กรุงเทพฯ--9 ต.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2544 ดร. สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวกรณีสหรัฐอเมริกาใช้กำลังทหารปฏิบัติการในอัฟกานิสถานว่า ได้รับแจ้งจากทางการสหรัฐฯ ตอนดึกของคืนวันที่ 7 ตุลาคม 2544 ว่าจะมีการดำเนินการในการ ป้องกันปราบปรามการก่อการร้าย และได้ย้ำว่าการดำเนินการนี้ไม่ได้เกี่ยวกับศาสนาใด ไม่เกี่ยวกับศาสนาอิสลาม ไม่เกี่ยวกับเชื้อชาติหรือประเทศ ซึ่งเป็นจุดยืนที่สหรัฐฯ ได้พูดมาตลอด และเป็นจุดยืนของประเทศไทยมาโดยตลอด ฝ่ายสหรัฐฯ ได้แจ้งด้วยว่าจะดำเนินการทางมนุษยธรรมควบคู่กันไป คือจะให้ความช่วยเหลือแก่ผู้อพยพผู้ลี้ภัยชาวอัฟกานิสถานอย่างเต็มที่ และได้เริ่มดำเนินการ ด้านมนุษยธรรมนี้ไปแล้วโดยพร้อมเพรียงกัน และในการดำเนินการต่อผู้ก่อการร้ายนั้น สหรัฐฯ จะพยายามระมัดระวังอย่างที่สุดที่จะหลีกเลี่ยงมิให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตหรือทรัพย์สินของ ประชาชนทั่วไปในอัฟกานิสถาน จะไม่ให้กระทบกับพลเมืองผู้บริสุทธิ์ทั้งหลาย ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ทางฝ่ายสหรัฐฯ ได้แจ้งให้ทราบ
- ในขณะนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ศูนย์ติดตามสถานการณ์ที่กระทรวงฯ ได้เปิดตลอดเดือนที่ผ่านมาก็ได้ทำงานหนักมากขึ้น มีการประชุมประสานงานกันตลอดคืน และจะต้องตรวจสอบและประเมินสถานการณ์นอกเหนือไปจากที่ CNN รายงานด้วย และวันนี้ทั้งวันก็คงจะมีการหารือกันในกลุ่มประเทศอาเซียน จะต้องมีการติดตามความเคลื่อนไหวต่างๆ เพิ่มขึ้น
- ในเรื่องของคนไทยนั้น ขอเรียนว่าไม่มีคนไทยในอัฟกานิสถาน ส่วนคนไทยในปากีสถาน หรือแรงงานไทยในประเทศอื่น ได้มีการเตรียมการขั้นตอนต่างๆ ตามสถานการณ์ที่จะพัฒนาไป มาโดยตลอดในช่วงเกือบเดือนที่ผ่านมา ดังนั้น เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายได้ทราบขั้นตอนต่างๆ เหล่านั้นอยู่แล้ว วันนี้ ก็คงจะต้องเร่งติดต่อเพื่อติดตามดูและประเมินสถานการณ์ในแต่ละประเทศอีกครั้งหนึ่ง ได้สั่งการให้สถานทูตในประเทศที่อาจจะมีความอ่อนไหว เช่น อิสราเอล ต่อการที่จะมีการตอบโต้กัน ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แต่ว่ามิใช่เป็นความตื่นตระหนก ถ้ามีเหตุที่แจ้งชัดว่าจะมีอันตราย โดยการประสานงานกับทุกประเทศในโลก เราก็จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป แต่ว่า ขณะนี้ยังคงเป็นการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และนี่เป็นสิ่งที่ได้เตรียมการกันอยู่
