นายธีระ วิภูชนิน รองกรรมการผู้จัดการ รักษาการกรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2544 ว่า ธสน. มีกำไรสุทธิจำนวน 187 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นผลจากการควบคุมคุณภาพของสินทรัพย์ ทำให้ภาระการกันสำรองลดน้อยลง ในขณะที่ปริมาณธุรกิจยังทรงตัวตามภาวะการส่งออกโดยรวมของประเทศ
รักษาการกรรมการผู้จัดการ ธสน. ชี้แจงผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ว่า สินทรัพย์รวมของ ธสน. ณ สิ้นงวดครึ่งแรกของปี 2544 ลดลงราว 3 % จากสิ้นงวดครึ่งแรกของปี 2543 แม้ว่า ธสน. จะขยายวงเงินสินเชื่อเพิ่มขึ้นจากปีก่อนราว 4 % แต่ปริมาณการใช้สินเชื่อของผู้ส่งออกไม่เพิ่มขึ้นตามวงเงิน อันเป็นผลมาจากภาวะตลาดส่งออกหลักในต่างประเทศชะลอตัวลงเป็นส่วนใหญ่
สินทรัพย์รวมของ ธสน. ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2544 มีมูลค่ารวม 55,757 ล้านบาท แยกเป็นสินเชื่อที่ ธสน. ปล่อยกู้โดยตรงจำนวน 38,201 ล้านบาท และสินเชื่อที่ปล่อยผ่านธนาคารพาณิชย์มีจำนวน 4,386 ล้านบาท
สำหรับวงเงินสินเชื่อรวมที่ ธสน. ปล่อยกู้แก่ผู้ส่งออกและนักลงทุนไทยในต่างประเทศมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 79,901 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2544 ส่วนปริมาณการใช้สินเชื่อหมุนเวียนทั้งหมดที่ ธสน. ให้บริการโดยตรงแก่ผู้ส่งออกมีมูลค่ารวม 43,360 ล้านบาท ในช่วงครึ่งแรกของปี 2544
รักษาการกรรมการผู้จัดการ ธสน. ได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่าในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ธสน. ให้ความสำคัญกับการติดตามและควบคุมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อย่างจริงจัง ทำให้ NPL ของ ธสน. ลดลงอย่างต่อเนื่องจาก 2,355 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2543 เหลือ 1,870 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2544 ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการปรับโครงสร้างหนี้และได้รับชำระหนี้คืน อีกส่วนหนึ่งเป็นผลจากการตัดจำหน่ายหนี้ NPL ที่สำรองครบ 100% แล้วออกจากบัญชีตามนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย สำหรับอัตราส่วน NPL ต่อเงินให้สินเชื่อรวมของ ธสน. ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2544 อยู่ที่ระดับ 4.3%
ทางด้านกำไรก่อนสำรองหนี้สงสัยจะสูญและสำรองประกันการส่งออก และก่อนหักค่าใช้จ่ายอื่นๆ เกี่ยวกับลูกหนี้มีปัญหา เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 639 ล้านบาทในช่วงครึ่งแรกปี 2543 เป็น 698 ล้านบาทในช่วงครึ่งแรกปี 2544 ในขณะที่สำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญและสำรองประกันการส่งออกและขาดทุนอื่นๆ เกี่ยวกับลูกค้าหนี้มีปัญหา ลดลงจาก 539 ล้านบาทในช่วงครึ่งแรกปี 2543 เหลือ 512 ล้านบาท ทำให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 100 ล้านบาท ในงวดครึ่งแรกของปี 2543 เป็น 187 ล้านบาท
ในช่วงครึ่งแรกของปี 2544 นี้ ธสน. ได้เปิดให้บริการ "สินเชื่อส่งออกทันใจ" (Express Export Credit) ซึ่งเป็นบริการภายใต้บริการสินเชื่อเพื่อเตรียมการส่งออก โดยมุ่งเน้นสนับสนุนผู้ส่งออกรายย่อยรายใหม่ สามารถทราบผลการอนุมัติสินเชื่อได้ภายใน 3 วันทำการนับจากวันที่ยื่นเอกสารครบถ้วน ผู้ส่งออกที่มี Letter of Credit สามารถมาขอสินเชื่อได้รายละ 2 ล้านบาท โดยใช้เพียงกรรมการบริษัทเป็นผู้ค้ำประกันการขอสินเชื่อ นับตั้งแต่เริ่มให้บริการเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมามีผู้ส่งออกมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ ธสน. ต้องจัดสรรเพิ่มวงเงินสำหรับสินเชื่อส่งออกทันใจทั้งหมดจาก 100 ล้านบาท เป็น 200 ล้านบาท ในปัจจุบัน
สำหรับในช่วงครึ่งหลังของปี 2544 ธสน. จะเปิดสาขาเพิ่ม 1 แห่ง คือ สาขาสาทร เพื่อเพิ่มจุดให้บริการและรองรับธุรกิจในบริเวณย่านธุรกิจกลางเมือง และนอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมผู้ส่งออกในกลุ่ม SMEs ตามนโยบายรัฐบาลอีกด้วย
ต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโปรดติดต่อส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักบริหาร
