แท็ก
กระทรวงพาณิชย์
ข้าว : การจัดการสต็อกข้าวของรัฐ ปี 2543/44 และนโยบายข้าว ปี 2544/45
ตามที่คณะกรรมการนโยบายข้าว (กนข.) ได้มีการประชุมครั้งที่ 6/2544 วันอังคารที่ 2 ตุลาคม 2544 สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
1. การระบายข้าวของรัฐบาล
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการเร่งระบายสต็อกข้าวคงเหลือในโครงการของรัฐ ปี 2543/44 จำนวน 2.26 ล้านตันข้าวสาร เพื่อส่งออกเป็นลำดับแรกก่อน โดยให้ส่งผลกระทบต่อตลาดส่งออกเดิมของไทยน้อยที่สุด และเห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์ขออนุมัติเงิน คชก. จำนวน 90 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการต่อไป
2. การแทรกแซงตลาดข้าวเปลือกหอมมะลิปีการผลิต 2543/44 เพิ่มเติม
1) เห็นชอบในหลักการให้ อ.ต.ก. รับซื้อข้าวเปลือกหอมมะลิจากสหกรณ์ การเกษตร จำนวนประมาณ 120,000 ตัน ในราคาตันละ 6,450 บาท ระยะเวลารับซื้อตุลาคม -15 พฤศจิกายน 2544 แล้วนำมาแปรสภาพเป็นข้าวสารจำหน่ายภายในประเทศและต่างประเทศ
2) มอบหมายให้ อ.ต.ก. จัดทำโครงการ วิธีการดำเนินการและค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ เพื่อเสนอขออนุมัติจากคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) ต่อไป
3) สำหรับข้าวเปลือกหอมมะลิที่รับจำนำไว้ตามโครงการรับจำนำปี 2543/44 ซึ่งหลุดจำนำและให้ ธ.ก.ส. ส่งมอบให้ อคส. นำมาสีแปรสภาพเป็นข้าวสารจำหน่ายต่างประเทศ เห็นชอบให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นคณะหนึ่ง เพื่อพิจารณากำหนดอัตราสีแปรสภาพข้าวเปลือกหอมมะลิ ปริมาณ และราคาขั้นต่ำในการจำหน่าย ตลอดจนเงื่อนไขอื่น ๆ ในการจำหน่าย แล้วเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์พิจารณาให้ความเห็นชอบเสนอประธาน กนข. อนุมัติต่อไป
3. มาตรการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2544/45
1) เห็นชอบในหลักการมาตรการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2544/45 ประกอบด้วย
- ข้าวหอมมะลิ รับจำนำไม่จำกัดจำนวน ให้ อคส. อ.ต.ก. และ ธกส. รับจำนำจากเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรโดยตรง ระยะเวลารับจำนำ 15 พฤศจิกายน 2544 - กุมภาพันธ์ 2545 ระยะเวลาไถ่ถอน 3 เดือน นับถัดจากเดือนที่รับจำนำ
- ข้าวเปลือกเหนียว ให้ ธกส. รับจำนำ จากเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรที่มียุ้งฉางเป็นของตนเอง จำนวน 1.0 ล้านตัน ระยะเวลารับจำนำ 15 พย.44 - กพ.45 ระยะเวลาไถ่ถอน 3 เดือน นับถัดจากเดือนที่รับจำนำ
- ข้าวเปลือกเจ้านาปี ให้ อคส. อ.ต.ก. และ ธกส. รับจำนำจากเกษตรกรที่ไม่มียุ้งฉางเป็นของตนเอง จำนวน 3 ล้านตัน ระยะเวลารับจำนำ 15 พฤศจิกายน 2544 - กุมภาพันธ์ 2545 ระยะเวลาไถ่ถอน 3 เดือน นับถัดจากเดือนที่รับจำนำ2) เห็นชอบให้กำหนดราคารับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2544/45 ของข้าวทุกประเภทสูงกว่าปี 2543/44 ตันละ 50 บาท ยกเว้น ข้าวหอมมะลิ กำหนดราคารับจำนำระหว่างตันละ 6,495-7,200 บาท ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ตลาด ข้าวเปลือกเหนียว 10% เมล็ดยาว ตันละ 5,900 บาท และข้าวเปลือกเหนียวคละ ตันละ 5,650 บาท
ชนิดข้าว ปี 2543/44 (เดิม) ปี 2544/45
ข้าวเปลือกหอมมะลิ 6,495 6,495 - 7,200
ข้าวเปลือกเจ้า 100% 5,280 5,330
ข้าวเปลือกเจ้า 5% 5,185 5,235
ข้าวเปลือกเจ้า 10% 4,995 5,045
ข้าวเปลือกเจ้า 15% 4,900 4,950
