กรุงเทพฯ--4 ก.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
วันนี้ (3 กันยายน 2544) ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับผลการหารือระหว่าง พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับ พลโท ขิ่น ยุ้น เลขาธิการ 1 สภาสันติภาพและการพัฒนาแห่งรัฐของสหภาพพม่า ที่ทำเนียบรัฐบาล สรุปได้ดังนี้
1. พลโท ขิ่น ยุ้น ได้แจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบว่าพม่าให้ความสำคัญกับการเยือนครั้งนี้มาก โดยพลเอกอาวุโส ตาน ฉ่วย นายกรัฐมนตรีและประธานสภาเพื่อสันติภาพและการพัฒนาแห่งรัฐของสหภาพพม่าได้ย้ำกับตนว่าเป็นการเยือนเพื่อติดตามผลการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีทั้งสอง เมื่อครั้งที่นายกรัฐมนตรีไทยเดินทางไปเยือนสหภาพพม่า ฝ่ายพม่าได้กล่าวด้วยว่าการเยือนครั้งนี้เป็นการย้ำบทใหม่ของความสัมพันธ์ระหว่างไทย-พม่า ที่จะดำเนินไปด้วยความจริงใจและความไว้วางใจระหว่างกัน และเพื่อเป็นการแสดงความปรารถนาดี พม่าจะปล่อยตัวนักโทษชาวไทย ซึ่งไม่ได้ต้องโทษในข้อหายาเสพติด จำนวนประมาณ 60 คน เมื่อพลโท ขิ่น ยุ้น เดินทางกลับสหภาพพม่าแล้ว ในขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีได้ย้ำถึงเจตนารมย์ของ รัฐบาลไทยที่พร้อมจะสนับสนุนกระบวนการปรองดองแห่งชาติในพม่าให้เกิดขึ้นโดยเร็วและยั่งยืน
2. ฝ่ายพม่าแจ้งว่ารัฐบาลพม่ามีความจริงใจที่จะดำเนินการตามความตกลงร่วมกันเรื่องการ ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ซึ่งจะเห็นได้จากการจับกุมและกวาดล้างกลุ่มผู้ผลิตและค้ายาเสพติดหลายครั้งในพม่า และที่สำคัญ คือ ชนกลุ่มน้อยชาวว้าได้ให้สัญญาแก่รัฐบาลพม่าว่าจะกำจัดยาเสพติดให้หมดภายในปี ค.ศ. 2005 และฝ่ายไทยได้ตกลงจะให้ความร่วมมือแก่พม่าในโครงการปลูกพืชทดแทน รวมทั้งจะพิจารณาให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรแก่สินค้าเกษตรในโครงการนี้ด้วย ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่าการประชุมทั้งระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสและระดับรัฐมนตรีด้านยาเสพติดของลาว กัมพูชา พม่า และไทย ประสบความสำเร็จ และมีความจะเป็นที่จะต้องมีการหารือกันต่อไปในระดับนายกรัฐมนตรี เนื่องจากจะเป็นสัญญาณที่ให้นานาประเทศเห็นว่าทั้ง 4 ประเทศ มีความจริงจังที่จะร่วมมือกันในการปราบปรามยาเสพติด และคาดว่าจะสามารถจัดการประชุมได้ในเร็วๆ นี้
3. ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะให้จัดการประชุมคณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) โดยเร็ว เพื่อร่วมกันพิจารณากำหนดและปักปันเขตแดนระหว่างกัน สำหรับความร่วมมือด้านการค้านั้น ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะให้กระทรวงพาณิชย์ของสองประเทศพบปะและหารือกันในรายละเอียดต่อไป นอกจากนี้ ฝ่ายพม่าได้ขอให้ฝ่ายไทยส่งร่างความตกลงส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนไปให้พิจารณาโดยเร็วด้วย สำหรับการห้ามนำเข้า สินค้ารายการต่างๆ ซึ่งบางรายการมีผลกระทบต่อการค้าชายแดนไทย-พม่า นั้น ขณะนี้ ฝ่ายพม่ากำลังพิจารณาตัดรายการสินค้าบางรายการออก เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการค้า
