กรุงเทพฯ--30 ส.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
วันนี้ (29 สิงหาคม 2544) นายนรชิต สิงหเสนี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า กระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล แจ้งเรื่องความปลอดภัยของแรงงานไทยในอิสราเอลซึ่งในขณะนี้มีการสู้รบอยู่ในบาง พื้นที่ โดยที่กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม และกระทรวงการต่างประเทศได้ร่วมหารือเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยของแรงงานไทยและขอให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำข้อมูลประเทศที่มีความเสี่ยงในความปลอดภัยซึ่งคนไทยไม่ควรไปทำงานเพื่อให้กระทรวงแรงงานฯ ใช้ประชาสัมพันธ์ให้บริษัทจัดหางานทราบนั้น เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้สรุปสถานการณ์การสู้รบและ พื้นที่ในประเทศอิสราเอล ที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของแรงงานไทยดังนี้
1. เขตอันตรายสูง
เขตอันตรายสูงเป็นเขตที่มีการปะทะกันระหว่างอิสราเอลและกองกำลังปาเลสไตน์คือ นิคมกุชคาติฟ ซึ่งในขณะนี้มีแรงงานไทยทำงานในภาคเกษตรอยู่ประมาณ 300 คน ในหมู่บ้าน 12 แห่งในนิคมกุชคาติฟ โดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ แจ้งขอความร่วมมือหน่วยงานไทยที่เกี่ยวข้องกำชับบริษัทจัดหางานให้ระงับการจัดส่งแรงงานไทยไปยังเขตดังกล่าว และดำเนินการลงโทษบริษัทจัด หางานของไทยที่ฝ่าฝืนด้วย ทั้งนี้ในขณะนี้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟตรวจสอบพบว่ายังมีบริษัทจัดหางานอิสราเอลบางแห่งยังคงฝ่าฝืนจัดส่งแรงงานคนไทยจำนวน 37 คนเข้าไปทำงานในเขตอันตรายสูงดังกล่าว
2. เขตเสี่ยงภัย
เขตเสี่ยงภัยเป็นเขตเมืองใหญ่ที่เป็นเป้าหมายการก่อการร้าย หรือกระทำวินาศกรรม อาทิเช่น กรุงเทลอาวีฟ เยรูซาเล็ม ไฮฟา เนธันยา คาฟาซาบา และฮาเดรา โดยแรงงานไทยควรมีการระมัดระวังเรื่องความปลอดภัย และขณะนี้มีแรงงานไทยไปทำงานภาคบริการและการก่อสร้างกระจายอยู่ในเขต ดังกล่าวประมาณ 1,000 คน นอกจากนี้ในพื้นที่ภาคเหนือชายแดนอิสราเอล-เลบานอน ก็ถือเป็น เขตเสี่ยงภัย ด้วยเนื่องจากอยู่ในเป้าหมายการโจมตีของกลุ่ม Hizbullah ของเลบานอน โดยขณะนี้มี แรงงานไทยทำงานอยู่ภาคเกษตรในเขตนี้ประมาณ 500 คน
อนึ่ง สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ รายงานว่าได้ตรวจสอบพบว่าบริษัท Isra-ed และบริษัท คานาน ชานี ซึ่งเป็นบริษัทจัดหางานอิสราเอล ได้ฝ่าฝืนส่งแรงงานไทยเข้าไปทำงานในเขตนิคม กุชคาติฟ อีก ทั้งๆที่ได้รับการตักเตือนจากทางสถานเอกอัครราชทูตไทยแล้ว ดังนั้นจึงขอให้หน่วยงานไทยที่เกี่ยวข้องดำเนินการกับบริษัทจัดหางาน ยูดี และอุดร เอส.พี.ซี ซึ่งเป็นบริษัทจัดหางานของไทยที่จัดส่ง แรงงานไทยไปให้กับบริษัทจัดหางานอิสราเอลข้างต้นที่ละเมิดการตักเตือนของสถานเอกอัคราชทูตไทย ในการจัดส่งแรงงานไทยเข้าไปทำงานในเขตพื้นที่อันตรายด้วย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-
