วันที่ 5 มีนาคม 2544 ณ ธนาคารทหารไทย สำนักงานใหญ่ ถนนพหลโยธิน
กรมการค้าต่างประเทศได้ร่วมกับคณะกรรมการร่วม WTO และธนาคารทหารไทย ได้จัดการสัมมนาในหัวข้อ เตรียมตัวล่วงหน้า จีน: คู่ค้าหรือคู่แข่งของไทย ขึ้นเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2544 ณ ธนาคารทหารไทย สำนักงานใหญ่ ถนนพหลโยธิน กรุงเทพฯ โดยมีรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (นายพิษณุ เหรียญมหาสาร) เป็นผู้ดำเนินรายการ
ผลของการสัมมนาดังกล่าวสรุปได้ ดังนี้
1. ผู้เข้าร่วมการสัมมนา จากภาครัฐบาล ภาคเอกชน ตลอดจนสื่อมวลชน รวมประมาณ 300 คน โดยเป็นนักธุรกิจจากภาคเอกชนกว่า 200 คน
2. สาระสำคัญของการสัมมนา
2.1 นางพวงรัตน์อัศวพิศิษฐ์รองอธิบดีกรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ได้กล่าวถึงการเข้าเป็นสมาชิก WTO ของจีน
ข้อตกลงสองฝ่ายระหว่างไทย — จีน เกี่ยวกับการลดอัตราภาษีสินค้าในแต่ละรายการ รวมถึงการกำหนดโควตาของสินค้าต่างๆ และข้อตกลงสองฝ่ายระหว่างจีนกับสหรัฐ จีนกับอียู และจีนกับออสเตรเลีย
ผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศของไทยจากการที่จีนเข้าเป็นสมาชิก WTO ทั้งในด้านบวกและด้านลบ และผลประโยชน์ที่จีนจะได้รับจากการเข้าเป็นสมาชิก WTO รวมทั้งผลดีและผลเสีย โดยมองจากมุมมองของจีน
2.2 นายผัง หรงเชียน (นาย Pang Rongqian)อัครราชทูตฝ่ายการพาณิชย์ของจีนประจำประเทศไทย ได้กล่าวถึง
วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในปี ค.ศ. 1997และแนวทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจจีนที่ตกต่ำของรัฐบาล ซึ่งประสบผลสำเร็จมากมาแล้ว
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย — จีน และสถานการณ์ทางการค้าในปัจจุบัน
ความพยายามที่จะสนับสนุนการค้าระหว่างไทยกับจีน เช่น การจัดตั้งสำนักเศรษฐกิจระหว่างประเทศไทย — จีน
2.3 นายธีรศักดิ์ นาทีกาญจนลาภ จากบริษัทค้าสากลซิเมนต์ไทย จำกัด ได้ให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับ
สภาวะการลงทุนในจีน ความพร้อมทางด้านสาธารณูปโภค
ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่นักธุรกิจไทยประสบและการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับปัญหาและอุปสรรคเหล่านี้
2.4 นายวิทยา ศรีอารีรักษ์ จากบริษัท เจริญโภคภัณฑ์ จำกัด ได้ให้ความเห็นเสริมเกี่ยวกับ
แนวทางการติดต่อเข้าไปทำการค้ากับจีน
ความสำคัญของการสำรวจตลาดและพฤติกรรมการบริโภคของคนจีนซึ่งจะต้องดูลึกไปถึง ความแตกต่างทางรสนิยมของผู้คนในท้องถิ่นต่าง ๆ
ความได้เปรียบของนักธุรกิจไทยในการทำธุรกิจในประเทศจีน อันเนื่องจากขนบธรรมเนียมประเพณีที่คล้ายคลึงกันของไทยและจีน
3. ข้อสรุปที่ได้จากการสัมมนา
3.1 จีนใกล้จะบรรลุถึงการเข้าเป็นสมาชิก WTO หลังจากที่ได้ดำเนินการมายาวนานถึง 15 ปี โดยคาดว่าจีนจะสามารถเข้าเป็นสมาชิก WTO ได้ภายในปี 2544 นี้