4. ในส่วนของการประมง ฝ่ายพม่าได้แจ้งให้ทราบว่าพม่าประสงค์จะให้มีการร่วมลงทุนทำการประมงในน่านน้ำพม่า แต่ยังมิได้ให้สัมปทานหรือตกลงที่จะร่วมลงทุนกับประเทศใด หากฝ่ายไทยสนใจ ก็ขอให้ส่งคณะไปเจราจาโดยเร็ว และรัฐบาลพม่าพร้อมจะพิจารณาข้อเสนอของไทยเป็นอันดับแรก
5. ด้านการคมนาคม ทั้งสองฝ่ายได้หารือเรื่องการสร้างเส้นทางเชื่อมโยงระหว่างกัน อาทิ โครงการสร้างถนนระหว่างจังหวัดกาญจนบุรีและเมืองทวาย ซึ่งจะเป็นเส้นทางสำคัญในการขนส่งสินค้าออกด้านทะเลอันดามัน และโครงการก่อสร้างถนนระหว่างอำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และเมืองปกเตี้ยน ของพม่า ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะให้มีการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 2 ซึ่งจะเป็นประโยชน์ ทั้งทางด้านการค้าและการท่องเที่ยวระหว่างกัน โดยฝ่ายไทยพร้อมที่จะสนับสนุนการก่อสร้าง
6. นายกรัฐมนตรีได้แจ้งแนวทางและกฎระเบียบเรื่องการจัดระเบียบแรงงานต่างชาติในไทยให้ฝ่ายพม่าทราบ และพลโท ขิ่น ยุ้น ได้เห็นพ้องกับข้อเสนอของไทยที่จะให้มีการจัดทำความตกลงเรื่องแรงงานระหว่างกันในอนาคต และว่าพม่าพร้อมจะรับแรงงานชาวพม่าที่สมัครใจจะกลับประเทศ สำหรับกรณีผู้พลัดถิ่นจำนวนมากที่ยังพำนักอยู่ในประเทศไทย ซึ่งประสงค์จะเดินทางกลับประเทศ และหากพม่าพร้อมที่จะจัดบริเวณที่ปลอดภัยให้เป็นที่อยู่อาศัย ฝ่ายไทยก็พร้อมที่จะสนับสนุนและร่วมมือกับองค์การระหว่างประเทศ ว่าด้วยการโยกย้ายถิ่นฐาน หรือประเทศที่สามอื่นๆ ที่พม่าเห็นชอบ ในการให้ความช่วยเหลือเพื่อฝึกอาชีพต่อไป ซึ่งฝ่ายไทยเห็นว่าสถานการณ์ที่สงบเรียบร้อยในพม่า และความช่วยเหลือเรื่องการจัดนิคมฝึกอาชีพ จะเป็นแรงจูงใจให้ผู้พลัดถิ่นชาวพม่าตัดสินใจเดินทางกลับประเทศ
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-
วันนี้ (3 กันยายน 2544) ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับผลการหารือระหว่าง พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับ พลโท ขิ่น ยุ้น เลขาธิการ 1 สภาสันติภาพและการพัฒนาแห่งรัฐของสหภาพพม่า ที่ทำเนียบรัฐบาล สรุปได้ดังนี้
1. พลโท ขิ่น ยุ้น ได้แจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบว่าพม่าให้ความสำคัญกับการเยือนครั้งนี้มาก โดยพลเอกอาวุโส ตาน ฉ่วย นายกรัฐมนตรีและประธานสภาเพื่อสันติภาพและการพัฒนาแห่งรัฐของสหภาพพม่าได้ย้ำกับตนว่าเป็นการเยือนเพื่อติดตามผลการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีทั้งสอง เมื่อครั้งที่นายกรัฐมนตรีไทยเดินทางไปเยือนสหภาพพม่า ฝ่ายพม่าได้กล่าวด้วยว่าการเยือนครั้งนี้เป็นการย้ำบทใหม่ของความสัมพันธ์ระหว่างไทย-พม่า ที่จะดำเนินไปด้วยความจริงใจและความไว้วางใจระหว่างกัน และเพื่อเป็นการแสดงความปรารถนาดี พม่าจะปล่อยตัวนักโทษชาวไทย ซึ่งไม่ได้ต้องโทษในข้อหายาเสพติด จำนวนประมาณ 60 คน เมื่อพลโท ขิ่น ยุ้น เดินทางกลับสหภาพพม่าแล้ว ในขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีได้ย้ำถึงเจตนารมย์ของ รัฐบาลไทยที่พร้อมจะสนับสนุนกระบวนการปรองดองแห่งชาติในพม่าให้เกิดขึ้นโดยเร็วและยั่งยืน
