นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา รองผู้ว่าการเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่ง ประเทศ ไทย (ธปท.) แถลงว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินได้ประชุมกันในวันนี้ เพื่อพิจารณาสถานการณ์ทางเศรษฐกิจทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เพื่อกำหนดแนวนโยบายการเงิน ที่จะดำเนินการในระยะต่อไป
คณะกรรมการฯ ประเมินว่า ในปัจจุบันฐานะการเงินด้านต่างประเทศของไทย มีความมั่นคงมากขึ้นในระดับที่น่าพอใจ โดยค่าเงินบาทมีเสถียรภาพและทุนสำรองทางการอยู่ในระดับสูง เพียงพอที่จะสร้างความมั่นใจแก่นักธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่การขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะต่อไปยังมีแนวโน้มที่ชะลอตัวอยู่
ข้อมูลด้านต่างประเทศล่าสุด สะท้อนให้เห็นถึงเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความไม่แน่นอน และอาจมีแนวโน้มชะลอตัวลงอีก ทั้งการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา และเศรษฐกิจญี่ปุ่น รวมทั้งเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย อาจจะกระทบต่อการส่งออกและการฟื้นตัวของ เศรษฐกิจไทยอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ แนวโน้มที่ลดลงของอัตราเงินเฟ้อทำให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงในปัจจุบันสูงขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ
คณะกรรมการฯ พิจารณาแล้วเห็นว่า แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 1.5-2.5 ต่อปี ในปี 2545 และฐานะทางด้านต่างประเทศที่ได้ปรับตัวดีขึ้น ทำให้สามารถผ่อนคลายนโยบายการเงินได้มากขึ้น เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ คณะกรรมการฯ จึงมีมติให้ ลดอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืน 14 วันลงร้อยละ 0.25 จากปัจจุบันที่ร้อยละ 2.5 ต่อปีเป็นร้อยละ 2.25 ต่อปี
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
คณะกรรมการฯ ประเมินว่า ในปัจจุบันฐานะการเงินด้านต่างประเทศของไทย มีความมั่นคงมากขึ้นในระดับที่น่าพอใจ โดยค่าเงินบาทมีเสถียรภาพและทุนสำรองทางการอยู่ในระดับสูง เพียงพอที่จะสร้างความมั่นใจแก่นักธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่การขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะต่อไปยังมีแนวโน้มที่ชะลอตัวอยู่
ข้อมูลด้านต่างประเทศล่าสุด สะท้อนให้เห็นถึงเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความไม่แน่นอน และอาจมีแนวโน้มชะลอตัวลงอีก ทั้งการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา และเศรษฐกิจญี่ปุ่น รวมทั้งเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย อาจจะกระทบต่อการส่งออกและการฟื้นตัวของ เศรษฐกิจไทยอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ แนวโน้มที่ลดลงของอัตราเงินเฟ้อทำให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงในปัจจุบันสูงขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ
คณะกรรมการฯ พิจารณาแล้วเห็นว่า แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 1.5-2.5 ต่อปี ในปี 2545 และฐานะทางด้านต่างประเทศที่ได้ปรับตัวดีขึ้น ทำให้สามารถผ่อนคลายนโยบายการเงินได้มากขึ้น เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ คณะกรรมการฯ จึงมีมติให้ ลดอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืน 14 วันลงร้อยละ 0.25 จากปัจจุบันที่ร้อยละ 2.5 ต่อปีเป็นร้อยละ 2.25 ต่อปี
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-