ข่าวในประเทศ
1. แนวทางการโอนเอ็นพีแอลของธนาคารรัฐและ ธพ.เอกชนไปยังทีเอเอ็มซี ผู้ช่วยผู้ว่าการสายจัดการกองทุน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า ลูกหนี้ของสถาบันการเงินที่เข้าข่ายต้องโอนไปยังบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย(ทีเอเอ็มซี)นั้น สายนโยบายสถาบันการเงิน ธปท.จะพิจารณาจากคุณสมบัติเบื้องต้นคือ เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ที่มีเจ้าหนี้ 2 รายหรือมากกว่า และมีหนี้คงค้างมากกว่า 5 ล.บาท ซึ่งตามคุณสมบัตินี้มีลูกหนี้เอ็นพีแอลเข้าข่ายจำนวน 1.35 ล้านล้านบาท เป็นส่วนของธนาคารรัฐ 1.1 ล้านล้านบาท และ ธพ.เอกชน 2.5 แสน ล.บาท สำหรับแนวทางการโอนสินทรัพย์ของธนาคารรัฐและ ธพ.เอกชนไปยังทีเอเอ็มซี ในส่วนของธนาคารรัฐ ทีเอเอ็มซีจะเข้าซื้อหุ้นในเอเอ็มซีของธนาคารรัฐ และให้แต่ละเอเอ็มซีบริหารสินทรัพย์ภายใต้ทีเอเอ็มซี โดยซื้อหุ้นในราคาที่ธนาคารรัฐมีทุนใหม่เพียงพอที่จะดำเนินการต่อไปได้ และเมื่อทีเอเอ็มซีถือหุ้นของเอเอ็มซีเกินครึ่งจะสามารถตัดหนี้ออกจากการเป็นเอ็นพีแอลของธนาคารรัฐได้ ในส่วนของ ธพ.เอกชนจะใช้วิธีการซื้อโดยใช้สูตรที่กำหนดคือ ราคามูลค่าทางบัญชีหักสำรอง และมีการแบ่งกำไรและความเสียหายในอนาคต (กรุงเทพธุรกิจ, ข่าวสด 2)
2. ธปท. หารือ ธ.โลกและสมาคมธนาคารเพื่อจัดตั้งสถาบันประกันเงินฝาก แหล่งข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. และ ธ.โลกได้หารือร่วมกับสมาคมธนาคารไทย สมาคมธนาคารต่างประเทศ และสมาคมบริษัทเงินทุนเรื่องการจัดตั้งสถาบันประกันเงินฝาก (DIA) โดย ธ. โลกได้เสนอรายละเอียดการจัดตั้งสถาบันประกันเงินฝากให้ทั้ง 3 สมาคมรับทราบ ซึ่งคาดว่าจะจัดตั้งสถาบันประกันเงินฝากขึ้นได้ในปี 45 สำหรับความคืบหน้าการร่าง พ.ร.บ.สถาบันประกันเงินฝากนั้น ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)เปิดเผยว่า สศค.จะร่วมกับ ธปท. เปิดรับฟังความคิดเห็น(ประชาพิจารณ์)จากผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นการทั่วไปเพื่อนำมาประกอบการจัดทำร่าง พ.ร.บ.ให้เสร็จภายในสิ้นปี งปม.45 ทั้งนี้ ร่าง พ.ร.บ.สถาบันประกันเงินฝากจะใช้แนวทางจากร่างเดิมที่เคยนำออกใช้ในช่วงโปรแกรมการกู้เงินของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ)เข้าประกอบตามความเหมาะสม แต่จะกำหนดรายละเอียดวงเงินรับประกันไม่เหมือนกัน และสถาบันการเงินต้องจ่ายเงินสมทบให้สถาบันประกันเงินฝากเช่นเดียวกับที่จ่ายให้กับกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน.(โลกวันนี้, แนวหน้า 2)
3. ผลการสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือประจำเดือน ก.พ.44 ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศ สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเผยว่า การสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจประจำเดือน ก.พ.44 ของผู้ประกอบธุรกิจในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ที่ระดับร้อยละ 47.7 ลดลงจากเดือน ม.ค.44 ซึ่งอยู่ที่ระดับร้อยละ 50.9 ต่ำกว่าระดับที่มีเสถียรภาพ ซึ่งเป็นผลจากความเชื่อมั่นด้านผลประกอบการ อำนาจซื้อของประชาชน การลงทุนโดยรวมและต้นทุนลดลงจากเดือน ม.ค.44 สำหรับแนวโน้มความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือน มี.ค.44 คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นเป็นร้อยละ 50.2.(กรุงเทพธุรกิจ 2)
