กรุงเทพฯ--5 ต.ค.--พรรคประชาธิปัตย์
นายบัญญัติ บรรทัดฐาน รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ป.ป.ช. จะทำการตรวจสอบการถือหุ้นของตน ว่า ได้ชี้แจงให้สมาชิกในที่ประชุมพรรคทราบแล้ว เพราะบางคนอาจจะไม่ทราบข้อเท็จจริง โดยละเอียดก็อาจมีความกังวล โดยตนได้เล่าให้ฟังอย่างละเอียดว่า ไปเข้าชื่อจองหุ้นเมื่อใด ชำระไปแล้ว แต่ไม่ได้รับใบหุ้นไม่ได้รับการติดต่อก็เลยลืมไป และจริง ๆ ก็ไม่ใช่ 1 ล้านบาทแต่ 5 แสนบาทเท่านั้น ทั้งนี้สมาชิกไม่ได้กังวลอะไรทุกคนเข้าใจ นายบัญญัติ กล่าวว่าตนไม่ห่วงว่าจะเป็นประเด็นที่ถูกนำมาโจมตี ตนคิดว่าคำแถลงของป.ป.ช. ก็เป็นเพียงเรื่องรับตรวจสอบทั่วไปเท่านั้น ไม่มีการตั้งคณะอนุกรรมการอะไรขึ้นมาเป็นพิเศษ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่น่าเป็นปัญหามากนัก ถ้าป.ป.ช. ต้องการให้ตนไปชี้แจงเมื่อใดก็พร้อม ทั้งนี้มีการกล่าวหาว่าตนจงใจจะปกปิดหุ้นนี้เอาไว้ ตนได้ทำหนังสือชี้แจงป.ป.ช. ว่าไม่ใช่เป็นเรื่องขอการจงใจที่จะปกปิดหรือแสดงข้อความอันเป็นเท็จ แต่เป็นเพราะจำไม่ได้ว่ายังเป็นเจ้าของหุ้นอยู่หรือ เนื่องจากไม่ได้ติดต่อมาเป็นเวลา 4-5 ปีแล้ว เมื่อถามว่าเป็นเพราะ ป.ป.ช. อยู่ในระหว่างการตรวจสอบทรัพย์สิน จึงยังมีความสบายใจอยู่ นายบัญญัติ กล่าวว่า ทรัพย์สินของตนที่ยื่นไปเข้าใจว่า ป.ป.ช. ยังไม่ได้ตรวจสอบด้วยซ้ำไป เพราะคงมีจำนวนมากที่ ป.ป.ช. จะต้องตรวจสอบที่คงทยอยตรวจสอบไป เข้าใจว่า ป.ป.ช. ก็คงจะรับเอาส่วนที่ตนยื่นเพิ่มเข้าไปใหม่ ไปพิจารณาด้วย นอกเหนือจากที่ได้ชี้แจงไปแล้วเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา
นายบัญญัติ กล่าวต่อว่า อย่างไงก็ตามตนสบายใจอยู่แล้ว เพราะไม่ใช่เรื่องของการจงใจหรือปกปิดข้อความอันเป็นเท็จ อย่างที่เคยชี้แจงไปแล้วว่าจะหลีกเลี่ยงการเสียภาษีไม่ใช่ การที่ตนจะมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นสัก 5 แสนบาทก็ไม่ได้ทำให้ตนร่ำรวยผิดปกติ เพราะฉะนั้นผลที่จะเกิดกับตนก็ไม่มีอะไรเลย แต่เข้าใจว่าเมื่อเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์หลายวัน ในฐานะที่ป.ป.ช. มีหน้าที่ตรวจสอบก็ต้องดำเนินการ ทั้งนี้ตนไม่ได้ปรึกษากฎหมายนักกฎหมาย เพราะมั่นใจว่ากฎหมายก็คือสามัญสำนึก ถ้าเราไม่มีเจตนาทุจริต ก็ต้องตรงไปตรงมาน่าที่จะเป็นเรื่องที่ถูกต้องจำไม่ได้คือจำไม่ได้ ไม่ได้ไปปกปิดอะไรก็เท่านั้นเอง
เมื่อถามว่า คิดว่าป.ป.ช.จะฟังเรื่องเจตนาหรือไม่ นายบัญญัติ กล่าวว่า คิดว่าป.ป.ช. จะรับฟังเพราะอย่างน้อยจำนวนเงินก็ไม่ได้มีผลกับตนมากมาย หรือจะเรียกว่าทำให้ตนร่ำรวยขึ้น แล้วตนไม่กล้าแสดงบัญชีทรัพย์สิน จนต้องปกปิด เอาไว้ นอกจากนี้ในที่ประชุม มีสมาชิกต่างพากันแสดงความคิดเห็นว่าเรื่องนี้ไม่น่ากังวลแต่อย่างใดและทุกคนไม่ได้สงสัยอะไร--จบ--