วันนี้ (29 สิงหาคม 2544) นายนรชิต สิงหเสนี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า กระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล แจ้งเรื่องความปลอดภัยของแรงงานไทยในอิสราเอลซึ่งในขณะนี้มีการสู้รบอยู่ในบาง พื้นที่ โดยที่กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม และกระทรวงการต่างประเทศได้ร่วมหารือเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยของแรงงานไทยและขอให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำข้อมูลประเทศที่มีความเสี่ยงในความปลอดภัยซึ่งคนไทยไม่ควรไปทำงานเพื่อให้กระทรวงแรงงานฯ ใช้ประชาสัมพันธ์ให้บริษัทจัดหางานทราบนั้น เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้สรุปสถานการณ์การสู้รบและ พื้นที่ในประเทศอิสราเอล ที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของแรงงานไทยดังนี้
1. เขตอันตรายสูง
เขตอันตรายสูงเป็นเขตที่มีการปะทะกันระหว่างอิสราเอลและกองกำลังปาเลสไตน์คือ นิคมกุชคาติฟ ซึ่งในขณะนี้มีแรงงานไทยทำงานในภาคเกษตรอยู่ประมาณ 300 คน ในหมู่บ้าน 12 แห่งในนิคมกุชคาติฟ โดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ แจ้งขอความร่วมมือหน่วยงานไทยที่เกี่ยวข้องกำชับบริษัทจัดหางานให้ระงับการจัดส่งแรงงานไทยไปยังเขตดังกล่าว และดำเนินการลงโทษบริษัทจัด หางานของไทยที่ฝ่าฝืนด้วย ทั้งนี้ในขณะนี้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟตรวจสอบพบว่ายังมีบริษัทจัดหางานอิสราเอลบางแห่งยังคงฝ่าฝืนจัดส่งแรงงานคนไทยจำนวน 37 คนเข้าไปทำงานในเขตอันตรายสูงดังกล่าว
2. เขตเสี่ยงภัย
เขตเสี่ยงภัยเป็นเขตเมืองใหญ่ที่เป็นเป้าหมายการก่อการร้าย หรือกระทำวินาศกรรม อาทิเช่น กรุงเทลอาวีฟ เยรูซาเล็ม ไฮฟา เนธันยา คาฟาซาบา และฮาเดรา โดยแรงงานไทยควรมีการระมัดระวังเรื่องความปลอดภัย และขณะนี้มีแรงงานไทยไปทำงานภาคบริการและการก่อสร้างกระจายอยู่ในเขต ดังกล่าวประมาณ 1,000 คน นอกจากนี้ในพื้นที่ภาคเหนือชายแดนอิสราเอล-เลบานอน ก็ถือเป็น เขตเสี่ยงภัย ด้วยเนื่องจากอยู่ในเป้าหมายการโจมตีของกลุ่ม Hizbullah ของเลบานอน โดยขณะนี้มี แรงงานไทยทำงานอยู่ภาคเกษตรในเขตนี้ประมาณ 500 คน
อนึ่ง สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ รายงานว่าได้ตรวจสอบพบว่าบริษัท Isra-ed และบริษัท คานาน ชานี ซึ่งเป็นบริษัทจัดหางานอิสราเอล ได้ฝ่าฝืนส่งแรงงานไทยเข้าไปทำงานในเขตนิคม กุชคาติฟ อีก ทั้งๆที่ได้รับการตักเตือนจากทางสถานเอกอัครราชทูตไทยแล้ว ดังนั้นจึงขอให้หน่วยงานไทยที่เกี่ยวข้องดำเนินการกับบริษัทจัดหางาน ยูดี และอุดร เอส.พี.ซี ซึ่งเป็นบริษัทจัดหางานของไทยที่จัดส่ง แรงงานไทยไปให้กับบริษัทจัดหางานอิสราเอลข้างต้นที่ละเมิดการตักเตือนของสถานเอกอัคราชทูตไทย ในการจัดส่งแรงงานไทยเข้าไปทำงานในเขตพื้นที่อันตรายด้วย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-