3.2 เมื่อจีนเข้าเป็นสมาชิก WTO ได้แล้ว จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจ การค้า การลงทุน กับประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยผลกระทบทางด้านบวกคือการที่จีนจะต้องลดอัตรา ภาษีนำเข้าสินค้า และเปิดตลาดการค้าสินค้าและการบริการ ตลอดจนการที่จีนจะต้องปฏิบัติตามกติกา การค้าเสรีอย่างเคร่งครัด ในขณะที่ทางด้านลบนั้น ผลกระทบส่วนใหญ่ จะเกิดจากภาวะการแข่งขันทางการค้าจะทวีความรุนแรงขึ้น เมื่อจีนจะได้รับสิทธิพิเศษทางการค้า (MFN) จากบรรดาประเทศสมาชิก WTO และทำให้จีนสามารถส่งสินค้าราคาถูกออกมาแข่งขันได้มากกว่าในปัจจุบัน สำหรับประเทศไทยซึ่งอยู่ห่างจากจีนเพียง 200 กิโลเมตรเศษทางแม่น้ำโขง และผลิตสินค้าที่คล้ายคลึงกันหลายประเภท จึงทำให้หลายฝ่ายคาดว่าไทยจะได้รับผลกระทบจากการแข่งขันทางการค้าที่ค่อนข้างรุนแรงจากกรณีดังกล่าว
3.3 สินค้าไทยที่น่าจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการเข้าเป็นสมาชิก WTO ของจีนโดยการส่งออกไปจีนที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง ผักและผลไม้สด รถยนต์และส่วนประกอบ นอกจากนี้ ไทยน่าจะได้ประโยชน์จากการเปิดตลาดการค้าบริการด้านการท่องเที่ยว ตลอดจนการโรงแรมและภัตตาคารที่เอกชนของไทยมีความเชี่ยวชาญและมีศักยภาพในการเข้าไปลงทุนในจีน ส่วนสินค้าที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการแข่งขันกับจีนมากขึ้น ได้แก่ อุตสาหกรรมสิ่งทอ และอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ใช้แรงงานในการผลิตสูง เช่น ของเล่น เครื่องไฟฟ้า การผลิตชิ้นส่วนอิเลคโทรนิกส์ เป็นต้น รวมทั้งผลิตผลทางการเกษตรบางชนิดที่จีนมีศักยภาพในการผลิตสูงกว่าไทย เช่น หอม กระเทียม และผลไม้เมืองหนาว เป็นต้น
3.4 เมื่อจีนเข้าเป็นสมาชิก WTO แล้ว สินค้าไทยในตลาดที่สามบางส่วนจะได้ผลกระทบจากภาวะการแข่งขันกับจีน ซึ่งแนวทางการผ่อนปรนผลกระทบมิให้รุนแรง คือการร่วมลงทุนผลิตสินค้าเพื่อส่งไปขายยังตลาดที่สาม โดยเลือกลงทุนในสินค้าที่แต่ฝ่ายมีความได้เปรียบด้านการผลิต อาทิ การผลิตสินค้าระดับบน (High end products) ที่ไทยมีศักยภาพทางการผลิตสูง หรือการลงทุนด้านสิ่งทอในจีนซึ่งได้เปรียบด้านค่าจ้างแรงงานที่ถูกกว่าไทย
3.5 ภาครัฐบาลและภาคเอกชนของไทยควรร่วมมือกันเผยแพร่ข้อมูล เกี่ยวกับผลกระทบดังกล่าว โดยเฉพาะสำหรับสินค้าที่ไทยมีศักยภาพในการส่งออกไปจีนเพิ่มมากขึ้น และสินค้าที่จะต้องเผชิญกับภาวะการแข่งขันที่รุนแรง เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยมีความตื่นตัว และเตรียมพร้อมที่จะเป็นทั้งคู่ค้าและคู่แข่งขันกับจีน