ข้าวเปลือกเจ้า 25% 4,710 4,760
ข้าวเปลือกเหนียว10% เมล็ดยาว 5,890 5,900
ข้าวเปลือกเหนียวคละ 5,605 5,650
3) มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายละเอียดโครงการ วิธีการ และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการโครงการรับจำนำข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวเปลือกเหนียว และข้าวเจ้านาปี ปี 2544/45 เพื่อขออนุมัติ คชก. ต่อไป
4) มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวแต่ละชนิดให้แล้วเสร็จ แล้วนำเสนอภายใน 30 วัน เพื่อให้การรับจำนำข้าวเปลือกจากเกษตรกรสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพและประโยชน์ตกถึงมือเกษตรกรโดยตรง
5) ให้มีคณะกรรมการระดับจังหวัด/อำเภอ/ตำบล กำกับดูแลการดำเนินงานโครงการ โดยขอความร่วมมือให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกพรรคและสมาชิกวุฒิสภาในจังหวัด รวมทั้งหน่วยงานราชการอื่นที่เกี่ยวข้องได้แก่ ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย ผู้แทนกระทรวงกลาโหม และผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นกรรมการที่ปรึกษาและสังเกตการณ์ เพื่อช่วยกำกับดูแลการรับจำนำให้เป็นไปโดยเรียบร้อย โปร่งใสและให้ประโยชน์ตกถึงมือเกษตรกรโดยตรง
6) เห็นชอบในหลักการสำหรับมาตรการโครงการสนับสนุนตลาดข้าว เช่น โครงการเชื่อมโยงสินเชื่อเพื่อการผลิตและบริการตลาดข้าวของสหกรณ์ และโครงการเก็บรวบรวมข้าวเปลือกของกลุ่มเกษตรกร ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำโครงการ วิธีดำเนินงานและงบประมาณดำเนินการ เสนอ คชก. ทั้งนี้ งบประมาณดำเนินโครงการไม่เกินวงเงินที่เคยได้รับอนุมัติในปี 2543/44สำหรับข้าวปทุมธานี 1 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เสนอให้ที่ประชุมพิจารณาราคารับจำนำ ที่ประชุมเห็นว่าในปีที่ผ่านมาไม่มีการรับจำนำข้าวปทุมธานี 1 ทำให้ไม่มีราคาที่จะใช้เป็นบรรทัดฐานในการกำหนดราคารับจำนำของข้าวปทุมธานี 1 จึงให้พิจารณาสถานการณ์ตลาดก่อน
4. การปรับปรุงมาตรฐานสินค้าข้าวหอมมะลิไทย
เนื่องจากมีการนำข้าวอื่นมาปลอมปนในข้าวหอมมะลิ ส่งผลต่อระดับราคา จึงเห็นควรมีการแก้ไขปัญหาดังกล่าว คือ
1) เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการ ดังนี้
- กำหนดชั้นคุณภาพของข้าวหอมมะลิไทยเพียงชั้นเดียวเพื่อให้เกิดความชัดเจนว่า ถ้ามีเครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทยแล้วจะต้องมีมาตรฐานขั้นต่ำเหมือนกันหมด
- กำหนดมาตรการตรวจสอบและติดตามผลโดยการสุ่มตรวจเป็นระยะ ๆ เพื่อมิให้มีการใช้เครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทย สำหรับข้าวที่ต่ำกว่ามาตรฐาน
- มีบทลงโทษผู้ปลอมปนโดยเคร่งครัด อาทิ เพิกถอนใบอนุญาตส่งออก หรือถูกดำเนินคดีทางอาญา เป็นต้น
2) สำหรับข้าวชนิดอื่น ๆ นอกจากข้าวหอมมะลิ มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หารือร่วมกันในการกำหนดมาตรฐานข้าวให้เป็นมาตรฐานเดียวกันเพื่อสร้างความเข้าใจต่อผู้บริโภคภายในและต่างประเทศ
มันสำปะหลัง : นโยบายและมาตรการมันสำปะหลัง ปี 2544/45
