ข่าวในประเทศ
1. ยอดการให้กู้ยืมของบีไอบีเอฟมีแนวโน้มลดลง ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายสารสนเทศและประชาสัมพันธ์ ธปท.เปิดเผยว่า การให้กู้ยืมของกิจการวิเทศธนกิจ (บีไอบีเอฟ) มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นเดือน ต.ค.43 มียอดคงค้างทั้งสิ้น 477.6 พัน ล.บาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 23.6 แยกเป็นการให้กู้ยืมแก่ลูกค้าในประเทศ (เอาต์-อิน) จำนวน 415.5 พัน ล.บาท ลดลงร้อยละ 24.1 และเป็นการให้กู้ยืมแก่ลูกค้าต่างประเทศ (เอาต์-เอาต์) จำนวน 62.1 พัน ล.บาท ลดลงร้อยละ 20 โดยกลุ่ม ธพ.ไทยมียอดคงค้างลดลงมากที่สุด คือร้อยละ 38.6 สาเหตุที่การให้กู้ยืมของบีไอบีเอฟลดลง เนื่องจากสภาพคล่องของเงินบาทสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่อัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร (อาร์พี) ระยะ 1 วัน ลดลงเหลือร้อยละ 1.3 ส่งผลให้มีการแปลงหนี้ต่างประเทศเป็นหนี้สกุลเงินบาทมากขึ้น รวมทั้งมีการชำระคืนหนี้ก่อนกำหนดและชำระหนี้ต่างประเทศปกติบางส่วนด้วย ทั้งนี้ ในเดือน ต.ค.43 ภาคธุรกิจที่กู้ยืมผ่านบีไอบีเอฟมากที่สุด คือ อุตสาหกรรมการผลิต โดยมียอดคงค้าง 252.9 พัน ล.บาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 53 ของเงินให้กู้ยืมบีไอบีเอฟทั้งหมด (กรุงเทพธุรกิจ,มติชน 26)
2. ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเป็นไปตามภาวะตลาด นายพิสิฐ ลี้อาธรรม รมช.คลังกล่าวถึงค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ สรอ.ที่แข็งขึ้นอยู่ที่ระดับ 41 บาท/ดอลลาร์ ว่าเกิดจากค่าเงินดอลลาร์ สรอ.อ่อนตัวลง ทำให้เงินยูโรและเงินสกุลสำคัญหลายประเทศปรับตัวแข็งค่าขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องปกติไม่น่าห่วง ประกอบกับเป็นไปตามภาวะตลาดในช่วงสิ้นปี ที่ธุรกรรมทางการน้อยลง คาดว่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นอีก เพราะแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์ยังคงอ่อนลง นอกจากนี้ยังมีปัจจัยสำคัญ คือ ธปท.ได้กำหนดให้ ธพ.เปิดเผยบัญชีเงินบาทที่อยู่นอกประเทศ ตามรายงานการทำธุรกรรมแบบ ธต.3 และ ธต.4 สำหรับปี 44 คาดว่าค่าเงินจะมีความผันผวนอีก รวมถึงค่าเงินบาทของไทย เพราะอัตราดอกเบี้ยในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวลดลง (เดลินิวส์ 26)
3. ก.คลังผลักดันแผนบริหารจัดการความเสี่ยงจากภาระหนี้ต่างประเทศของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นายพิสิฐ ลี้อาธรรม รมช.คลังเปิดเผยว่า ก.คลังได้พยายามผลักดันให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งรวมถึง ธปท. และรัฐวิสาหกิจต่างๆ ให้มีแผนบริหารจัดการความเสี่ยงจากภาระหนี้ต่างประเทศที่มีอยู่อย่างจริงจัง โดยการวางแผนล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน เช่น การซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า หรือซื้อตราสารอนุพันธ์ล่วงหน้า เพื่อชำระหนี้ เพราะวิธีปฏิบัติในปัจจุบันยังมีความเสี่ยงมาก คือ เมื่อครบกำหนดชำระหนี้จะมีการวางฎีกาเบิกเงินเพื่อขอแลกเป็นเงินตราต่างประเทศแล้วนำออกชำระหนี้ทันที (แนวหน้า, มติชน 26)