- ในบ่ายวันนี้ พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจะประชุมในเรื่องภายในเกี่ยวกับเรื่องการเตรียมการป้องกันต่าง ๆ ซึ่งก็เป็นปกติที่ด้านฝ่ายความมั่นคงจะต้องมีการเตรียมการ
- เมื่อวานที่ นาย Richard Hecklinger เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ มาพบ ท่านไม่ได้บอกชัดเจนว่าจะดำเนินต่ออัฟกานิสถาน แต่เป็นการพูดถึงข้อมูลหลักฐานของสหรัฐฯ เกี่ยวกับกลุ่มผู้ก่อการร้าย ซึ่งเป็นความร่วมมือปกติที่ได้ตกลงกันไว้ว่าจะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านข่าวกรองระหว่างกัน หากมีข้อมูลเพิ่มเติมอะไรเขาก็มาแจ้งให้ทราบ มีทั้งเอกสารที่ให้ได้ และเอกสารที่ให้อ่าน และขอคืน และมีหลายเรื่องที่สหรัฐฯ ยังขอสงวนที่มาของข่าวอยู่ นั่นก็เป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกันตามปกติ แต่เราได้รับแจ้งจากฝ่ายสหรัฐฯ ตอนดึกก่อนที่จะมีการดำเนินการ แต่เขาก็ได้ยืนยันว่า เป็นการดำเนินการกับผู้ก่อการร้าย ย้ำว่าจะดำเนินการด้านมนุษยธรรมควบคู่กันไปทันที เพื่อช่วยเหลือผู้ลี้ภัย/ผู้อพยพชาวอัฟกานิสถาน และย้ำว่าจะพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้กระทบกับประชาชนที่บริสุทธิ์ชาวอาฟกานิสถานให้มากที่สุด ที่สำคัญคือย้ำว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับศาสนา ไม่เกี่ยวกับเชื้อชาติหรือประเทศใด
- สิ่งที่จะดำเนินการต่อไปก็คือ การติดตามสถานการณ์ จุดยืนของไทยก็คืออยู่ภายใต้กรอบของสหประชาชาติในการดำเนินการป้องกันปราบปรามการก่อการร้าย
- กรณีท่าทีของอาเซียน สถานทูตของไทยที่ตั้งอยู่ใน 9 ประเทศสมาชิก โดปกติจะมีการแลก เปลี่ยน/ประสานข้อมูลกันอยู่ตลอดว่าอาเซียนจะมีความคิด/ท่าทีอย่างไร และเมื่อเกิดเหตุการณ์ใดขึ้น ขั้นตอนก็คือการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน แต่ยังไม่ใช่ระดับรัฐมนตรี จะเป็นระดับเจ้าหน้าที่
- ต่อคำถามของผู้สื่อข่าวที่ว่าการที่บิน ลาดิน ออกมายอมรับว่าการก่อวินาศกรรมเป็นผลงานของเขา จะทำให้จุดยืนของอาเซียนเปลี่ยนไปหรือไม่นั้น ดร.สุรเกียรติ์ฯ กล่าวว่า จุดยืนของอาเซียนคือการร่วมมือในการป้องกันปราบปรามการก่อการร้าย เพราะฉะนั้น ถ้าใครเป็นกลุ่มผู้ก่อการร้าย เราก็ร่วมมือกับทุกๆ ประเทศภายใต้กรอบของสหประชาชาติ คือถ้ามีหลักฐานที่ชัดเจน หรือผู้กระทำยอมรับ ทั้งโลกก็ต้องช่วยกันป้องกันปราบปราม เพราะการก่อการร้ายมิได้เป็นภัยกับสหรัฐฯ หรือใคร แต่เป็นภัยกับทุกๆ คน เป็นการคุกคามต่อสันติภาพของโลก ทุกคนอยู่กันด้วยความหวาดกลัว ไม่ทราบว่าอะไรจะเกิดขึ้นที่ไหน หรือเกิดขึ้นกับใคร