ในคราวประชุมคณะกรรมการนโยบายและมาตรการมันสำปะหลัง เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2544 โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน ผลการประชุมสรุปว่า ใน ปี 2544/45 (ตุลาคม 2544-กันยายน 2545) จะมีผลผลิตมันสำปะหลังประมาณ 17.81 ล้านตันหัวมันสด ลดลงจาก 18.27 ล้านตันหัวมันสด ในปี 2543/44 หรือลดลงร้อยละ 2.52 เนื่องจากราคาไม่จูงใจเกษตรกรจึงหันไปปลูกพืชอื่นทดแทนทำให้มันที่เพาะปลูกลดลงจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 1.7 ขณะที่คาดว่าความต้องการใช้ภายในประเทศและส่งออกประมาณ 18.70 ล้านตันหัวมันสด ทำให้ผลผลิตน้อยกว่าความต้องการใช้ประมาณ 0.9 ล้านตันหัวมันสด ดังนั้น จึงคาดว่า ในปี 2544/45 น่าจะไม่เกิดปัญหาราคาหัวมันสำปะหลังตกต่ำอย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกษตรกรได้รับราคาที่เป็นธรรมและมีเสถียรภาพต่อเนื่องตลอดฤดูกาลผลิตนี้คณะกรรมการนโยบายและมาตรการมันสำปะหลัง จึงได้กำหนดนโยบายและมาตรการสำปะหลัง ปี 2544/45 ดังนี้
นโยบาย
ด้านราคา สร้างเสถียรภาพราคาให้มั่นคงตลอดปี ราคาไม่ขึ้นลงตามฤดูกาลตลอดจนสร้างกำไรให้ผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างทั่วถึงทั้งระบบ
ด้านการตลาด พยายามรักษาส่วนแบ่งตลาดเดิม เร่งหาตลาดใหม่และ
ดำเนินนโยบายในเชิงรุกเพื่อแก้ไขปัญหาราคา การกีดกันทางการค้า
ด้านการพัฒนาคุณภาพ ปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังให้สอดคล้อง
กับความต้องการของตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ
ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าเชิงพาณิชย์
มาตรการ
สนับสนุนและส่งเสริมการขยายตลาดในต่างประเทศ เช่น การร่วมงานนิทรรศการที่เกี่ยวข้อง การจัดสัมมนาเพื่อเผยแพร่ประโยชน์ของผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง การเชิญผู้ใช้/ผู้นำเข้ามาเยือนไทย เป็นต้น
โครงการเชื่อมโยงการซื้อขายระหว่างผู้ผลิตและผู้ใช้มันเส้นคุณภาพดี โดยสนับสนุนให้จัดตั้งศูนย์ประสานงานดำเนินการ
สนับสนุนการจัดตั้งศูนย์ตรวจสอบและรับรองคุณภาพมันเส้น/มันอัดเม็ด และแป้งมันเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด
สนับสนุนการผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าเชิงพาณิชย์ อาทิแอลกอฮอล์ ข้าวโพดวิทยาศาสตร์ และผลิตภัณฑ์ภาชนะที่ย่อยสลายได้ โดยความร่วมมือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โครงการจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่ลานมัน เพื่อพัฒนาคุณภาพมันเส้น/มันอัดเม็ด เช่นส่งเสริมให้ลานมันใช้เครื่องร่อนทำความสะอาดหัวมันเส้น เป็นต้น
จัดหาแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำจากสถาบันการเงิน เพื่อเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงเครื่องจักร
ดำเนินการประชาสัมพันธ์จุดเด่นของผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เช่น ปลอดสารพิษ ไม่มี GMO และอื่น ๆ ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ดำเนินการรักษาระดับราคาหัวมันสำปะหลังสดให้สูงกว่าต้นทุนการผลิตของเกษตรกรและไม่ทำให้เกิดผลบิดเบือนกลไกตลาด ทั้งนี้ อาจจะดำเนินโครงการแทรกแซงตลาดใน ปี 2544/45 โดยการรับซื้อ/รับจำนำหัวมันสำปะหลังสดหรือผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังในพื้นที่ ที่มีการปลูกมันสำปะหลังทั่วประเทศ หรือเฉพาะบางพื้นที่ ในราคา ปริมาณ และช่วงเวลาที่สอดคล้องกับสภาวะการผลิตและการตลาดในแต่ละพื้นที่ ตลอดจนให้มีการระบายสต็อกในราคา ปริมาณ และช่วงเวลาที่จะช่วยพยุงราคาหัวมันสำปะหลังสดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
กวดขันให้มีการใช้เครื่องวัดเชื้อแป้งในการซื้อขายหัวมันสำปะหลังสด
--ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร ฉบับที่ 38 ประจำวันที่ 7-13 ต.ค. 2544--