3.6 เนื่องจากกฏระเบียบทางการค้าการลงทุนของจีนมีความสลับซับซ้อน และยังไม่เป็นไปตามหลักสากล ผู้ประกอบการไทยที่สนใจจะไปทำการค้าการลงทุนในจีนจึงควรพิจารณาการมีหุ้นส่วนหรือผู้มีส่วนร่วมในธุรกิจชาวจีน เพื่อความสะดวกในการติดต่อและลดความเสี่ยงทางธุรกิจ ทั้งนี้ จากประสบการณ์ของเอกชนไทยที่เคยไปลงทุนในจีนนั้น ปัจจัยสำคัญของความสำเร็จในการประกอบธุรกิจการค้าการลงทุนกับจีนขึ้นอยู่กับการเลือกผู้ร่วมลงทุนชาวจีนที่ดี นอกจากนี้ การร่วมมือกับจีนในด้านการร่วมทุนผลิตสินค้าในลักษณะการเป็นคู่ขากันมากขึ้น ยังเป็นแนวทางหนึ่งในการลดลดภาวะการแข่งขันกับจีนได้
4. ข้อคิดเห็น
4.1 ปัจจุบันบริษัทต่างชาติกำลังมุ่งเป้าหมายไปที่การช่วงชิงตลาดจีนที่กำลังจะเปิดกว้างขึ้นเมื่อจีนเข้าเป็นสมาชิก WTO โดยการไปประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ และทำการสำรวจความต้องการของตลาด
4.2 ควรเร่งเผยแพร่ข้อมูลการเข้าเป็นสมาชิก WTO ของจีนให้นักธุรกิจไทยทราบ โดยเฉพาะในส่วนของโอกาสและภาวะการแข่งขัน เพื่อให้เกิดความตื่นตัวและมีการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์
4.3 ควรจัดคณะผู้แทนการค้าไปเยือนส่วนต่างๆ ของจีน ที่คาดว่าจะเป็นเป้าหมายในการขยายการค้าการลงทุนระหว่างกัน โดยเฉพาะทางภาคตะวันตกของจีน เช่น มณฑลยูนนาน เสฉวน และมหานครฉงชิ่ง เป็นต้น เพราะภาคตะวันตกเป็นเขตที่จีนกำหนดให้เป็นเขตการพัฒนาระยะที่ 3 (หลังจากการพัฒนาเขตเศรษฐกิจตามแนวชายฝั่งทะเล และต่อมาพัฒนาเขตชุมชนตามลุ่มแม่น้ำสำคัญทางภาคตะวันออก) ซึ่งในอนาคตอันใกล้จะมีระดับการพัฒนาที่เจริญรุ่งเรือง ความเป็นอยู่ของประชาชนจะดีขึ้นและมีรายได้เพิ่มขึ้น และกลายเป็นตลาดการค้า การลงทุนที่สำคัญต่อไป
--กรมการค้าต่างประเทศ กรกฎาคม 2544--
-อน-
กรมการค้าต่างประเทศได้ร่วมกับคณะกรรมการร่วม WTO และธนาคารทหารไทย ได้จัดการสัมมนาในหัวข้อ เตรียมตัวล่วงหน้า จีน: คู่ค้าหรือคู่แข่งของไทย ขึ้นเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2544 ณ ธนาคารทหารไทย สำนักงานใหญ่ ถนนพหลโยธิน กรุงเทพฯ โดยมีรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (นายพิษณุ เหรียญมหาสาร) เป็นผู้ดำเนินรายการ
ผลของการสัมมนาดังกล่าวสรุปได้ ดังนี้
1. ผู้เข้าร่วมการสัมมนา จากภาครัฐบาล ภาคเอกชน ตลอดจนสื่อมวลชน รวมประมาณ 300 คน โดยเป็นนักธุรกิจจากภาคเอกชนกว่า 200 คน
2. สาระสำคัญของการสัมมนา
2.1 นางพวงรัตน์อัศวพิศิษฐ์รองอธิบดีกรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ได้กล่าวถึงการเข้าเป็นสมาชิก WTO ของจีน
ข้อตกลงสองฝ่ายระหว่างไทย — จีน เกี่ยวกับการลดอัตราภาษีสินค้าในแต่ละรายการ รวมถึงการกำหนดโควตาของสินค้าต่างๆ และข้อตกลงสองฝ่ายระหว่างจีนกับสหรัฐ จีนกับอียู และจีนกับออสเตรเลีย
ผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศของไทยจากการที่จีนเข้าเป็นสมาชิก WTO ทั้งในด้านบวกและด้านลบ และผลประโยชน์ที่จีนจะได้รับจากการเข้าเป็นสมาชิก WTO รวมทั้งผลดีและผลเสีย โดยมองจากมุมมองของจีน
2.2 นายผัง หรงเชียน (นาย Pang Rongqian)อัครราชทูตฝ่ายการพาณิชย์ของจีนประจำประเทศไทย ได้กล่าวถึง
วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในปี ค.ศ. 1997และแนวทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจจีนที่ตกต่ำของรัฐบาล ซึ่งประสบผลสำเร็จมากมาแล้ว
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย — จีน และสถานการณ์ทางการค้าในปัจจุบัน
ความพยายามที่จะสนับสนุนการค้าระหว่างไทยกับจีน เช่น การจัดตั้งสำนักเศรษฐกิจระหว่างประเทศไทย — จีน
2.3 นายธีรศักดิ์ นาทีกาญจนลาภ จากบริษัทค้าสากลซิเมนต์ไทย จำกัด ได้ให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับ
สภาวะการลงทุนในจีน ความพร้อมทางด้านสาธารณูปโภค
ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่นักธุรกิจไทยประสบและการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับปัญหาและอุปสรรคเหล่านี้
2.4 นายวิทยา ศรีอารีรักษ์ จากบริษัท เจริญโภคภัณฑ์ จำกัด ได้ให้ความเห็นเสริมเกี่ยวกับ
แนวทางการติดต่อเข้าไปทำการค้ากับจีน
ความสำคัญของการสำรวจตลาดและพฤติกรรมการบริโภคของคนจีนซึ่งจะต้องดูลึกไปถึง ความแตกต่างทางรสนิยมของผู้คนในท้องถิ่นต่าง ๆ
ความได้เปรียบของนักธุรกิจไทยในการทำธุรกิจในประเทศจีน อันเนื่องจากขนบธรรมเนียมประเพณีที่คล้ายคลึงกันของไทยและจีน
3. ข้อสรุปที่ได้จากการสัมมนา
3.1 จีนใกล้จะบรรลุถึงการเข้าเป็นสมาชิก WTO หลังจากที่ได้ดำเนินการมายาวนานถึง 15 ปี โดยคาดว่าจีนจะสามารถเข้าเป็นสมาชิก WTO ได้ภายในปี 2544 นี้
3.2 เมื่อจีนเข้าเป็นสมาชิก WTO ได้แล้ว จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจ การค้า การลงทุน กับประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยผลกระทบทางด้านบวกคือการที่จีนจะต้องลดอัตรา ภาษีนำเข้าสินค้า และเปิดตลาดการค้าสินค้าและการบริการ ตลอดจนการที่จีนจะต้องปฏิบัติตามกติกา การค้าเสรีอย่างเคร่งครัด ในขณะที่ทางด้านลบนั้น ผลกระทบส่วนใหญ่ จะเกิดจากภาวะการแข่งขันทางการค้าจะทวีความรุนแรงขึ้น เมื่อจีนจะได้รับสิทธิพิเศษทางการค้า (MFN) จากบรรดาประเทศสมาชิก WTO และทำให้จีนสามารถส่งสินค้าราคาถูกออกมาแข่งขันได้มากกว่าในปัจจุบัน สำหรับประเทศไทยซึ่งอยู่ห่างจากจีนเพียง 200 กิโลเมตรเศษทางแม่น้ำโขง และผลิตสินค้าที่คล้ายคลึงกันหลายประเภท จึงทำให้หลายฝ่ายคาดว่าไทยจะได้รับผลกระทบจากการแข่งขันทางการค้าที่ค่อนข้างรุนแรงจากกรณีดังกล่าว
3.3 สินค้าไทยที่น่าจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการเข้าเป็นสมาชิก WTO ของจีนโดยการส่งออกไปจีนที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง ผักและผลไม้สด รถยนต์และส่วนประกอบ นอกจากนี้ ไทยน่าจะได้ประโยชน์จากการเปิดตลาดการค้าบริการด้านการท่องเที่ยว ตลอดจนการโรงแรมและภัตตาคารที่เอกชนของไทยมีความเชี่ยวชาญและมีศักยภาพในการเข้าไปลงทุนในจีน ส่วนสินค้าที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการแข่งขันกับจีนมากขึ้น ได้แก่ อุตสาหกรรมสิ่งทอ และอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ใช้แรงงานในการผลิตสูง เช่น ของเล่น เครื่องไฟฟ้า การผลิตชิ้นส่วนอิเลคโทรนิกส์ เป็นต้น รวมทั้งผลิตผลทางการเกษตรบางชนิดที่จีนมีศักยภาพในการผลิตสูงกว่าไทย เช่น หอม กระเทียม และผลไม้เมืองหนาว เป็นต้น