ข่าวต่างประเทศ
1. รายได้ส่วนบุคคลของ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 ในเดือน ก.พ.44 รายงานจากวอชิงตันเมื่อ 30 มี.ค.44 ก.พาณิชย์รายงานว่า เดือน ก.พ.44 รายได้ส่วนบุคคลของ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 ในเดือน ม.ค.44 หลังปรับตัวเลข และตัวเลขเบื้องต้นที่ร้อยละ 0.6 ส่วนรายได้ที่สามารถใช้จ่ายได้ (Disposable income) เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 เช่นเดียวกัน(หลังปรับตัวเลข)ในเดือน ม.ค.และตัวเลขเบื้องต้นที่ร้อยละ 0.5 ขณะเดียวกัน การใช้จ่ายเพื่อการบริโภคในเดือน ก.พ มีจำนวน 7.004 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.0 ในเดือน ม.ค.44 หลังปรับตัวเลข และตัวเลขเบื้องต้นที่ร้อยละ 0.7 ซึ่งรายได้ส่วนบุคคลและการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคในเดือน ก.พ.44 สูงกว่าความคาดหมายของรอยเตอร์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.3 ทั้งนี้ การใช้จ่ายเพื่อการบริโภคในเดือน ม.ค.44 ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.0 หลังปรับตัวเลขนั้น นับเป็นอัตราการเพิ่มสูงที่สุดตั้งแต่เดือน ก.พ.43 ที่การใช้จ่ายฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 และการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 ในเดือน ก.พ.44 มีสาเหตุจากการใช้จ่ายสินค้าคงทนคิดเป็นมูลค่า 845.6 พัน ล.ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 832.0 พัน ล. ดอลลาร์ ในเดือน ม.ค.44 อย่างไรก็ตาม ในเดือน ม.ค.และ ก.พ.44 อัตราการออมของ สรอ.ยังอยู่ในระดับติดลบร้อยละ 1.3 (รอยเตอร์ 30)
2. ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค สรอ. เพิ่มขึ้นในเดือน มี.ค. 44 รายงานจากนิวยอร์กเมื่อ 30 มี.ค. 44 มหาวิทยาลัย มิชิแกน รายงานดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค สรอ. หลังทบทวนตัวเลขแล้วในเดือน มี.ค. 44 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 91.5 จากระดับ 90.6 ในเดือน ก.พ. 44 นับเป็นความเชื่อมั่นที่ฟื้นตัวขึ้นหลังจากที่ได้ลดลงติดต่อกัน 3 เดือน และตรงข้ามกับที่นักเศรษฐศาสตร์เคยคาดไว้ว่าจะลดลงอยู่ที่ระดับ 90.2 เนื่องจากราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ที่ลดลงในช่วงเดือนดังกล่าวและการประกาศเลิกจ้างงานจากบริษัทขนาดใหญ่ที่ประสบปัญหาจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาอย่างหนัก ซึ่งจากรายงานครั้งนี้ ได้เพิ่มความหวังว่าเศรษฐกิจที่ตกต่ำอย่างรุนแรงของ สรอ. อาจจะถึงจุดต่ำสุดแล้ว (รอยเตอร์30)