-สส-
ตามที่คณะกรรมการนโยบายข้าว (กนข.) ได้มีการประชุมครั้งที่ 6/2544 วันอังคารที่ 2 ตุลาคม 2544 สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
1. การระบายข้าวของรัฐบาล
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการเร่งระบายสต็อกข้าวคงเหลือในโครงการของรัฐ ปี 2543/44 จำนวน 2.26 ล้านตันข้าวสาร เพื่อส่งออกเป็นลำดับแรกก่อน โดยให้ส่งผลกระทบต่อตลาดส่งออกเดิมของไทยน้อยที่สุด และเห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์ขออนุมัติเงิน คชก. จำนวน 90 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการต่อไป
2. การแทรกแซงตลาดข้าวเปลือกหอมมะลิปีการผลิต 2543/44 เพิ่มเติม
1) เห็นชอบในหลักการให้ อ.ต.ก. รับซื้อข้าวเปลือกหอมมะลิจากสหกรณ์ การเกษตร จำนวนประมาณ 120,000 ตัน ในราคาตันละ 6,450 บาท ระยะเวลารับซื้อตุลาคม -15 พฤศจิกายน 2544 แล้วนำมาแปรสภาพเป็นข้าวสารจำหน่ายภายในประเทศและต่างประเทศ
2) มอบหมายให้ อ.ต.ก. จัดทำโครงการ วิธีการดำเนินการและค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ เพื่อเสนอขออนุมัติจากคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) ต่อไป
3) สำหรับข้าวเปลือกหอมมะลิที่รับจำนำไว้ตามโครงการรับจำนำปี 2543/44 ซึ่งหลุดจำนำและให้ ธ.ก.ส. ส่งมอบให้ อคส. นำมาสีแปรสภาพเป็นข้าวสารจำหน่ายต่างประเทศ เห็นชอบให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นคณะหนึ่ง เพื่อพิจารณากำหนดอัตราสีแปรสภาพข้าวเปลือกหอมมะลิ ปริมาณ และราคาขั้นต่ำในการจำหน่าย ตลอดจนเงื่อนไขอื่น ๆ ในการจำหน่าย แล้วเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์พิจารณาให้ความเห็นชอบเสนอประธาน กนข. อนุมัติต่อไป
3. มาตรการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2544/45
1) เห็นชอบในหลักการมาตรการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2544/45 ประกอบด้วย
- ข้าวหอมมะลิ รับจำนำไม่จำกัดจำนวน ให้ อคส. อ.ต.ก. และ ธกส. รับจำนำจากเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรโดยตรง ระยะเวลารับจำนำ 15 พฤศจิกายน 2544 - กุมภาพันธ์ 2545 ระยะเวลาไถ่ถอน 3 เดือน นับถัดจากเดือนที่รับจำนำ
- ข้าวเปลือกเหนียว ให้ ธกส. รับจำนำ จากเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรที่มียุ้งฉางเป็นของตนเอง จำนวน 1.0 ล้านตัน ระยะเวลารับจำนำ 15 พย.44 - กพ.45 ระยะเวลาไถ่ถอน 3 เดือน นับถัดจากเดือนที่รับจำนำ
- ข้าวเปลือกเจ้านาปี ให้ อคส. อ.ต.ก. และ ธกส. รับจำนำจากเกษตรกรที่ไม่มียุ้งฉางเป็นของตนเอง จำนวน 3 ล้านตัน ระยะเวลารับจำนำ 15 พฤศจิกายน 2544 - กุมภาพันธ์ 2545 ระยะเวลาไถ่ถอน 3 เดือน นับถัดจากเดือนที่รับจำนำ2) เห็นชอบให้กำหนดราคารับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2544/45 ของข้าวทุกประเภทสูงกว่าปี 2543/44 ตันละ 50 บาท ยกเว้น ข้าวหอมมะลิ กำหนดราคารับจำนำระหว่างตันละ 6,495-7,200 บาท ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ตลาด ข้าวเปลือกเหนียว 10% เมล็ดยาว ตันละ 5,900 บาท และข้าวเปลือกเหนียวคละ ตันละ 5,650 บาท
ชนิดข้าว ปี 2543/44 (เดิม) ปี 2544/45
ข้าวเปลือกหอมมะลิ 6,495 6,495 - 7,200
ข้าวเปลือกเจ้า 100% 5,280 5,330
ข้าวเปลือกเจ้า 5% 5,185 5,235
ข้าวเปลือกเจ้า 10% 4,995 5,045
ข้าวเปลือกเจ้า 15% 4,900 4,950
ข้าวเปลือกเจ้า 25% 4,710 4,760