2. ฝ่ายพม่าแจ้งว่ารัฐบาลพม่ามีความจริงใจที่จะดำเนินการตามความตกลงร่วมกันเรื่องการ ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ซึ่งจะเห็นได้จากการจับกุมและกวาดล้างกลุ่มผู้ผลิตและค้ายาเสพติดหลายครั้งในพม่า และที่สำคัญ คือ ชนกลุ่มน้อยชาวว้าได้ให้สัญญาแก่รัฐบาลพม่าว่าจะกำจัดยาเสพติดให้หมดภายในปี ค.ศ. 2005 และฝ่ายไทยได้ตกลงจะให้ความร่วมมือแก่พม่าในโครงการปลูกพืชทดแทน รวมทั้งจะพิจารณาให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรแก่สินค้าเกษตรในโครงการนี้ด้วย ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่าการประชุมทั้งระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสและระดับรัฐมนตรีด้านยาเสพติดของลาว กัมพูชา พม่า และไทย ประสบความสำเร็จ และมีความจะเป็นที่จะต้องมีการหารือกันต่อไปในระดับนายกรัฐมนตรี เนื่องจากจะเป็นสัญญาณที่ให้นานาประเทศเห็นว่าทั้ง 4 ประเทศ มีความจริงจังที่จะร่วมมือกันในการปราบปรามยาเสพติด และคาดว่าจะสามารถจัดการประชุมได้ในเร็วๆ นี้
3. ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะให้จัดการประชุมคณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) โดยเร็ว เพื่อร่วมกันพิจารณากำหนดและปักปันเขตแดนระหว่างกัน สำหรับความร่วมมือด้านการค้านั้น ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะให้กระทรวงพาณิชย์ของสองประเทศพบปะและหารือกันในรายละเอียดต่อไป นอกจากนี้ ฝ่ายพม่าได้ขอให้ฝ่ายไทยส่งร่างความตกลงส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนไปให้พิจารณาโดยเร็วด้วย สำหรับการห้ามนำเข้า สินค้ารายการต่างๆ ซึ่งบางรายการมีผลกระทบต่อการค้าชายแดนไทย-พม่า นั้น ขณะนี้ ฝ่ายพม่ากำลังพิจารณาตัดรายการสินค้าบางรายการออก เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการค้า
4. ในส่วนของการประมง ฝ่ายพม่าได้แจ้งให้ทราบว่าพม่าประสงค์จะให้มีการร่วมลงทุนทำการประมงในน่านน้ำพม่า แต่ยังมิได้ให้สัมปทานหรือตกลงที่จะร่วมลงทุนกับประเทศใด หากฝ่ายไทยสนใจ ก็ขอให้ส่งคณะไปเจราจาโดยเร็ว และรัฐบาลพม่าพร้อมจะพิจารณาข้อเสนอของไทยเป็นอันดับแรก
5. ด้านการคมนาคม ทั้งสองฝ่ายได้หารือเรื่องการสร้างเส้นทางเชื่อมโยงระหว่างกัน อาทิ โครงการสร้างถนนระหว่างจังหวัดกาญจนบุรีและเมืองทวาย ซึ่งจะเป็นเส้นทางสำคัญในการขนส่งสินค้าออกด้านทะเลอันดามัน และโครงการก่อสร้างถนนระหว่างอำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และเมืองปกเตี้ยน ของพม่า ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะให้มีการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 2 ซึ่งจะเป็นประโยชน์ ทั้งทางด้านการค้าและการท่องเที่ยวระหว่างกัน โดยฝ่ายไทยพร้อมที่จะสนับสนุนการก่อสร้าง
6. นายกรัฐมนตรีได้แจ้งแนวทางและกฎระเบียบเรื่องการจัดระเบียบแรงงานต่างชาติในไทยให้ฝ่ายพม่าทราบ และพลโท ขิ่น ยุ้น ได้เห็นพ้องกับข้อเสนอของไทยที่จะให้มีการจัดทำความตกลงเรื่องแรงงานระหว่างกันในอนาคต และว่าพม่าพร้อมจะรับแรงงานชาวพม่าที่สมัครใจจะกลับประเทศ สำหรับกรณีผู้พลัดถิ่นจำนวนมากที่ยังพำนักอยู่ในประเทศไทย ซึ่งประสงค์จะเดินทางกลับประเทศ และหากพม่าพร้อมที่จะจัดบริเวณที่ปลอดภัยให้เป็นที่อยู่อาศัย ฝ่ายไทยก็พร้อมที่จะสนับสนุนและร่วมมือกับองค์การระหว่างประเทศ ว่าด้วยการโยกย้ายถิ่นฐาน หรือประเทศที่สามอื่นๆ ที่พม่าเห็นชอบ ในการให้ความช่วยเหลือเพื่อฝึกอาชีพต่อไป ซึ่งฝ่ายไทยเห็นว่าสถานการณ์ที่สงบเรียบร้อยในพม่า และความช่วยเหลือเรื่องการจัดนิคมฝึกอาชีพ จะเป็นแรงจูงใจให้ผู้พลัดถิ่นชาวพม่าตัดสินใจเดินทางกลับประเทศ
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-