แม้แต่เหตุการณ์ในนิวยอร์ก ซึ่งเราอยู่ห่างไกล ก็ยังมีคนไทยที่คาดว่าเสียชีวิต ทรัพย์สินเสียหาย เสียขวัญกำลังใจ เพราะฉะนั้น เรื่องนี้เป็นสิ่งที่คุกคามต่อสันติภาพของโลก และมีผลกระทบต่อทุกๆ คน ดังนั้น ทั้งโลกจึงได้เห็นพ้องกันว่าจะต้องร่วมมือกันป้องกันปราบปรามการก่อการร้าย และไม่ว่ากลุ่มก่อการร้ายจะเป็นใคร สัญชาติใด อยู่ในประเทศใด ทุกประเทศต้องร่วมกัน ต่อให้เป็นคนสัญชาติอเมริกันอยู่ในอเมริกา ก็ต้องร่วมกันป้องกันปราบปราม
- ถ้ามีข้อมูลอะไรเพิ่มเติม โฆษกกระทรวงการต่างประเทศคงจะค่อยๆ เรียนให้ทราบต่อไป
- ในการประชุมวันนี้ หากจะมีการพูดคุยกันเรื่องนี้ ก็คงจะเป็นการพูดคุยกันอย่างไม่เป็นทาง การ เพราะหัวข้อการประชุมเป็นเรื่องการพัฒนาของประเทศในลุ่มแม่น้ำโขง แต่เมื่อมีผู้แทนระดับ รัฐมนตรีเศรษฐกิจมาร่วม นอกรอบก็คงจะมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเรื่องผลด้านเศรษฐกิจ ซึ่งก็ดี เพราะจะได้มีโอกาสฟังความเห็นของรัฐมนตรีประเทศต่างๆ และมีระดับรัฐมนตรีของจีนมาด้วย ซึ่งเป็นประเทศใหญ่ ก็จะเป็นโอกาสที่ดี
- สำหรับหลักฐานข้อมูลที่เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ นำมาแสดงให้ดูเมื่อวาน ก็อย่างที่ได้เรียนให้ทราบแล้วว่าเป็น circumstantial แต่ว่ามีมาก และ substantial เราก็รับทราบ อย่างน้อยเขาก็แสดงให้เห็นว่า 1. เขาแลกเปลี่ยนข้อมูล/หารือกับเรา 2. เขาได้พยายามในการสืบสวนสอบสวน ไม่ใช่เฉพาะกรณี 11 ก.ย. เท่านั้น แต่เป็นการสอบสวนที่เกี่ยวเนื่องกันใน 3-4 สถานการณ์ ที่เกิดขึ้น ซึ่งพวกเราจะไม่ค่อยจะได้ติดตามกัน แต่ว่าในสหประชาชาตินั้น ได้มีการแสดงหลักฐานกันมาในหลายสถานการณ์แล้ว ในช่วงเกือบ 3 ปี ที่ผ่านมาว่ามีความเกี่ยวพัน/โยงใยกันอย่างไร และเอกสารก็ค่อนข้างมาก
- กรณีเอกสารหลักฐานที่สหรัฐฯ นำมาแสดงนั้น เขามิได้มาขอให้ไทยยอมรับหรือไม่ยอมรับ เราเพียงแต่รับทราบว่าฝ่ายเขาได้ทำอะไรเท่านั้น เรื่องผู้ก่อการร้ายไม่มีการเป็นกลาง เรื่องนี้ทุกประเทศในโลกเห็นตรงกัน เราผูกพันกันตามมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ คณะรัฐมนตรีก็ต้องให้ความเห็นชอบตามนั้นเพราะไทยเป็นสมาชิกสหประชาชาติ เพราะฉะนั้น เรื่องการ ก่อการร้ายนั้น ชัดเจนว่าทุกประเทศมีจุดยืนร่วมกัน
- สหรัฐฯ ยังมิได้ขอความร่วมมืออะไรเป็นพิเศษ นอกจากความร่วมมือเช่นเดิมที่ได้ปฏิบัติกัน มาโดยตลอด เป็นเรื่องของการรักษาความปลอดภัย เรื่องข้อมูล เรื่องข่าวกรอง สำหรับการประชุมบ่ายนี้ คงมีผู้แทนกระทรวงฯ ระดับปลัด หรือรองปลัดไปร่วม
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-
เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2544 ดร. สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวกรณีสหรัฐอเมริกาใช้กำลังทหารปฏิบัติการในอัฟกานิสถานว่า ได้รับแจ้งจากทางการสหรัฐฯ ตอนดึกของคืนวันที่ 7 ตุลาคม 2544 ว่าจะมีการดำเนินการในการ ป้องกันปราบปรามการก่อการร้าย และได้ย้ำว่าการดำเนินการนี้ไม่ได้เกี่ยวกับศาสนาใด ไม่เกี่ยวกับศาสนาอิสลาม ไม่เกี่ยวกับเชื้อชาติหรือประเทศ ซึ่งเป็นจุดยืนที่สหรัฐฯ ได้พูดมาตลอด และเป็นจุดยืนของประเทศไทยมาโดยตลอด ฝ่ายสหรัฐฯ ได้แจ้งด้วยว่าจะดำเนินการทางมนุษยธรรมควบคู่กันไป คือจะให้ความช่วยเหลือแก่ผู้อพยพผู้ลี้ภัยชาวอัฟกานิสถานอย่างเต็มที่ และได้เริ่มดำเนินการ ด้านมนุษยธรรมนี้ไปแล้วโดยพร้อมเพรียงกัน และในการดำเนินการต่อผู้ก่อการร้ายนั้น สหรัฐฯ จะพยายามระมัดระวังอย่างที่สุดที่จะหลีกเลี่ยงมิให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตหรือทรัพย์สินของ ประชาชนทั่วไปในอัฟกานิสถาน จะไม่ให้กระทบกับพลเมืองผู้บริสุทธิ์ทั้งหลาย ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ทางฝ่ายสหรัฐฯ ได้แจ้งให้ทราบ
- ในขณะนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ศูนย์ติดตามสถานการณ์ที่กระทรวงฯ ได้เปิดตลอดเดือนที่ผ่านมาก็ได้ทำงานหนักมากขึ้น มีการประชุมประสานงานกันตลอดคืน และจะต้องตรวจสอบและประเมินสถานการณ์นอกเหนือไปจากที่ CNN รายงานด้วย และวันนี้ทั้งวันก็คงจะมีการหารือกันในกลุ่มประเทศอาเซียน จะต้องมีการติดตามความเคลื่อนไหวต่างๆ เพิ่มขึ้น
- ในเรื่องของคนไทยนั้น ขอเรียนว่าไม่มีคนไทยในอัฟกานิสถาน ส่วนคนไทยในปากีสถาน หรือแรงงานไทยในประเทศอื่น ได้มีการเตรียมการขั้นตอนต่างๆ ตามสถานการณ์ที่จะพัฒนาไป มาโดยตลอดในช่วงเกือบเดือนที่ผ่านมา ดังนั้น เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายได้ทราบขั้นตอนต่างๆ เหล่านั้นอยู่แล้ว วันนี้ ก็คงจะต้องเร่งติดต่อเพื่อติดตามดูและประเมินสถานการณ์ในแต่ละประเทศอีกครั้งหนึ่ง ได้สั่งการให้สถานทูตในประเทศที่อาจจะมีความอ่อนไหว เช่น อิสราเอล ต่อการที่จะมีการตอบโต้กัน ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แต่ว่ามิใช่เป็นความตื่นตระหนก ถ้ามีเหตุที่แจ้งชัดว่าจะมีอันตราย โดยการประสานงานกับทุกประเทศในโลก เราก็จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป แต่ว่า ขณะนี้ยังคงเป็นการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และนี่เป็นสิ่งที่ได้เตรียมการกันอยู่