3. ความเชื่อมั่นทางธุรกิจของญี่ปุ่นลดลงในเดือน มี.ค. 44 รายงานจากโตเกียวเมื่อ 2 เม.ย. 44 ธ. กลางญี่ปุ่น เปิดเผยผลการสำรวจภาวะธุรกิจรายไตรมาส(Tankan) พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมขนาดใหญ่อยู่ที่ - 5 ลดลงจากระดับ +10 ในเดือน ธ.ค. 43 และต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ว่าจะอยู่ที่ระดับ 0 ขณะเดียวกัน ความเชื่อมั่นของอุตสาหกรรมขนาดกลาง อยู่ที่ระดับ -15 จากระดับ +2 และอุตสาหกรรมขนาดเล็กอยู่ที่ระดับ -27 จากระดับ - 16 นับเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ไตรมาสที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมขนาดใญ่ทรุดต่ำลง จากรายงานครั้งนี้เกื้อหนุนแนวคิดของนักวิเคราะห์ที่เห็นว่าเศรษฐกิจโลกกำลังชะลอตัวลง โดยเฉพาะเศรษฐกิจของ สรอ. และ เอเชีย ที่กำลังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความเชื่อมั่นของธุรกิจ เนื่องจากผู้ประกอบการอุตสาหกรรมประสบปัญหาอย่างมากกับความต้องการสินค้าที่ลดลง(รอยเตอร์2)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์ สรอ.ระหว่างธนาคาร ณ สิ้นวันทำการ 30 มี.ค. 44 44.868 (44.670)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ที่ ธพ.ซื้อขายกับลูกค้า(ตั๋วเงิน) ณ สิ้นวันทำการ 30 มี.ค. 44ซื้อ 44.6226 (44.4517) ขาย 44.9225 (44.7680)
ทองคำแท่ง(บาทละ) ซื้อ 5,450 (5,450) ขาย 5,550 (5,550)
น้ำมันดิบ(ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล) โอมาน 22.33 (21.96)
น้ำมันเบนซินพิเศษ(เพอร์ฟอร์มาโกลด์) 16.09 (16.09) ดีเซลหมุนเร็ว 13.34 (13.34)
หมายเหตุ ตัวเลขในวงเล็บเป็นตัวเลขของวันก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. แนวทางการโอนเอ็นพีแอลของธนาคารรัฐและ ธพ.เอกชนไปยังทีเอเอ็มซี ผู้ช่วยผู้ว่าการสายจัดการกองทุน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า ลูกหนี้ของสถาบันการเงินที่เข้าข่ายต้องโอนไปยังบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย(ทีเอเอ็มซี)นั้น สายนโยบายสถาบันการเงิน ธปท.จะพิจารณาจากคุณสมบัติเบื้องต้นคือ เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ที่มีเจ้าหนี้ 2 รายหรือมากกว่า และมีหนี้คงค้างมากกว่า 5 ล.บาท ซึ่งตามคุณสมบัตินี้มีลูกหนี้เอ็นพีแอลเข้าข่ายจำนวน 1.35 ล้านล้านบาท เป็นส่วนของธนาคารรัฐ 1.1 ล้านล้านบาท และ ธพ.เอกชน 2.5 แสน ล.บาท สำหรับแนวทางการโอนสินทรัพย์ของธนาคารรัฐและ ธพ.เอกชนไปยังทีเอเอ็มซี ในส่วนของธนาคารรัฐ ทีเอเอ็มซีจะเข้าซื้อหุ้นในเอเอ็มซีของธนาคารรัฐ และให้แต่ละเอเอ็มซีบริหารสินทรัพย์ภายใต้ทีเอเอ็มซี โดยซื้อหุ้นในราคาที่ธนาคารรัฐมีทุนใหม่เพียงพอที่จะดำเนินการต่อไปได้ และเมื่อทีเอเอ็มซีถือหุ้นของเอเอ็มซีเกินครึ่งจะสามารถตัดหนี้ออกจากการเป็นเอ็นพีแอลของธนาคารรัฐได้ ในส่วนของ ธพ.เอกชนจะใช้วิธีการซื้อโดยใช้สูตรที่กำหนดคือ ราคามูลค่าทางบัญชีหักสำรอง และมีการแบ่งกำไรและความเสียหายในอนาคต (กรุงเทพธุรกิจ, ข่าวสด 2)
