สรุปสถานการณ์ :
ดร.สมชัย สัจจพงษ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค) กล่าวว่า คณะผู้บริหารระดับสูงของไอเอ็มเอฟประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมเมืองไทยประจำปีในระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคม ถึง 14 มิถุนายน 2548 ทั้งนี้ ดร.นริศ ชัยสูตร ผู้อำนวยการ สศค. ได้ให้ข้อมูลเจ้าหน้าที่การประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจใหม่ปี 2548 ขยายตัว 4.6-5.1% ซึ่งไอเอ็มเอฟ พอใจและถือว่าเป็นระดับที่ดี แต่ไอเอ็มเอฟ ได้แสดงความเป็นห่วงเรื่องกองทุนน้ำมันว่ารัฐบาลจะมีแนวทางอย่างไรต่อไปกับเรื่องกองทุนน้ำมัน ถ้าหากรัฐบาลมีการลอยตัวน้ำมันดีเซลแล้ว ความเป็นห่วงในเรื่องนี้ของไอเอ็มเอฟก็จะหายไป สำหรับดุลบัญชีเดินสะพัดทางไอเอ็มเอฟเชื่อว่าไทยจะเกินดุลบัญชีเดินสะพัดถึงแม้ในอนาคตอาจจะมีการขาดดุลบ้างก็ตามแต่ก็เป็นไปตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
ไอเอ็มเอฟ สอบถามถึงรายได้ของรัฐบาล และทาง สศค. ได้ยืนยันว่าไทยจะมีรายได้เกินเป้าจากที่ตั้งไว้ที่ 1.25 ล้านบาท หรือเกิน 2-3 พันล้านบาท เพราะมีรายได้เพิ่มจากภาษีเงินได้นิติบุคคล นอกจากนี้ทางไอเอ็มเอฟ ได้ถามถึงการดำเนินการสถาบันการเงินของรัฐ ซึ่งที่ผ่านมาก็สามารถช่วยรัฐกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นอย่างดี โดยที่ไม่มีผลกระทบกับฐานะของธนาคารหรือสร้างให้เกิดหนี้เสียแต่อย่างไร
ทั้งนี้ไอเอ็มเอฟ ยังได้เข้าพบผู้บริหารสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ที่สามารถบริหารหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและอยู่ในกรอบความยั่งยืนทางการคลังไม่เกิน 50% ของการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 43% ของจีดีพีเท่านั้น
ประเด็นวิเคราะห์ :
การเดินทางมาของไอเอ็มเอฟ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เพื่อตรวจเยี่ยมประจำปีและรับทราบว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยจะขยายตัว 4.6% ซึ่งคาดการณ์ว่าดีกว่าเศรษฐกิจโลก และได้แสดงความเห็นใจในผลกระทบหลายๆ ด้าน แต่สำหรับการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 2549 ไอเอ็มเอฟไม่ได้วิตกแต่อย่างใดหลังจากที่ไทยเดินหน้าโครงการเมกะโปรเจกต์ซึ่งจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิฐโดยรวม
ที่มา: http://www.depthai.go.th
-ดท-