ผู้นำของเข้า/ผู้ส่งของออกระดับบัตรทอง (GOLD CARD)
1.คุณสมบัติ
กรมศุลกากรจะพิจารณาคัดเลือกให้เป็นผู้นำของเข้า ผู้ส่งของออกระดับบัตรทอง ตามจำนวนที่เห็นสมควรจากผู้ยื่นขอรับการคัดเลือกมีเกณฑ์ในการคัดเลือกดังนี้
1.1 เป็นนิติบุคคล
1.2 มีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท
1.3 นำของเข้าหรือส่งของออกมาแล้วเป็นเวลาไม่น้อย 3 ปี และต้องส่งข้อมูลพิธีการศุลกากรด้วยระบบ EDI
1.4 เป็นสมาชิกสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยหรือสมาชิกสภาหอการค้าฯ หรือสมาชิกหอการค้าไทยหรือสมาชิกสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย และองค์กรดังกล่าวได้รับรองว่าผู้ขอรับการคัดเลือกมีฐานะทางการเงินมั่นคงเป็นที่น่าเชื่อถือได้
1.5 ไม่มีประวัติการกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการศุลกากรย้อนหลังเป็นเวลา 3 ปี นับแต่วันที่ยื่นคำร้องขอ เว้นแต่เป็นความผิดเล็กน้อย
2.สิทธิพิเศษ
2.1 การนำของเข้า
-ผ่านการตรวจสอบใบขนสินค้าทางช่องเขียวของระบบ EDI
-ตัดบัญชีสินค้าสำหรับเรือ Manifest ภายหลังการปล่อยของ
-งดเว้นการตรวจของจากศุลกากร เว้นแต่การสุ่มตรวจ
2.2 การส่งของออก
-ผ่านการตรวจสอบใบขนสินค้าทางช่องเขียวของระบบ EDI
-งดเว้นการตรวจของจากศุลกากร เว้นแต่การสุ่มตรวจ
2.3 การคืนอากรหรือชดเชยภาษี
-ได้รับอนุมัติการคืนอากรหรือชดเชยภาษีทันทีที่ยื่นคำร้องขอสิทธิอื่นๆ ตามที่อธิบดีจะประกาศกำหนด
2.4 สิทธิอื่นๆ ตามที่อธิบดีจะประกาศกำหนด
3.หน้าที่
3.1 ต้องปฎิบัติตามระเบียบที่กรมศุลกากรกำหนดทั้งปัจจุบันและอนาคต
3.2 ต้องทำสัญญาประกันและทัณฑ์บน และวางหนังสือค้ำประกันของธนาคารหรือประกันอย่างอื่นจนเป็นที่พอใจของกรมศุลกากรในวงเงินไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท
3.3 ต้องเก็บรักษาต้นฉบับใบขนสินค้าพร้อมเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องไว้ไม่น้อยกว่า 5 ปี
3.4 ต้องยินยอมให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรเข้าไปในสถานที่ประกอบการหรือสถานที่อื่นใดที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบบัญชี เอกสาร หลักฐาน และข้อมูลไม่ว่าในสื่อรูปแบบใดๆ ที่เกี่ยวกับของที่กำลังผ่านหรือได้ผ่านศุลกากรและต้องให้ความร่วมมือหรืออำนวยความสะดวกในการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ศุลกากร
4.การสิ้นสภาพ
4.1 ขาดคุณสมบัติ
4.2 ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด
4.3 กระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรหนือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการศุลกากรอย่างร้ายแรงและคดีถึงที่สุดแล้ว
4.4 กรมศุลกากรสั่งเพิกถอนสิทธิ
5.กรมศุลกากรอาจสุ่มตรวจของหรือเอกสารได้ตามที่เห็นสมควร
6.ในกรณีที่ตรวจพบว่ากระทำความผิดอย่างร้ายแรงหรือมีเจตนาฉ้อหรือภาษีหรือมีเจตนาทุจริตในการขอคืนอากรหรือขอชดเชยภาษีอากรกรมศุลกากรจะลงโทษในสถานหนัก
7.อธิบดีกรมศุลกากรอาจสั่งการเป็นอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กำหนดไว้ข้างต้นได้
ขอทราบรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 221-0555, 221-1827 ต่อ 616
--วารสาร สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 4/29 กุมภาพันธ์ 2543--
