สาทิตย์ วงศ์หนองเตย’ ร่วมเสวนา ‘4 ปี ของประเทศ กับ รัฐบาลพรรคเดียว’ จัดโดย สำนักงานเลขาธิการสภาฯ และสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย โดยมีผู้ร่วมเสวนา ทั้งจากพรรคไทยรักไทย ตัวแทนจากสื่อ และนักวิชาการ
วันนี้(14 มี.ค.48) เวลา 13.00น. ที่หอประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้ร่วมกันจัดเสวนาประชาธิปไตย ในหัวข้อ ‘4 ปี ของประเทศ กับ รัฐบาลพรรคเดียว’ โดยมีผู้ร่วมการเสวนาดังนี้คือ ดร.ลิขิต ถิรเวคิน ตัวแทนจากพรรคไทยรักไทย นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ตัวแทนจากพรรคประชาธิปัตย์ ร.ศ.สุขุม นวลสกุล นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ และนายภัทระ คำพิทักษ์ นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย โดยมี นายบุญเลิศ คชายุทธเดช บรรณาธิการอาวุโสหนังสือพิมพ์มติชน เป็นผู้ดำเนินรายการ
ดร.ลิขิต ธีรเวคิน ตัวแทนจากพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงแนวการทำงานของรัฐบาลในอีก 4 ปีข้างหน้าดังนี้ 1.ต้องเร่งปัญหาภัยแล้ง 2. ปัญหาเรื่องพลังงานทดแทน โดยจะเสนอให้ใช้พลังงานเอทานอลเป็นหลัก 3. ปัญหายาเสพติด 4. ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยแนวการแก้ปัญหาต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานและสร้างความเข้าใจกับคนในพื้นที่ พร้อมทั้งเคารพสิทธิซึ่งกันและกัน สำหรับผลหากมีการตั้งรัฐบาลพรรคเดียวนั้น ดร.ลิขิตกล่าวว่า ในด้านบวก 1. คือด้านเสถียรภาพของรัฐบาล 2.มีฝ่ายบริหารที่แข็งแรงและเด็ดขาด กล้าตัดสินใจ 3.จะทำให้ในอนาคตประเทศมีพรรคการเมือง 2 ขั้ว โดยจะต้องต่อสู้กันทางนโยบายเป็นหลัก ส่วนในด้านลบ ดร.ลิขิต อ้างว่าเรื่องการตรวจสอบ แม้ว่าฝ่ายค้านจะไม่สามารถอภิปรายตัวนายกฯได้ แต่ก็ยังสามารถอภิปรายรมต.เป็นรายบุคคลได้ นอกจากนี้ยังสามารถพึ่งพากระบวนการองค์กรภายนอก ทั้งประชาชน หรือองค์กรต่างๆได้อีกทางหนึ่งด้วย
ด้านนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ตัวแทนจากพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนเชื่อมั่นเรื่องการมีส่วนร่วมของทุกส่วน ฝ่ายค้านต้องไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์ และรัฐบาลต้องไม่ใช่พรรคไทยรักไทย ทั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์ยอมรับการตัดสินใจของประชาชนที่ยอมรับและเลือกพรรคไทยรักไทยจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ก็จะกำหนดจุดเริ่มต้นในการทำงาน ซึ่งยืนยันได้ว่าในอีก 4 ปีข้างหน้า สิ่งที่จะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอนคือ การล้มล้างรัฐบาล
นายสาทิตย์กล่าวว่า สิ่งที่น่าสนใจในขณะนี้คือ ประชาชนเปลี่ยนความสนใจจากสภาฯไปสู่ฝ่ายบริหารมากขึ้น ทั้งในเรื่องของวิวาทะของฝ่ายบริหาร หรือในเรื่องอื่นๆ ส่วนของสภาเองก็เป็นไปในแง่ของพิธีกรรม เรื่องการจัดงบประมาณที่เดิมต้องผ่านการพิจารณาของสภา แต่ขณะนี้ฝ่ายบริหารตอกย้ำการมีอำนาจด้านการกระจายงบประมาณโดยไม่ต้องผ่านการพิจารณาของสภา ในรูปแบบของงบกลาง ที่นายกฯสามารถตัดสินใจเองได้เลย เชื่อว่า อีก 4 ปีข้างหน้า จะเป็นระบบพรรคเดียว คนเดียว... ติดตามรายละเอียดคำต่อคำได้ทาง www.democrat .or.th