4. ก.คลังยืนยันฐานะการคลังไม่มีปัญหา ปลัด ก.คลังเปิดเผยว่า ฐานะการคลังของรัฐมิได้มีปัญหา เพราะได้จัดวางแผนงานบริหารเงินคงคลัง ทั้งการกู้ยืมเงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ เช่น การออกพันธบัตรหรือตั๋วเงินคงคลัง และมีเงินสำรองเพียงพอ การจัดเก็บรายได้ยังเป็นไปตามเป้าหมาย สำหรับนโยบายประหยัดเงินตราต่างประเทศนั้น จะให้กรมศุลกากรเข้มงวดการตรวจสอบนักท่องเที่ยวที่ซื้อสินค้าจากต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยมีมูลค่าถึงปีละ 100,000 ล.บาท (วัฏจักร 26)
ข่าวต่างประเทศ
1. อัตราการว่างงานของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับร้อยละ 4.8 ในเดือน พ.ย.43 รายงานจากโตเกียว เมื่อ 26 ธ.ค.43 สำนักบริหารและประสานงานของญี่ปุ่นรายงานว่า เดือน พ.ย.43 อัตราการว่างงานของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับร้อยละ 4.8 จากระดับร้อยละ 4.7 ในเดือน ต.ค.43 นับเป็นอัตราที่สูงที่สุดนับแต่เดือน เม.ย.43 และสูงเกือบเท่ากับเดือน ก.พ.และมี.ค.43 ที่เคยสูงที่สุดเท่าที่มีการบันทึกข้อมูลที่ระดับร้อยละ 4.9 อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้มีงานทำ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี 42 มาอยู่ที่จำนวน 65.02 ล้านคน เป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 หลังจากที่เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 33 เดือนในเดือน ต.ค.43 ซึ่งหมายถึงตลาดแรงงานกำลังขยายตัว โดยในเดือน พ.ย.นี้ อัตราส่วนระหว่างตำแหน่งงานต่อผู้สมัครงานเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 0.65 ซึ่งหมายถึงมีตำแหน่งงานว่าง 65 ตำแหน่งต่อผู้สมัครงานทุก 100 คน เพิ่มขึ้นจากจำนวน 64 ตำแหน่ง ในเดือน ต.ค.43 (รอยเตอร์ 26)
2. การใช้จ่ายของครัวเรือนญี่ปุ่นลดลงร้อยละ 2.3 ในเดือน พ.ย.43 รายงานจากโตเกียว เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.43 สำนักบริหารและประสานงานของญี่ปุ่นรายงานว่า เดือน พ.ย.43 การใช้จ่ายของครัวเรือนญี่ปุ่นที่มีเงินได้ในรูปค่าจ้าง ตามราคาที่แท้จริง (real terms) ลดลงร้อยละ 2.3 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี 42 จากที่ลดลงร้อยละ 0.1 ในเดือน ต.ค.43 แต่หากคิดตามราคาที่เป็นตัวเงิน (nominal terms) การใช้จ่ายฯ ลดลงถึงร้อยละ 3.0 จากที่ลดลงร้อยละ 1.3 ในเดือน ต.ค.43 ขณะที่รายได้ของครัวเรือนตามราคาที่แท้จริงเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี 42 หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 ในเดือน ต.ค.43 แต่หากคิดตามราคาที่เป็นตัวเงิน รายได้ฯ ลดลงร้อยละ 0.1 หลังจากที่ลดลงร้อยละ 0.4 ในเดือน ต.ค.43 ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 17 โดยมีจำนวนเงินรายได้เฉลี่ย 312,376 เยนต่อครัวเรือน ลดลงจากที่มีจำนวนเฉลี่ย 329,233 เยนต่อครัวเรือนในเดือน ต.ค.43 (รอยเตอร์ 26)
3. การขายปลีกของญี่ปุ่นลดลงร้อยละ 0.7 ในเดือน พ.ย. 43 รายงานจากโตเกียว เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 43 ก.การค้าและอุตสาหกรรมระหว่างประเทศ (MITI) ของญี่ปุ่นรายงานว่า เดือน พ.ย.43 การขายปลีกโดยรวมของญี่ปุ่นตามตัวเลขเบื้องต้น ลดลงร้อยละ 0.7 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี 42 หลังจากที่ลดลงร้อยละ 2.2 ในเดือน ต.ค.43 ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 44 โดยในเดือน พ.ย.นี้ การขายปลีกของห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ซึ่งอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของการใช้จ่ายของผู้บริโภค ที่ปรับปัจจัยแตกต่างแล้ว ลดลงร้อยละ 4.1 ลดลงต่อเนื่องจากที่ลดลงร้อยละ 4.8 ในเดือน ต.ค.43 (รอยเตอร์ 26)