- ในบ่ายวันนี้ พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจะประชุมในเรื่องภายในเกี่ยวกับเรื่องการเตรียมการป้องกันต่าง ๆ ซึ่งก็เป็นปกติที่ด้านฝ่ายความมั่นคงจะต้องมีการเตรียมการ
- เมื่อวานที่ นาย Richard Hecklinger เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ มาพบ ท่านไม่ได้บอกชัดเจนว่าจะดำเนินต่ออัฟกานิสถาน แต่เป็นการพูดถึงข้อมูลหลักฐานของสหรัฐฯ เกี่ยวกับกลุ่มผู้ก่อการร้าย ซึ่งเป็นความร่วมมือปกติที่ได้ตกลงกันไว้ว่าจะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านข่าวกรองระหว่างกัน หากมีข้อมูลเพิ่มเติมอะไรเขาก็มาแจ้งให้ทราบ มีทั้งเอกสารที่ให้ได้ และเอกสารที่ให้อ่าน และขอคืน และมีหลายเรื่องที่สหรัฐฯ ยังขอสงวนที่มาของข่าวอยู่ นั่นก็เป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกันตามปกติ แต่เราได้รับแจ้งจากฝ่ายสหรัฐฯ ตอนดึกก่อนที่จะมีการดำเนินการ แต่เขาก็ได้ยืนยันว่า เป็นการดำเนินการกับผู้ก่อการร้าย ย้ำว่าจะดำเนินการด้านมนุษยธรรมควบคู่กันไปทันที เพื่อช่วยเหลือผู้ลี้ภัย/ผู้อพยพชาวอัฟกานิสถาน และย้ำว่าจะพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้กระทบกับประชาชนที่บริสุทธิ์ชาวอาฟกานิสถานให้มากที่สุด ที่สำคัญคือย้ำว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับศาสนา ไม่เกี่ยวกับเชื้อชาติหรือประเทศใด
- สิ่งที่จะดำเนินการต่อไปก็คือ การติดตามสถานการณ์ จุดยืนของไทยก็คืออยู่ภายใต้กรอบของสหประชาชาติในการดำเนินการป้องกันปราบปรามการก่อการร้าย
- กรณีท่าทีของอาเซียน สถานทูตของไทยที่ตั้งอยู่ใน 9 ประเทศสมาชิก โดปกติจะมีการแลก เปลี่ยน/ประสานข้อมูลกันอยู่ตลอดว่าอาเซียนจะมีความคิด/ท่าทีอย่างไร และเมื่อเกิดเหตุการณ์ใดขึ้น ขั้นตอนก็คือการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน แต่ยังไม่ใช่ระดับรัฐมนตรี จะเป็นระดับเจ้าหน้าที่
- ต่อคำถามของผู้สื่อข่าวที่ว่าการที่บิน ลาดิน ออกมายอมรับว่าการก่อวินาศกรรมเป็นผลงานของเขา จะทำให้จุดยืนของอาเซียนเปลี่ยนไปหรือไม่นั้น ดร.สุรเกียรติ์ฯ กล่าวว่า จุดยืนของอาเซียนคือการร่วมมือในการป้องกันปราบปรามการก่อการร้าย เพราะฉะนั้น ถ้าใครเป็นกลุ่มผู้ก่อการร้าย เราก็ร่วมมือกับทุกๆ ประเทศภายใต้กรอบของสหประชาชาติ คือถ้ามีหลักฐานที่ชัดเจน หรือผู้กระทำยอมรับ ทั้งโลกก็ต้องช่วยกันป้องกันปราบปราม เพราะการก่อการร้ายมิได้เป็นภัยกับสหรัฐฯ หรือใคร แต่เป็นภัยกับทุกๆ คน เป็นการคุกคามต่อสันติภาพของโลก ทุกคนอยู่กันด้วยความหวาดกลัว ไม่ทราบว่าอะไรจะเกิดขึ้นที่ไหน หรือเกิดขึ้นกับใคร แม้แต่เหตุการณ์ในนิวยอร์ก