ข้าวเปลือกเหนียว10% เมล็ดยาว 5,890 5,900
ข้าวเปลือกเหนียวคละ 5,605 5,650
3) มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายละเอียดโครงการ วิธีการ และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการโครงการรับจำนำข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวเปลือกเหนียว และข้าวเจ้านาปี ปี 2544/45 เพื่อขออนุมัติ คชก. ต่อไป
4) มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวแต่ละชนิดให้แล้วเสร็จ แล้วนำเสนอภายใน 30 วัน เพื่อให้การรับจำนำข้าวเปลือกจากเกษตรกรสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพและประโยชน์ตกถึงมือเกษตรกรโดยตรง
5) ให้มีคณะกรรมการระดับจังหวัด/อำเภอ/ตำบล กำกับดูแลการดำเนินงานโครงการ โดยขอความร่วมมือให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกพรรคและสมาชิกวุฒิสภาในจังหวัด รวมทั้งหน่วยงานราชการอื่นที่เกี่ยวข้องได้แก่ ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย ผู้แทนกระทรวงกลาโหม และผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นกรรมการที่ปรึกษาและสังเกตการณ์ เพื่อช่วยกำกับดูแลการรับจำนำให้เป็นไปโดยเรียบร้อย โปร่งใสและให้ประโยชน์ตกถึงมือเกษตรกรโดยตรง
6) เห็นชอบในหลักการสำหรับมาตรการโครงการสนับสนุนตลาดข้าว เช่น โครงการเชื่อมโยงสินเชื่อเพื่อการผลิตและบริการตลาดข้าวของสหกรณ์ และโครงการเก็บรวบรวมข้าวเปลือกของกลุ่มเกษตรกร ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำโครงการ วิธีดำเนินงานและงบประมาณดำเนินการ เสนอ คชก. ทั้งนี้ งบประมาณดำเนินโครงการไม่เกินวงเงินที่เคยได้รับอนุมัติในปี 2543/44สำหรับข้าวปทุมธานี 1 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เสนอให้ที่ประชุมพิจารณาราคารับจำนำ ที่ประชุมเห็นว่าในปีที่ผ่านมาไม่มีการรับจำนำข้าวปทุมธานี 1 ทำให้ไม่มีราคาที่จะใช้เป็นบรรทัดฐานในการกำหนดราคารับจำนำของข้าวปทุมธานี 1 จึงให้พิจารณาสถานการณ์ตลาดก่อน
4. การปรับปรุงมาตรฐานสินค้าข้าวหอมมะลิไทย
เนื่องจากมีการนำข้าวอื่นมาปลอมปนในข้าวหอมมะลิ ส่งผลต่อระดับราคา จึงเห็นควรมีการแก้ไขปัญหาดังกล่าว คือ
1) เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการ ดังนี้
- กำหนดชั้นคุณภาพของข้าวหอมมะลิไทยเพียงชั้นเดียวเพื่อให้เกิดความชัดเจนว่า ถ้ามีเครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทยแล้วจะต้องมีมาตรฐานขั้นต่ำเหมือนกันหมด
- กำหนดมาตรการตรวจสอบและติดตามผลโดยการสุ่มตรวจเป็นระยะ ๆ เพื่อมิให้มีการใช้เครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทย สำหรับข้าวที่ต่ำกว่ามาตรฐาน
- มีบทลงโทษผู้ปลอมปนโดยเคร่งครัด อาทิ เพิกถอนใบอนุญาตส่งออก หรือถูกดำเนินคดีทางอาญา เป็นต้น
2) สำหรับข้าวชนิดอื่น ๆ นอกจากข้าวหอมมะลิ มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หารือร่วมกันในการกำหนดมาตรฐานข้าวให้เป็นมาตรฐานเดียวกันเพื่อสร้างความเข้าใจต่อผู้บริโภคภายในและต่างประเทศ
มันสำปะหลัง : นโยบายและมาตรการมันสำปะหลัง ปี 2544/45