4. ดัชนีราคาผู้บริโภคในเขตโตเกียวของญี่ปุ่นลดลงร้อยละ 0.6 ในเดือน ธ.ค.43 รายงานจากโตเกียว เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.43 สำนักบริหารและประสานงานของญี่ปุ่น รายงานว่า เดือน ธ.ค.43 ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในเขตโตเกียวของญี่ปุ่นลดลงร้อยละ 0.6 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี 42 ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 16 ขณะที่ CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่รวมราคาอาหารสด ลดลงร้อยละ 1.0 ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 15 ในวันเดียวกัน สำนักฯ ประกาศตัวเลข CPI รวมของประเทศในเดือน พ.ย.43 ว่า ลดลงร้อยละ 0.5 จากระยะเดียวกันของปี 42 ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 15 โดย CPI พื้นฐานลดลงร้อยละ 0.5 เท่ากัน เป็นการลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 14(รอยเตอร์ 26)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์ สรอ.ระหว่างธนาคาร ณ สิ้นวันทำการ 25 ธ.ค.43 42.068 (42.096)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ที่ ธพ.ซื้อขายกับลูกค้า(ตั๋วเงิน) ณ สิ้นวันทำการ 25 ธ.ค. 43
ซื้อ 41.8952 (41.9398) ขาย 42.2246 (42.2533)
ทองคำแท่ง(บาทละ) ซื้อ 5,450 (5,450) ขาย 5,550 (5,550)
น้ำมันดิบ(ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล) โอมาน - (-)
น้ำมันเบนซินพิเศษ(เพอร์ฟอร์มาโกลด์) 15.59 (15.89) ดีเซลหมุนเร็ว 13.14 (13.44)
หมายเหตุ ตัวเลขในวงเล็บเป็นตัวเลขของวันก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. ยอดการให้กู้ยืมของบีไอบีเอฟมีแนวโน้มลดลง ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายสารสนเทศและประชาสัมพันธ์ ธปท.เปิดเผยว่า การให้กู้ยืมของกิจการวิเทศธนกิจ (บีไอบีเอฟ) มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นเดือน ต.ค.43 มียอดคงค้างทั้งสิ้น 477.6 พัน ล.บาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 23.6 แยกเป็นการให้กู้ยืมแก่ลูกค้าในประเทศ (เอาต์-อิน) จำนวน 415.5 พัน ล.บาท ลดลงร้อยละ 24.1 และเป็นการให้กู้ยืมแก่ลูกค้าต่างประเทศ (เอาต์-เอาต์) จำนวน 62.1 พัน ล.บาท ลดลงร้อยละ 20 โดยกลุ่ม ธพ.ไทยมียอดคงค้างลดลงมากที่สุด คือร้อยละ 38.6 สาเหตุที่การให้กู้ยืมของบีไอบีเอฟลดลง เนื่องจากสภาพคล่องของเงินบาทสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่อัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร (อาร์พี) ระยะ 1 วัน ลดลงเหลือร้อยละ 1.3 ส่งผลให้มีการแปลงหนี้ต่างประเทศเป็นหนี้สกุลเงินบาทมากขึ้น รวมทั้งมีการชำระคืนหนี้ก่อนกำหนดและชำระหนี้ต่างประเทศปกติบางส่วนด้วย ทั้งนี้ ในเดือน ต.ค.43 ภาคธุรกิจที่กู้ยืมผ่านบีไอบีเอฟมากที่สุด คือ อุตสาหกรรมการผลิต โดยมียอดคงค้าง 252.9 พัน ล.บาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 53 ของเงินให้กู้ยืมบีไอบีเอฟทั้งหมด (กรุงเทพธุรกิจ,มติชน 26)
2. ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเป็นไปตามภาวะตลาด นายพิสิฐ ลี้อาธรรม รมช.คลังกล่าวถึงค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ สรอ.ที่แข็งขึ้นอยู่ที่ระดับ 41 บาท/ดอลลาร์ ว่าเกิดจากค่าเงินดอลลาร์ สรอ.อ่อนตัวลง ทำให้เงินยูโรและเงินสกุลสำคัญหลายประเทศปรับตัวแข็งค่าขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องปกติไม่น่าห่วง ประกอบกับเป็นไปตามภาวะตลาดในช่วงสิ้นปี ที่ธุรกรรมทางการน้อยลง คาดว่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นอีก เพราะแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์ยังคงอ่อนลง นอกจากนี้ยังมีปัจจัยสำคัญ คือ ธปท.ได้กำหนดให้ ธพ.เปิดเผยบัญชีเงินบาทที่อยู่นอกประเทศ ตามรายงานการทำธุรกรรมแบบ ธต.3 และ ธต.4 สำหรับปี 44 คาดว่าค่าเงินจะมีความผันผวนอีก รวมถึงค่าเงินบาทของไทย เพราะอัตราดอกเบี้ยในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวลดลง (เดลินิวส์ 26)
3. ก.คลังผลักดันแผนบริหารจัดการความเสี่ยงจากภาระหนี้ต่างประเทศของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นายพิสิฐ ลี้อาธรรม รมช.คลังเปิดเผยว่า ก.คลังได้พยายามผลักดันให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งรวมถึง ธปท. และรัฐวิสาหกิจต่างๆ ให้มีแผนบริหารจัดการความเสี่ยงจากภาระหนี้ต่างประเทศที่มีอยู่อย่างจริงจัง โดยการวางแผนล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน เช่น การซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า หรือซื้อตราสารอนุพันธ์ล่วงหน้า เพื่อชำระหนี้ เพราะวิธีปฏิบัติในปัจจุบันยังมีความเสี่ยงมาก คือ เมื่อครบกำหนดชำระหนี้จะมีการวางฎีกาเบิกเงินเพื่อขอแลกเป็นเงินตราต่างประเทศแล้วนำออกชำระหนี้ทันที (แนวหน้า, มติชน 26)
4. ก.คลังยืนยันฐานะการคลังไม่มีปัญหา ปลัด ก.คลังเปิดเผยว่า ฐานะการคลังของรัฐมิได้มีปัญหา เพราะได้จัดวางแผนงานบริหารเงินคงคลัง ทั้งการกู้ยืมเงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ เช่น การออกพันธบัตรหรือตั๋วเงินคงคลัง และมีเงินสำรองเพียงพอ การจัดเก็บรายได้ยังเป็นไปตามเป้าหมาย สำหรับนโยบายประหยัดเงินตราต่างประเทศนั้น จะให้กรมศุลกากรเข้มงวดการตรวจสอบนักท่องเที่ยวที่ซื้อสินค้าจากต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยมีมูลค่าถึงปีละ 100,000 ล.บาท (วัฏจักร 26)
ข่าวต่างประเทศ
1. อัตราการว่างงานของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับร้อยละ 4.8 ในเดือน พ.ย.43 รายงานจากโตเกียว เมื่อ 26 ธ.ค.43 สำนักบริหารและประสานงานของญี่ปุ่นรายงานว่า เดือน พ.ย.43 อัตราการว่างงานของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับร้อยละ 4.8 จากระดับร้อยละ 4.7 ในเดือน ต.ค.43 นับเป็นอัตราที่สูงที่สุดนับแต่เดือน เม.ย.43 และสูงเกือบเท่ากับเดือน ก.พ.และมี.ค.43 ที่เคยสูงที่สุดเท่าที่มีการบันทึกข้อมูลที่ระดับร้อยละ 4.9 อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้มีงานทำ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี 42 มาอยู่ที่จำนวน 65.02 ล้านคน เป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 หลังจากที่เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 33 เดือนในเดือน ต.ค.43 ซึ่งหมายถึงตลาดแรงงานกำลังขยายตัว โดยในเดือน พ.ย.นี้ อัตราส่วนระหว่างตำแหน่งงานต่อผู้สมัครงานเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 0.65 ซึ่งหมายถึงมีตำแหน่งงานว่าง 65 ตำแหน่งต่อผู้สมัครงานทุก 100 คน เพิ่มขึ้นจากจำนวน 64 ตำแหน่ง ในเดือน ต.ค.43 (รอยเตอร์ 26)