2. ธปท. หารือ ธ.โลกและสมาคมธนาคารเพื่อจัดตั้งสถาบันประกันเงินฝาก แหล่งข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. และ ธ.โลกได้หารือร่วมกับสมาคมธนาคารไทย สมาคมธนาคารต่างประเทศ และสมาคมบริษัทเงินทุนเรื่องการจัดตั้งสถาบันประกันเงินฝาก (DIA) โดย ธ. โลกได้เสนอรายละเอียดการจัดตั้งสถาบันประกันเงินฝากให้ทั้ง 3 สมาคมรับทราบ ซึ่งคาดว่าจะจัดตั้งสถาบันประกันเงินฝากขึ้นได้ในปี 45 สำหรับความคืบหน้าการร่าง พ.ร.บ.สถาบันประกันเงินฝากนั้น ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)เปิดเผยว่า สศค.จะร่วมกับ ธปท. เปิดรับฟังความคิดเห็น(ประชาพิจารณ์)จากผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นการทั่วไปเพื่อนำมาประกอบการจัดทำร่าง พ.ร.บ.ให้เสร็จภายในสิ้นปี งปม.45 ทั้งนี้ ร่าง พ.ร.บ.สถาบันประกันเงินฝากจะใช้แนวทางจากร่างเดิมที่เคยนำออกใช้ในช่วงโปรแกรมการกู้เงินของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ)เข้าประกอบตามความเหมาะสม แต่จะกำหนดรายละเอียดวงเงินรับประกันไม่เหมือนกัน และสถาบันการเงินต้องจ่ายเงินสมทบให้สถาบันประกันเงินฝากเช่นเดียวกับที่จ่ายให้กับกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน.(โลกวันนี้, แนวหน้า 2)
3. ผลการสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือประจำเดือน ก.พ.44 ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศ สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเผยว่า การสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจประจำเดือน ก.พ.44 ของผู้ประกอบธุรกิจในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ที่ระดับร้อยละ 47.7 ลดลงจากเดือน ม.ค.44 ซึ่งอยู่ที่ระดับร้อยละ 50.9 ต่ำกว่าระดับที่มีเสถียรภาพ ซึ่งเป็นผลจากความเชื่อมั่นด้านผลประกอบการ อำนาจซื้อของประชาชน การลงทุนโดยรวมและต้นทุนลดลงจากเดือน ม.ค.44 สำหรับแนวโน้มความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือน มี.ค.44 คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นเป็นร้อยละ 50.2.(กรุงเทพธุรกิจ 2)
ข่าวต่างประเทศ
1. รายได้ส่วนบุคคลของ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 ในเดือน ก.พ.44 รายงานจากวอชิงตันเมื่อ 30 มี.ค.44 ก.พาณิชย์รายงานว่า เดือน ก.พ.44 รายได้ส่วนบุคคลของ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 ในเดือน ม.ค.44 หลังปรับตัวเลข และตัวเลขเบื้องต้นที่ร้อยละ 0.6 ส่วนรายได้ที่สามารถใช้จ่ายได้ (Disposable income) เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 เช่นเดียวกัน(หลังปรับตัวเลข)ในเดือน ม.ค.และตัวเลขเบื้องต้นที่ร้อยละ 0.5 ขณะเดียวกัน การใช้จ่ายเพื่อการบริโภคในเดือน ก.พ มีจำนวน 7.004 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.0 ในเดือน ม.ค.44 หลังปรับตัวเลข และตัวเลขเบื้องต้นที่ร้อยละ 0.7 ซึ่งรายได้ส่วนบุคคลและการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคในเดือน ก.พ.44 สูงกว่าความคาดหมายของรอยเตอร์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.3 ทั้งนี้ การใช้จ่ายเพื่อการบริโภคในเดือน ม.ค.44 ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.0 หลังปรับตัวเลขนั้น นับเป็นอัตราการเพิ่มสูงที่สุดตั้งแต่เดือน ก.พ.43 ที่การใช้จ่ายฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 และการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 ในเดือน ก.พ.44 มีสาเหตุจากการใช้จ่ายสินค้าคงทนคิดเป็นมูลค่า 845.6 พัน ล.ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 832.0 พัน ล. ดอลลาร์ ในเดือน ม.ค.44 อย่างไรก็ตาม ในเดือน ม.ค.และ ก.พ.44 อัตราการออมของ สรอ.ยังอยู่ในระดับติดลบร้อยละ 1.3 (รอยเตอร์ 30)
2. ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค สรอ. เพิ่มขึ้นในเดือน มี.ค. 44 รายงานจากนิวยอร์กเมื่อ 30 มี.ค. 44 มหาวิทยาลัย มิชิแกน รายงานดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค สรอ. หลังทบทวนตัวเลขแล้วในเดือน มี.ค. 44 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 91.5 จากระดับ 90.6 ในเดือน ก.พ. 44 นับเป็นความเชื่อมั่นที่ฟื้นตัวขึ้นหลังจากที่ได้ลดลงติดต่อกัน 3 เดือน และตรงข้ามกับที่นักเศรษฐศาสตร์เคยคาดไว้ว่าจะลดลงอยู่ที่ระดับ 90.2 เนื่องจากราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ที่ลดลงในช่วงเดือนดังกล่าวและการประกาศเลิกจ้างงานจากบริษัทขนาดใหญ่ที่ประสบปัญหาจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาอย่างหนัก ซึ่งจากรายงานครั้งนี้ ได้เพิ่มความหวังว่าเศรษฐกิจที่ตกต่ำอย่างรุนแรงของ สรอ. อาจจะถึงจุดต่ำสุดแล้ว (รอยเตอร์30)
3. ความเชื่อมั่นทางธุรกิจของญี่ปุ่นลดลงในเดือน มี.ค. 44 รายงานจากโตเกียวเมื่อ 2 เม.ย. 44 ธ. กลางญี่ปุ่น เปิดเผยผลการสำรวจภาวะธุรกิจรายไตรมาส(Tankan) พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมขนาดใหญ่อยู่ที่ - 5 ลดลงจากระดับ +10 ในเดือน ธ.ค. 43 และต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ว่าจะอยู่ที่ระดับ 0 ขณะเดียวกัน ความเชื่อมั่นของอุตสาหกรรมขนาดกลาง อยู่ที่ระดับ -15 จากระดับ +2 และอุตสาหกรรมขนาดเล็กอยู่ที่ระดับ -27 จากระดับ - 16 นับเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ไตรมาสที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมขนาดใญ่ทรุดต่ำลง จากรายงานครั้งนี้เกื้อหนุนแนวคิดของนักวิเคราะห์ที่เห็นว่าเศรษฐกิจโลกกำลังชะลอตัวลง โดยเฉพาะเศรษฐกิจของ สรอ. และ เอเชีย ที่กำลังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความเชื่อมั่นของธุรกิจ เนื่องจากผู้ประกอบการอุตสาหกรรมประสบปัญหาอย่างมากกับความต้องการสินค้าที่ลดลง(รอยเตอร์2)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์ สรอ.ระหว่างธนาคาร ณ สิ้นวันทำการ 30 มี.ค. 44 44.868 (44.670)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ที่ ธพ.ซื้อขายกับลูกค้า(ตั๋วเงิน) ณ สิ้นวันทำการ 30 มี.ค. 44ซื้อ 44.6226 (44.4517) ขาย 44.9225 (44.7680)
ทองคำแท่ง(บาทละ) ซื้อ 5,450 (5,450) ขาย 5,550 (5,550)
น้ำมันดิบ(ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล) โอมาน 22.33 (21.96)
น้ำมันเบนซินพิเศษ(เพอร์ฟอร์มาโกลด์) 16.09 (16.09) ดีเซลหมุนเร็ว 13.34 (13.34)
หมายเหตุ ตัวเลขในวงเล็บเป็นตัวเลขของวันก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-