3.4 เมื่อจีนเข้าเป็นสมาชิก WTO แล้ว สินค้าไทยในตลาดที่สามบางส่วนจะได้ผลกระทบจากภาวะการแข่งขันกับจีน ซึ่งแนวทางการผ่อนปรนผลกระทบมิให้รุนแรง คือการร่วมลงทุนผลิตสินค้าเพื่อส่งไปขายยังตลาดที่สาม โดยเลือกลงทุนในสินค้าที่แต่ฝ่ายมีความได้เปรียบด้านการผลิต อาทิ การผลิตสินค้าระดับบน (High end products) ที่ไทยมีศักยภาพทางการผลิตสูง หรือการลงทุนด้านสิ่งทอในจีนซึ่งได้เปรียบด้านค่าจ้างแรงงานที่ถูกกว่าไทย
3.5 ภาครัฐบาลและภาคเอกชนของไทยควรร่วมมือกันเผยแพร่ข้อมูล เกี่ยวกับผลกระทบดังกล่าว โดยเฉพาะสำหรับสินค้าที่ไทยมีศักยภาพในการส่งออกไปจีนเพิ่มมากขึ้น และสินค้าที่จะต้องเผชิญกับภาวะการแข่งขันที่รุนแรง เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยมีความตื่นตัว และเตรียมพร้อมที่จะเป็นทั้งคู่ค้าและคู่แข่งขันกับจีน
3.6 เนื่องจากกฏระเบียบทางการค้าการลงทุนของจีนมีความสลับซับซ้อน และยังไม่เป็นไปตามหลักสากล ผู้ประกอบการไทยที่สนใจจะไปทำการค้าการลงทุนในจีนจึงควรพิจารณาการมีหุ้นส่วนหรือผู้มีส่วนร่วมในธุรกิจชาวจีน เพื่อความสะดวกในการติดต่อและลดความเสี่ยงทางธุรกิจ ทั้งนี้ จากประสบการณ์ของเอกชนไทยที่เคยไปลงทุนในจีนนั้น ปัจจัยสำคัญของความสำเร็จในการประกอบธุรกิจการค้าการลงทุนกับจีนขึ้นอยู่กับการเลือกผู้ร่วมลงทุนชาวจีนที่ดี นอกจากนี้ การร่วมมือกับจีนในด้านการร่วมทุนผลิตสินค้าในลักษณะการเป็นคู่ขากันมากขึ้น ยังเป็นแนวทางหนึ่งในการลดลดภาวะการแข่งขันกับจีนได้
4. ข้อคิดเห็น
4.1 ปัจจุบันบริษัทต่างชาติกำลังมุ่งเป้าหมายไปที่การช่วงชิงตลาดจีนที่กำลังจะเปิดกว้างขึ้นเมื่อจีนเข้าเป็นสมาชิก WTO โดยการไปประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ และทำการสำรวจความต้องการของตลาด
4.2 ควรเร่งเผยแพร่ข้อมูลการเข้าเป็นสมาชิก WTO ของจีนให้นักธุรกิจไทยทราบ โดยเฉพาะในส่วนของโอกาสและภาวะการแข่งขัน เพื่อให้เกิดความตื่นตัวและมีการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์
4.3 ควรจัดคณะผู้แทนการค้าไปเยือนส่วนต่างๆ ของจีน ที่คาดว่าจะเป็นเป้าหมายในการขยายการค้าการลงทุนระหว่างกัน โดยเฉพาะทางภาคตะวันตกของจีน เช่น มณฑลยูนนาน เสฉวน และมหานครฉงชิ่ง เป็นต้น เพราะภาคตะวันตกเป็นเขตที่จีนกำหนดให้เป็นเขตการพัฒนาระยะที่ 3 (หลังจากการพัฒนาเขตเศรษฐกิจตามแนวชายฝั่งทะเล และต่อมาพัฒนาเขตชุมชนตามลุ่มแม่น้ำสำคัญทางภาคตะวันออก) ซึ่งในอนาคตอันใกล้จะมีระดับการพัฒนาที่เจริญรุ่งเรือง ความเป็นอยู่ของประชาชนจะดีขึ้นและมีรายได้เพิ่มขึ้น และกลายเป็นตลาดการค้า การลงทุนที่สำคัญต่อไป
--กรมการค้าต่างประเทศ กรกฎาคม 2544--
-อน-