2. การใช้จ่ายของครัวเรือนญี่ปุ่นลดลงร้อยละ 2.3 ในเดือน พ.ย.43 รายงานจากโตเกียว เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.43 สำนักบริหารและประสานงานของญี่ปุ่นรายงานว่า เดือน พ.ย.43 การใช้จ่ายของครัวเรือนญี่ปุ่นที่มีเงินได้ในรูปค่าจ้าง ตามราคาที่แท้จริง (real terms) ลดลงร้อยละ 2.3 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี 42 จากที่ลดลงร้อยละ 0.1 ในเดือน ต.ค.43 แต่หากคิดตามราคาที่เป็นตัวเงิน (nominal terms) การใช้จ่ายฯ ลดลงถึงร้อยละ 3.0 จากที่ลดลงร้อยละ 1.3 ในเดือน ต.ค.43 ขณะที่รายได้ของครัวเรือนตามราคาที่แท้จริงเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี 42 หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 ในเดือน ต.ค.43 แต่หากคิดตามราคาที่เป็นตัวเงิน รายได้ฯ ลดลงร้อยละ 0.1 หลังจากที่ลดลงร้อยละ 0.4 ในเดือน ต.ค.43 ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 17 โดยมีจำนวนเงินรายได้เฉลี่ย 312,376 เยนต่อครัวเรือน ลดลงจากที่มีจำนวนเฉลี่ย 329,233 เยนต่อครัวเรือนในเดือน ต.ค.43 (รอยเตอร์ 26)
3. การขายปลีกของญี่ปุ่นลดลงร้อยละ 0.7 ในเดือน พ.ย. 43 รายงานจากโตเกียว เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 43 ก.การค้าและอุตสาหกรรมระหว่างประเทศ (MITI) ของญี่ปุ่นรายงานว่า เดือน พ.ย.43 การขายปลีกโดยรวมของญี่ปุ่นตามตัวเลขเบื้องต้น ลดลงร้อยละ 0.7 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี 42 หลังจากที่ลดลงร้อยละ 2.2 ในเดือน ต.ค.43 ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 44 โดยในเดือน พ.ย.นี้ การขายปลีกของห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ซึ่งอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของการใช้จ่ายของผู้บริโภค ที่ปรับปัจจัยแตกต่างแล้ว ลดลงร้อยละ 4.1 ลดลงต่อเนื่องจากที่ลดลงร้อยละ 4.8 ในเดือน ต.ค.43 (รอยเตอร์ 26)
4. ดัชนีราคาผู้บริโภคในเขตโตเกียวของญี่ปุ่นลดลงร้อยละ 0.6 ในเดือน ธ.ค.43 รายงานจากโตเกียว เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.43 สำนักบริหารและประสานงานของญี่ปุ่น รายงานว่า เดือน ธ.ค.43 ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในเขตโตเกียวของญี่ปุ่นลดลงร้อยละ 0.6 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี 42 ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 16 ขณะที่ CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่รวมราคาอาหารสด ลดลงร้อยละ 1.0 ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 15 ในวันเดียวกัน สำนักฯ ประกาศตัวเลข CPI รวมของประเทศในเดือน พ.ย.43 ว่า ลดลงร้อยละ 0.5 จากระยะเดียวกันของปี 42 ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 15 โดย CPI พื้นฐานลดลงร้อยละ 0.5 เท่ากัน เป็นการลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 14(รอยเตอร์ 26)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์ สรอ.ระหว่างธนาคาร ณ สิ้นวันทำการ 25 ธ.ค.43 42.068 (42.096)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ที่ ธพ.ซื้อขายกับลูกค้า(ตั๋วเงิน) ณ สิ้นวันทำการ 25 ธ.ค. 43
ซื้อ 41.8952 (41.9398) ขาย 42.2246 (42.2533)
ทองคำแท่ง(บาทละ) ซื้อ 5,450 (5,450) ขาย 5,550 (5,550)
น้ำมันดิบ(ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล) โอมาน - (-)
น้ำมันเบนซินพิเศษ(เพอร์ฟอร์มาโกลด์) 15.59 (15.89) ดีเซลหมุนเร็ว 13.14 (13.44)
หมายเหตุ ตัวเลขในวงเล็บเป็นตัวเลขของวันก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-