ซึ่งเราอยู่ห่างไกล ก็ยังมีคนไทยที่คาดว่าเสียชีวิต ทรัพย์สินเสียหาย เสียขวัญกำลังใจ เพราะฉะนั้น เรื่องนี้เป็นสิ่งที่คุกคามต่อสันติภาพของโลก และมีผลกระทบต่อทุกๆ คน ดังนั้น ทั้งโลกจึงได้เห็นพ้องกันว่าจะต้องร่วมมือกันป้องกันปราบปรามการก่อการร้าย และไม่ว่ากลุ่มก่อการร้ายจะเป็นใคร สัญชาติใด อยู่ในประเทศใด ทุกประเทศต้องร่วมกัน ต่อให้เป็นคนสัญชาติอเมริกันอยู่ในอเมริกา ก็ต้องร่วมกันป้องกันปราบปราม
- ถ้ามีข้อมูลอะไรเพิ่มเติม โฆษกกระทรวงการต่างประเทศคงจะค่อยๆ เรียนให้ทราบต่อไป
- ในการประชุมวันนี้ หากจะมีการพูดคุยกันเรื่องนี้ ก็คงจะเป็นการพูดคุยกันอย่างไม่เป็นทาง การ เพราะหัวข้อการประชุมเป็นเรื่องการพัฒนาของประเทศในลุ่มแม่น้ำโขง แต่เมื่อมีผู้แทนระดับ รัฐมนตรีเศรษฐกิจมาร่วม นอกรอบก็คงจะมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเรื่องผลด้านเศรษฐกิจ ซึ่งก็ดี เพราะจะได้มีโอกาสฟังความเห็นของรัฐมนตรีประเทศต่างๆ และมีระดับรัฐมนตรีของจีนมาด้วย ซึ่งเป็นประเทศใหญ่ ก็จะเป็นโอกาสที่ดี
- สำหรับหลักฐานข้อมูลที่เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ นำมาแสดงให้ดูเมื่อวาน ก็อย่างที่ได้เรียนให้ทราบแล้วว่าเป็น circumstantial แต่ว่ามีมาก และ substantial เราก็รับทราบ อย่างน้อยเขาก็แสดงให้เห็นว่า 1. เขาแลกเปลี่ยนข้อมูล/หารือกับเรา 2. เขาได้พยายามในการสืบสวนสอบสวน ไม่ใช่เฉพาะกรณี 11 ก.ย. เท่านั้น แต่เป็นการสอบสวนที่เกี่ยวเนื่องกันใน 3-4 สถานการณ์ ที่เกิดขึ้น ซึ่งพวกเราจะไม่ค่อยจะได้ติดตามกัน แต่ว่าในสหประชาชาตินั้น ได้มีการแสดงหลักฐานกันมาในหลายสถานการณ์แล้ว ในช่วงเกือบ 3 ปี ที่ผ่านมาว่ามีความเกี่ยวพัน/โยงใยกันอย่างไร และเอกสารก็ค่อนข้างมาก
- กรณีเอกสารหลักฐานที่สหรัฐฯ นำมาแสดงนั้น เขามิได้มาขอให้ไทยยอมรับหรือไม่ยอมรับ เราเพียงแต่รับทราบว่าฝ่ายเขาได้ทำอะไรเท่านั้น เรื่องผู้ก่อการร้ายไม่มีการเป็นกลาง เรื่องนี้ทุกประเทศในโลกเห็นตรงกัน เราผูกพันกันตามมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ คณะรัฐมนตรีก็ต้องให้ความเห็นชอบตามนั้นเพราะไทยเป็นสมาชิกสหประชาชาติ เพราะฉะนั้น เรื่องการ ก่อการร้ายนั้น ชัดเจนว่าทุกประเทศมีจุดยืนร่วมกัน
- สหรัฐฯ ยังมิได้ขอความร่วมมืออะไรเป็นพิเศษ นอกจากความร่วมมือเช่นเดิมที่ได้ปฏิบัติกัน มาโดยตลอด เป็นเรื่องของการรักษาความปลอดภัย เรื่องข้อมูล เรื่องข่าวกรอง สำหรับการประชุมบ่ายนี้ คงมีผู้แทนกระทรวงฯ ระดับปลัด หรือรองปลัดไปร่วม
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-