1.คุณสมบัติ
กรมศุลกากรจะพิจารณาคัดเลือกให้เป็นผู้นำของเข้า ผู้ส่งของออกระดับบัตรทอง ตามจำนวนที่เห็นสมควรจากผู้ยื่นขอรับการคัดเลือกมีเกณฑ์ในการคัดเลือกดังนี้
1.1 เป็นนิติบุคคล
1.2 มีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท
1.3 นำของเข้าหรือส่งของออกมาแล้วเป็นเวลาไม่น้อย 3 ปี และต้องส่งข้อมูลพิธีการศุลกากรด้วยระบบ EDI
1.4 เป็นสมาชิกสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยหรือสมาชิกสภาหอการค้าฯ หรือสมาชิกหอการค้าไทยหรือสมาชิกสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย และองค์กรดังกล่าวได้รับรองว่าผู้ขอรับการคัดเลือกมีฐานะทางการเงินมั่นคงเป็นที่น่าเชื่อถือได้
1.5 ไม่มีประวัติการกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการศุลกากรย้อนหลังเป็นเวลา 3 ปี นับแต่วันที่ยื่นคำร้องขอ เว้นแต่เป็นความผิดเล็กน้อย
2.สิทธิพิเศษ
2.1 การนำของเข้า
-ผ่านการตรวจสอบใบขนสินค้าทางช่องเขียวของระบบ EDI
-ตัดบัญชีสินค้าสำหรับเรือ Manifest ภายหลังการปล่อยของ
-งดเว้นการตรวจของจากศุลกากร เว้นแต่การสุ่มตรวจ
2.2 การส่งของออก
-ผ่านการตรวจสอบใบขนสินค้าทางช่องเขียวของระบบ EDI
-งดเว้นการตรวจของจากศุลกากร เว้นแต่การสุ่มตรวจ
2.3 การคืนอากรหรือชดเชยภาษี
-ได้รับอนุมัติการคืนอากรหรือชดเชยภาษีทันทีที่ยื่นคำร้องขอสิทธิอื่นๆ ตามที่อธิบดีจะประกาศกำหนด
2.4 สิทธิอื่นๆ ตามที่อธิบดีจะประกาศกำหนด
3.หน้าที่
3.1 ต้องปฎิบัติตามระเบียบที่กรมศุลกากรกำหนดทั้งปัจจุบันและอนาคต
3.2 ต้องทำสัญญาประกันและทัณฑ์บน และวางหนังสือค้ำประกันของธนาคารหรือประกันอย่างอื่นจนเป็นที่พอใจของกรมศุลกากรในวงเงินไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท
3.3 ต้องเก็บรักษาต้นฉบับใบขนสินค้าพร้อมเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องไว้ไม่น้อยกว่า 5 ปี
3.4 ต้องยินยอมให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรเข้าไปในสถานที่ประกอบการหรือสถานที่อื่นใดที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบบัญชี เอกสาร หลักฐาน และข้อมูลไม่ว่าในสื่อรูปแบบใดๆ ที่เกี่ยวกับของที่กำลังผ่านหรือได้ผ่านศุลกากรและต้องให้ความร่วมมือหรืออำนวยความสะดวกในการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ศุลกากร
4.การสิ้นสภาพ
4.1 ขาดคุณสมบัติ
4.2 ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด
4.3 กระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรหนือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการศุลกากรอย่างร้ายแรงและคดีถึงที่สุดแล้ว
4.4 กรมศุลกากรสั่งเพิกถอนสิทธิ
5.กรมศุลกากรอาจสุ่มตรวจของหรือเอกสารได้ตามที่เห็นสมควร
6.ในกรณีที่ตรวจพบว่ากระทำความผิดอย่างร้ายแรงหรือมีเจตนาฉ้อหรือภาษีหรือมีเจตนาทุจริตในการขอคืนอากรหรือขอชดเชยภาษีอากรกรมศุลกากรจะลงโทษในสถานหนัก
7.อธิบดีกรมศุลกากรอาจสั่งการเป็นอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กำหนดไว้ข้างต้นได้
ขอทราบรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 221-0555, 221-1827 ต่อ 616
--วารสาร สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 4/29 กุมภาพันธ์ 2543--