมณีและเครื่องประดับและยานยนต์ สำหรับอัตราการใช้กำลังการผลิตในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2543 อยู่ที่ระดับร้อยละ 55.7 (หากไม่รวมผลผลิตสุราอยู่ที่ระดับร้อยละ 59.5) อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรม ที่มีอัตราการใช้กำลังการผลิตเกือบเต็มที่ในช่วงนี้ ได้แก่ แผงวงจรไฟฟ้า ยางรถยนต์ เยื่อกระดาษ และผลิตภัณฑ์กระดาษ
ปัจจัยที่ทำให้การผลิตภาคอุตสาห-กรรมยังคงขยายตัวเป็นผลจากปริมาณการค้าและเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวสูงขึ้น ทำให้การส่งออกของไทยในรูปของดอลลาร์ สรอ. ในช่วงเก้าเดือนแรกของ ปีนี้เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 20 ประกอบกับผลการปรับโครงสร้างหนี้ และการปรับโครงสร้างธุรกิจ ได้ประสบความสำเร็จเป็นลำดับ รวมทั้งผู้ประกอบการจำนวน
มากได้ปรับกลยุทธ์ โดยเน้นการผลิตเพื่อส่งออก เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า เหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก และหมวดยานยนต์และอุปกรณ์ขนส่ง อย่างไรก็ตาม ความต้องการภายในประเทศยังอยู่ในระดับต่ำ จึง ทำให้ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวไม่มากนัก แม้ว่าทางการจะดำเนินมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายภาครัฐและมาตรการสนับสนุนการลงทุนของภาค เอกชน
อุตสาหกรรมที่การผลิตยังคงขยายตัวดีในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2543 ได้แก่
หมวดอิเล็กทรอนิกส์และ เครื่องใช้ไฟฟ้า เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน ร้อยละ 38.4 ตามการส่งออกแผงวงจรไฟฟ้า และเครื่องรับโทรทัศน์ เนื่องจากมีผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดโดยเฉพาะโทรทัศน์จอแบน ทำให้การใช้กำลังการผลิตของหมวดนี้ปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ ร้อยละ 63.3 หมวดอัญมณีและเครื่องประดับ เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนสูงถึงร้อยละ 35.8 โดยเฉพาะการผลิตเครื่องประดับที่ทำด้วยเงิน เนื่องจาก ปีนี้เป็นปีเริ่มต้นสหัสวรรษใหม่ทำให้ การส่งออกไปยังตลาดญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา อิสราเอล และเบลเยี่ยม ขยายตัวสูง ประกอบกับทางการ ได้ออกมาตรการยกเว้นภาษีนำเข้าวัตถุดิบสำหรับ อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ 11 รายการ รวมทั้ง ปรับปรุงการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับ ทองคำ ซึ่งช่วยลดการเสียภาษีซ้ำซ้อนและเพิ่ม ความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศ
หมวดยานยนต์และอุปกรณ์ขนส่ง เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 30 โดยเฉพาะการผลิตรถยนต์นั่ง รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ และรถ จักรยานยนต์ เนื่องจากปีนี้มีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ของบริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ออโต้ อัลลายแอนด์ (ประเทศไทย)จำกัด อย่างไรก็ตาม การขยายตัวของการผลิตในหมวดนี้ได้ชะลอลงมากในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี เนื่องจากปัญหาน้ำท่วมและราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นมากเป็นสำคัญทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตของหมวดนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำคือ ระดับร้อยละ 41.4
หมวดผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 20.2 ตามการขยายตัวของผลิตภัณฑ์ที่ส่งออกได้ดี อาทิ ยางแท่ง ปิโตรเคมี เยื่อกระดาษและคอมเพรสเซอร์ โดยอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ในระดับสูงร้อยละ 70.1
หมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 19.3 ตามการ ขยายตัวของอุตสาหกรรมต่อเนื่อง คือ อุตสาหกรรม เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุตสาหกรรมยานยนต์ ประกอบกับ การส่งออกท่อเหล็กไปยังตลาดสหรัฐฯ และยุโรป และ ผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นรีดร้อนและรีดเย็นไปยังญี่ปุ่นสามารถขยายตลาดได้เพิ่มขึ้นการใช้กำลังการผลิตของผลิตภัณฑ์ ในหมวดนี้จึงปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อน โดยอยู่ในระดับ ร้อยละ 45.7
สำหรับหมวดที่ผลิตเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ได้แก่ หมวดอาหาร ซึ่งเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 1.8 โดยเป็นผลจากการส่งออกอาหารทะเลแช่แข็ง และสับปะรดกระป๋องที่ส่งออกได้ลดลง ในขณะที่การผลิตของหมวดสิ่งทอเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 ซึ่งปรับตัวดีขึ้น เมื่อเทียบกับที่ลดลงร้อยละ 1.5 ในช่วงเดียวกันปีก่อน ตามการผลิตเส้นใยสังเคราะห์และเสื้อผ้าสำเร็จรูปเพื่อการส่งออกที่ขยายตัวได้มากขึ้น
สำหรับอุตสาหกรรมที่ผลิตลดลง ได้แก่ หมวดเครื่องดื่ม ซึ่งเป็นไปตามการลดลงของผลผลิตสุรา เนื่องจากผู้ผลิตที่ได้รับสัมปทานได้เก็บสต็อกไว้มากในปีก่อน ในขณะที่การผลิตเครื่องดื่มประเภทอื่นๆ ยังขยายตัว หมวด ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ผลิตลดลง เนื่องจาก โรงกลั่นไทยออยล์เกิดเหตุเพลิงไหม้ในช่วงสิ้นปีก่อน ประกอบกับการใช้น้ำมันในประเทศได้ลดลงเพราะราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หมวดวัสดุก่อสร้าง ผลิตลดลงตามความต้องการภายในประเทศที่ยังซบเซา แม้ว่าสามารถส่งออกไปยังสหรัฐฯ ฮ่องกง อินเดีย บังคลาเทศ และ ศรีลังกาได้เพิ่มขึ้นบ้าง
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-สส-