ในคราวประชุมคณะกรรมการนโยบายและมาตรการมันสำปะหลัง เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2544 โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน ผลการประชุมสรุปว่า ใน ปี 2544/45 (ตุลาคม 2544-กันยายน 2545) จะมีผลผลิตมันสำปะหลังประมาณ 17.81 ล้านตันหัวมันสด ลดลงจาก 18.27 ล้านตันหัวมันสด ในปี 2543/44 หรือลดลงร้อยละ 2.52 เนื่องจากราคาไม่จูงใจเกษตรกรจึงหันไปปลูกพืชอื่นทดแทนทำให้มันที่เพาะปลูกลดลงจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 1.7 ขณะที่คาดว่าความต้องการใช้ภายในประเทศและส่งออกประมาณ 18.70 ล้านตันหัวมันสด ทำให้ผลผลิตน้อยกว่าความต้องการใช้ประมาณ 0.9 ล้านตันหัวมันสด ดังนั้น จึงคาดว่า ในปี 2544/45 น่าจะไม่เกิดปัญหาราคาหัวมันสำปะหลังตกต่ำอย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกษตรกรได้รับราคาที่เป็นธรรมและมีเสถียรภาพต่อเนื่องตลอดฤดูกาลผลิตนี้คณะกรรมการนโยบายและมาตรการมันสำปะหลัง จึงได้กำหนดนโยบายและมาตรการสำปะหลัง ปี 2544/45 ดังนี้
นโยบาย
ด้านราคา สร้างเสถียรภาพราคาให้มั่นคงตลอดปี ราคาไม่ขึ้นลงตามฤดูกาลตลอดจนสร้างกำไรให้ผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างทั่วถึงทั้งระบบ
ด้านการตลาด พยายามรักษาส่วนแบ่งตลาดเดิม เร่งหาตลาดใหม่และ
ดำเนินนโยบายในเชิงรุกเพื่อแก้ไขปัญหาราคา การกีดกันทางการค้า
ด้านการพัฒนาคุณภาพ ปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังให้สอดคล้อง
กับความต้องการของตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ
ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าเชิงพาณิชย์
มาตรการ
สนับสนุนและส่งเสริมการขยายตลาดในต่างประเทศ เช่น การร่วมงานนิทรรศการที่เกี่ยวข้อง การจัดสัมมนาเพื่อเผยแพร่ประโยชน์ของผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง การเชิญผู้ใช้/ผู้นำเข้ามาเยือนไทย เป็นต้น
โครงการเชื่อมโยงการซื้อขายระหว่างผู้ผลิตและผู้ใช้มันเส้นคุณภาพดี โดยสนับสนุนให้จัดตั้งศูนย์ประสานงานดำเนินการ
สนับสนุนการจัดตั้งศูนย์ตรวจสอบและรับรองคุณภาพมันเส้น/มันอัดเม็ด และแป้งมันเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด
สนับสนุนการผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าเชิงพาณิชย์ อาทิแอลกอฮอล์ ข้าวโพดวิทยาศาสตร์ และผลิตภัณฑ์ภาชนะที่ย่อยสลายได้ โดยความร่วมมือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โครงการจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่ลานมัน เพื่อพัฒนาคุณภาพมันเส้น/มันอัดเม็ด เช่นส่งเสริมให้ลานมันใช้เครื่องร่อนทำความสะอาดหัวมันเส้น เป็นต้น
จัดหาแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำจากสถาบันการเงิน เพื่อเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงเครื่องจักร
ดำเนินการประชาสัมพันธ์จุดเด่นของผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เช่น ปลอดสารพิษ ไม่มี GMO และอื่น ๆ ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ดำเนินการรักษาระดับราคาหัวมันสำปะหลังสดให้สูงกว่าต้นทุนการผลิตของเกษตรกรและไม่ทำให้เกิดผลบิดเบือนกลไกตลาด ทั้งนี้ อาจจะดำเนินโครงการแทรกแซงตลาดใน ปี 2544/45 โดยการรับซื้อ/รับจำนำหัวมันสำปะหลังสดหรือผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังในพื้นที่ ที่มีการปลูกมันสำปะหลังทั่วประเทศ หรือเฉพาะบางพื้นที่ ในราคา ปริมาณ และช่วงเวลาที่สอดคล้องกับสภาวะการผลิตและการตลาดในแต่ละพื้นที่ ตลอดจนให้มีการระบายสต็อกในราคา ปริมาณ และช่วงเวลาที่จะช่วยพยุงราคาหัวมันสำปะหลังสดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
กวดขันให้มีการใช้เครื่องวัดเชื้อแป้งในการซื้อขายหัวมันสำปะหลังสด
--ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร ฉบับที่ 38 ประจำวันที่ 7-13 ต.ค. 2544--
-สส-