-วว-
นายบัญญัติ บรรทัดฐาน รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ป.ป.ช. จะทำการตรวจสอบการถือหุ้นของตน ว่า ได้ชี้แจงให้สมาชิกในที่ประชุมพรรคทราบแล้ว เพราะบางคนอาจจะไม่ทราบข้อเท็จจริง โดยละเอียดก็อาจมีความกังวล โดยตนได้เล่าให้ฟังอย่างละเอียดว่า ไปเข้าชื่อจองหุ้นเมื่อใด ชำระไปแล้ว แต่ไม่ได้รับใบหุ้นไม่ได้รับการติดต่อก็เลยลืมไป และจริง ๆ ก็ไม่ใช่ 1 ล้านบาทแต่ 5 แสนบาทเท่านั้น ทั้งนี้สมาชิกไม่ได้กังวลอะไรทุกคนเข้าใจ นายบัญญัติ กล่าวว่าตนไม่ห่วงว่าจะเป็นประเด็นที่ถูกนำมาโจมตี ตนคิดว่าคำแถลงของป.ป.ช. ก็เป็นเพียงเรื่องรับตรวจสอบทั่วไปเท่านั้น ไม่มีการตั้งคณะอนุกรรมการอะไรขึ้นมาเป็นพิเศษ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่น่าเป็นปัญหามากนัก ถ้าป.ป.ช. ต้องการให้ตนไปชี้แจงเมื่อใดก็พร้อม ทั้งนี้มีการกล่าวหาว่าตนจงใจจะปกปิดหุ้นนี้เอาไว้ ตนได้ทำหนังสือชี้แจงป.ป.ช. ว่าไม่ใช่เป็นเรื่องขอการจงใจที่จะปกปิดหรือแสดงข้อความอันเป็นเท็จ แต่เป็นเพราะจำไม่ได้ว่ายังเป็นเจ้าของหุ้นอยู่หรือ เนื่องจากไม่ได้ติดต่อมาเป็นเวลา 4-5 ปีแล้ว เมื่อถามว่าเป็นเพราะ ป.ป.ช. อยู่ในระหว่างการตรวจสอบทรัพย์สิน จึงยังมีความสบายใจอยู่ นายบัญญัติ กล่าวว่า ทรัพย์สินของตนที่ยื่นไปเข้าใจว่า ป.ป.ช. ยังไม่ได้ตรวจสอบด้วยซ้ำไป เพราะคงมีจำนวนมากที่ ป.ป.ช. จะต้องตรวจสอบที่คงทยอยตรวจสอบไป เข้าใจว่า ป.ป.ช. ก็คงจะรับเอาส่วนที่ตนยื่นเพิ่มเข้าไปใหม่ ไปพิจารณาด้วย นอกเหนือจากที่ได้ชี้แจงไปแล้วเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา
นายบัญญัติ กล่าวต่อว่า อย่างไงก็ตามตนสบายใจอยู่แล้ว เพราะไม่ใช่เรื่องของการจงใจหรือปกปิดข้อความอันเป็นเท็จ อย่างที่เคยชี้แจงไปแล้วว่าจะหลีกเลี่ยงการเสียภาษีไม่ใช่ การที่ตนจะมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นสัก 5 แสนบาทก็ไม่ได้ทำให้ตนร่ำรวยผิดปกติ เพราะฉะนั้นผลที่จะเกิดกับตนก็ไม่มีอะไรเลย แต่เข้าใจว่าเมื่อเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์หลายวัน ในฐานะที่ป.ป.ช. มีหน้าที่ตรวจสอบก็ต้องดำเนินการ ทั้งนี้ตนไม่ได้ปรึกษากฎหมายนักกฎหมาย เพราะมั่นใจว่ากฎหมายก็คือสามัญสำนึก ถ้าเราไม่มีเจตนาทุจริต ก็ต้องตรงไปตรงมาน่าที่จะเป็นเรื่องที่ถูกต้องจำไม่ได้คือจำไม่ได้ ไม่ได้ไปปกปิดอะไรก็เท่านั้นเอง
เมื่อถามว่า คิดว่าป.ป.ช.จะฟังเรื่องเจตนาหรือไม่ นายบัญญัติ กล่าวว่า คิดว่าป.ป.ช. จะรับฟังเพราะอย่างน้อยจำนวนเงินก็ไม่ได้มีผลกับตนมากมาย หรือจะเรียกว่าทำให้ตนร่ำรวยขึ้น แล้วตนไม่กล้าแสดงบัญชีทรัพย์สิน จนต้องปกปิด เอาไว้ นอกจากนี้ในที่ประชุม มีสมาชิกต่างพากันแสดงความคิดเห็นว่าเรื่องนี้ไม่น่ากังวลแต่อย่างใดและทุกคนไม่ได้สงสัยอะไร--จบ--
-วว-