22/11/44 นายอดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการเดินทางไปตรวจสอบการรับจำนำข้าวที่ โรงสีเทพมงคล อ.บางซ้าย จ.อยุธยา ซึ่งเป็นโรงสีที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีฤดูกาลผลิต 2544/45 ว่า ขณะนี้ได้มีโรงสีให้ความร่วมมือมากพอสมควร และโรงสีส่วนใหญ่ก็สนใจเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวกับรัฐบาล แต่ที่ผ่านมาการดำเนินการเซ็นสัญญาเข้าร่วมโครงการอาจล่าช้าบ้าง แต่ก็จะมีการเร่งการเซ็นสัญญาให้เร็วขึ้น โดยมีโรงสีที่แสดงความต้องการที่จะเข้าร่วมโครงการแล้วประมาณ 650 แห่ง ซึ่งหากไม่เพียงพอก็จะมีการเปิดจุดรับจำนำที่ไม่ใช่โรงสีเพิ่มอีกประมาณ 100 แห่ง โดยจะใช้เพียง ยุ้งฉาง ลานตาก และเจ้าหน้าที่อีก 2-3 คน
ส่วนในเรื่องที่โรงสียังไม่เข้าใจ และไม่เข้าร่วมโครงการนั้น เป็นปัญหาที่ต่อเนื่องจากโครงการรับจำนำปีที่ผ่านมา เช่น ปัญหาค่าเช่า ค่าจ้าง ซึ่งรัฐบาลก็ยินดีที่จะช่วยแก้ปัญหาให้ สำหรับการวิจารณ์โครงการนั้นก็เป็นเพียงเรื่องเก่าๆ ซึ่งก็ยินดีที่จะรับฟังและแก้ไขให้ ส่วนส.ส.และส.ว.ที่มีความไม่เข้าใจ ก็จะเชิญมาทำความเข้าใจร่วมกันต่อไป
ทางด้านนายการุณ กิตติสถาพร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้มีข้าวเหลือในสต็อกประมาณ 1.5 ล้านตัน และมีผู้ส่งออกติดต่อขอซื้อข้าวจากไทยจำนวนมาก แต่การพิจารณาขายต้องขึ้นอยู่กับราคาด้วย ซึ่งในช่วงที่ต้นปีที่ผ่านมาไทยส่งข้าวออกได้แล้ว 6.46 ล้านตัน ส่วนการส่งออกในช่วง 3 เดือนหลังของปีจะเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าเดือนละ 6.5 แสนตัน จึงคาดว่าในปี 2544 จะสามารถส่งออกข้าวได้ถึง 7.2 ล้านตัน และขณะนี้ทางเวียดนามก็ได้ห้ามส่งออกข้าวไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2545 ซึ่งจะทำให้ข้าวไทยหมดคู่แข่ง
ขณะที่นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ อธิบดีกรมการค้าภายในกล่าวว่า จากการรับจำนำข้าวที่ผ่านมาได้ทำให้ราคาข้าวทุกประเภทภายในประเทศเพิ่มสูงขึ้น และราคาข้าวในตลาดโลกเองก็ปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 5-10 เหรียญสหรัฐต่อตันด้วย ซึ่งสาเหตุมาจากการที่ไทยรับจำนำข้าวในราคาสูงทำให้ผู้ส่งออกต้องอ้างอิงราคาซื้อขายจากราคารับจำนำ ประกอบกับทางเวียดนามได้ชะลอการขายข้าวลง เนื่องจากข้าวไม่เพียงพอกับการส่งออก จึงทำให้ราคาในตลาดโลกดีดตัวสูงขึ้น
--กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ ธันวาคม 2544--
-ปส-
ส่วนในเรื่องที่โรงสียังไม่เข้าใจ และไม่เข้าร่วมโครงการนั้น เป็นปัญหาที่ต่อเนื่องจากโครงการรับจำนำปีที่ผ่านมา เช่น ปัญหาค่าเช่า ค่าจ้าง ซึ่งรัฐบาลก็ยินดีที่จะช่วยแก้ปัญหาให้ สำหรับการวิจารณ์โครงการนั้นก็เป็นเพียงเรื่องเก่าๆ ซึ่งก็ยินดีที่จะรับฟังและแก้ไขให้ ส่วนส.ส.และส.ว.ที่มีความไม่เข้าใจ ก็จะเชิญมาทำความเข้าใจร่วมกันต่อไป
ทางด้านนายการุณ กิตติสถาพร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้มีข้าวเหลือในสต็อกประมาณ 1.5 ล้านตัน และมีผู้ส่งออกติดต่อขอซื้อข้าวจากไทยจำนวนมาก แต่การพิจารณาขายต้องขึ้นอยู่กับราคาด้วย ซึ่งในช่วงที่ต้นปีที่ผ่านมาไทยส่งข้าวออกได้แล้ว 6.46 ล้านตัน ส่วนการส่งออกในช่วง 3 เดือนหลังของปีจะเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าเดือนละ 6.5 แสนตัน จึงคาดว่าในปี 2544 จะสามารถส่งออกข้าวได้ถึง 7.2 ล้านตัน และขณะนี้ทางเวียดนามก็ได้ห้ามส่งออกข้าวไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2545 ซึ่งจะทำให้ข้าวไทยหมดคู่แข่ง
ขณะที่นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ อธิบดีกรมการค้าภายในกล่าวว่า จากการรับจำนำข้าวที่ผ่านมาได้ทำให้ราคาข้าวทุกประเภทภายในประเทศเพิ่มสูงขึ้น และราคาข้าวในตลาดโลกเองก็ปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 5-10 เหรียญสหรัฐต่อตันด้วย ซึ่งสาเหตุมาจากการที่ไทยรับจำนำข้าวในราคาสูงทำให้ผู้ส่งออกต้องอ้างอิงราคาซื้อขายจากราคารับจำนำ ประกอบกับทางเวียดนามได้ชะลอการขายข้าวลง เนื่องจากข้าวไม่เพียงพอกับการส่งออก จึงทำให้ราคาในตลาดโลกดีดตัวสูงขึ้น
--กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ ธันวาคม 2544--
-ปส-