โทร. 0 2271 3700, 0 2278 0047, 0 2617 2111 ต่อ 1140-1145
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย สิงหาคม 2544--
-อน-
-อน-
รักษาการกรรมการผู้จัดการ ธสน. ชี้แจงผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ว่า สินทรัพย์รวมของ ธสน. ณ สิ้นงวดครึ่งแรกของปี 2544 ลดลงราว 3 % จากสิ้นงวดครึ่งแรกของปี 2543 แม้ว่า ธสน. จะขยายวงเงินสินเชื่อเพิ่มขึ้นจากปีก่อนราว 4 % แต่ปริมาณการใช้สินเชื่อของผู้ส่งออกไม่เพิ่มขึ้นตามวงเงิน อันเป็นผลมาจากภาวะตลาดส่งออกหลักในต่างประเทศชะลอตัวลงเป็นส่วนใหญ่
สินทรัพย์รวมของ ธสน. ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2544 มีมูลค่ารวม 55,757 ล้านบาท แยกเป็นสินเชื่อที่ ธสน. ปล่อยกู้โดยตรงจำนวน 38,201 ล้านบาท และสินเชื่อที่ปล่อยผ่านธนาคารพาณิชย์มีจำนวน 4,386 ล้านบาท
สำหรับวงเงินสินเชื่อรวมที่ ธสน. ปล่อยกู้แก่ผู้ส่งออกและนักลงทุนไทยในต่างประเทศมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 79,901 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2544 ส่วนปริมาณการใช้สินเชื่อหมุนเวียนทั้งหมดที่ ธสน. ให้บริการโดยตรงแก่ผู้ส่งออกมีมูลค่ารวม 43,360 ล้านบาท ในช่วงครึ่งแรกของปี 2544
รักษาการกรรมการผู้จัดการ ธสน. ได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่าในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ธสน. ให้ความสำคัญกับการติดตามและควบคุมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อย่างจริงจัง ทำให้ NPL ของ ธสน. ลดลงอย่างต่อเนื่องจาก 2,355 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2543 เหลือ 1,870 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2544 ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการปรับโครงสร้างหนี้และได้รับชำระหนี้คืน อีกส่วนหนึ่งเป็นผลจากการตัดจำหน่ายหนี้ NPL ที่สำรองครบ 100% แล้วออกจากบัญชีตามนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย สำหรับอัตราส่วน NPL ต่อเงินให้สินเชื่อรวมของ ธสน. ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2544 อยู่ที่ระดับ 4.3%
ทางด้านกำไรก่อนสำรองหนี้สงสัยจะสูญและสำรองประกันการส่งออก และก่อนหักค่าใช้จ่ายอื่นๆ เกี่ยวกับลูกหนี้มีปัญหา เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 639 ล้านบาทในช่วงครึ่งแรกปี 2543 เป็น 698 ล้านบาทในช่วงครึ่งแรกปี 2544 ในขณะที่สำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญและสำรองประกันการส่งออกและขาดทุนอื่นๆ เกี่ยวกับลูกค้าหนี้มีปัญหา ลดลงจาก 539 ล้านบาทในช่วงครึ่งแรกปี 2543 เหลือ 512 ล้านบาท ทำให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 100 ล้านบาท ในงวดครึ่งแรกของปี 2543 เป็น 187 ล้านบาท
ในช่วงครึ่งแรกของปี 2544 นี้ ธสน. ได้เปิดให้บริการ "สินเชื่อส่งออกทันใจ" (Express Export Credit) ซึ่งเป็นบริการภายใต้บริการสินเชื่อเพื่อเตรียมการส่งออก โดยมุ่งเน้นสนับสนุนผู้ส่งออกรายย่อยรายใหม่ สามารถทราบผลการอนุมัติสินเชื่อได้ภายใน 3 วันทำการนับจากวันที่ยื่นเอกสารครบถ้วน ผู้ส่งออกที่มี Letter of Credit สามารถมาขอสินเชื่อได้รายละ 2 ล้านบาท โดยใช้เพียงกรรมการบริษัทเป็นผู้ค้ำประกันการขอสินเชื่อ นับตั้งแต่เริ่มให้บริการเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมามีผู้ส่งออกมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ ธสน. ต้องจัดสรรเพิ่มวงเงินสำหรับสินเชื่อส่งออกทันใจทั้งหมดจาก 100 ล้านบาท เป็น 200 ล้านบาท ในปัจจุบัน
สำหรับในช่วงครึ่งหลังของปี 2544 ธสน. จะเปิดสาขาเพิ่ม 1 แห่ง คือ สาขาสาทร เพื่อเพิ่มจุดให้บริการและรองรับธุรกิจในบริเวณย่านธุรกิจกลางเมือง และนอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมผู้ส่งออกในกลุ่ม SMEs ตามนโยบายรัฐบาลอีกด้วย
ต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโปรดติดต่อส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักบริหาร
โทร. 0 2271 3700, 0 2278 0047, 0 2617 2111 ต่อ 1140-1145
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย สิงหาคม 2544--
-อน-
-อน-