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 14 มี.ค. 2548--จบ--
-ดท-
วันนี้(14 มี.ค.48) เวลา 13.00น. ที่หอประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้ร่วมกันจัดเสวนาประชาธิปไตย ในหัวข้อ ‘4 ปี ของประเทศ กับ รัฐบาลพรรคเดียว’ โดยมีผู้ร่วมการเสวนาดังนี้คือ ดร.ลิขิต ถิรเวคิน ตัวแทนจากพรรคไทยรักไทย นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ตัวแทนจากพรรคประชาธิปัตย์ ร.ศ.สุขุม นวลสกุล นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ และนายภัทระ คำพิทักษ์ นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย โดยมี นายบุญเลิศ คชายุทธเดช บรรณาธิการอาวุโสหนังสือพิมพ์มติชน เป็นผู้ดำเนินรายการ
ดร.ลิขิต ธีรเวคิน ตัวแทนจากพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงแนวการทำงานของรัฐบาลในอีก 4 ปีข้างหน้าดังนี้ 1.ต้องเร่งปัญหาภัยแล้ง 2. ปัญหาเรื่องพลังงานทดแทน โดยจะเสนอให้ใช้พลังงานเอทานอลเป็นหลัก 3. ปัญหายาเสพติด 4. ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยแนวการแก้ปัญหาต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานและสร้างความเข้าใจกับคนในพื้นที่ พร้อมทั้งเคารพสิทธิซึ่งกันและกัน สำหรับผลหากมีการตั้งรัฐบาลพรรคเดียวนั้น ดร.ลิขิตกล่าวว่า ในด้านบวก 1. คือด้านเสถียรภาพของรัฐบาล 2.มีฝ่ายบริหารที่แข็งแรงและเด็ดขาด กล้าตัดสินใจ 3.จะทำให้ในอนาคตประเทศมีพรรคการเมือง 2 ขั้ว โดยจะต้องต่อสู้กันทางนโยบายเป็นหลัก ส่วนในด้านลบ ดร.ลิขิต อ้างว่าเรื่องการตรวจสอบ แม้ว่าฝ่ายค้านจะไม่สามารถอภิปรายตัวนายกฯได้ แต่ก็ยังสามารถอภิปรายรมต.เป็นรายบุคคลได้ นอกจากนี้ยังสามารถพึ่งพากระบวนการองค์กรภายนอก ทั้งประชาชน หรือองค์กรต่างๆได้อีกทางหนึ่งด้วย
ด้านนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ตัวแทนจากพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนเชื่อมั่นเรื่องการมีส่วนร่วมของทุกส่วน ฝ่ายค้านต้องไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์ และรัฐบาลต้องไม่ใช่พรรคไทยรักไทย ทั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์ยอมรับการตัดสินใจของประชาชนที่ยอมรับและเลือกพรรคไทยรักไทยจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ก็จะกำหนดจุดเริ่มต้นในการทำงาน ซึ่งยืนยันได้ว่าในอีก 4 ปีข้างหน้า สิ่งที่จะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอนคือ การล้มล้างรัฐบาล
นายสาทิตย์กล่าวว่า สิ่งที่น่าสนใจในขณะนี้คือ ประชาชนเปลี่ยนความสนใจจากสภาฯไปสู่ฝ่ายบริหารมากขึ้น ทั้งในเรื่องของวิวาทะของฝ่ายบริหาร หรือในเรื่องอื่นๆ ส่วนของสภาเองก็เป็นไปในแง่ของพิธีกรรม เรื่องการจัดงบประมาณที่เดิมต้องผ่านการพิจารณาของสภา แต่ขณะนี้ฝ่ายบริหารตอกย้ำการมีอำนาจด้านการกระจายงบประมาณโดยไม่ต้องผ่านการพิจารณาของสภา ในรูปแบบของงบกลาง ที่นายกฯสามารถตัดสินใจเองได้เลย เชื่อว่า อีก 4 ปีข้างหน้า จะเป็นระบบพรรคเดียว คนเดียว... ติดตามรายละเอียดคำต่อคำได้ทาง www.democrat .or.th
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 14 มี.ค. 2548--จบ--
-ดท-