1. สถานการณ์สินค้า
1.1 สินค้าที่มีปัญหา
ไก่เนื้อ : ราคาไก่เนื้ออ่อนตัวลง
ราคาไก่เนื้อได้เริ่มอ่อนตัวลงตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ โดยราคาได้เริ่มลดลงจากกิโลกรัมละ 24.04 บาท เมื่อต้นเดือนมีนาคมและขณะนี้ลดลงเหลือกิโลกรัมละ 21.97 บาท ขณะที่ต้นทุนการผลิตไก่เนื้อกิโลกรัมละ 22.10 บาท เนื่องจากภาวะการส่งออกค่อนข้างซบเซาทั้งในตลาดญี่ปุ่นและสหภาพยุโรป เพราะว่าส่วนใหญ่ได้มีคำสั่งซื้อตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ทำให้มีสต็อกสินค้าอยู่ค่อนข้างมาก การสั่งซื้อในช่วงต้นปีจึงมีน้อย ขณะที่การซื้อขายภายในประเทศยังค่อนข้างซบเซา การบริโภคมีน้อย กอปรกับมีการปลดแม่ไก่ไข่จำนวนมาก เนื่องจากราคาไข่ไก่ตกต่ำทำให้มีไก่เข้าสู่ตลาดในปริมาณมาก ส่งผลให้ราคาไก่เนื้ออ่อนตัวลงจากกิโลกรัมละ 22.17 บาท ในสัปดาห์ที่แล้ว เหลือกิโลกรัมละ 21.97 บาทในสัปดาห์นี้
คาดว่าแนวโน้มราคาไก่เนื้อจะแข็งตัวขึ้นจากการที่สภาวะอากาศร้อนและการขาดแคลนน้ำ ทำให้ไก่เจริญเติบโตช้า รวมทั้งผู้เลี้ยงลดปริมาณการเลี้ยง และการเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์ ทำให้ความต้องการบริโภคไก่เนื้อเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาไก่เนื้อน่าจะปรับตัวสูงขึ้น
1.2 สินค้าที่ต้องคอยเฝ้าระวัง
ลำไย : คาดว่าราคาจะตกต่ำ
ตามที่ศูนย์สารสนเทศการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดคะเนผลผลิตลำไยปี 2543 ว่าจะมีปริมาณผลผลิตรวมทั้งประเทศ 358,420 ตัน เพิ่มขึ้นจาก 142,553 ตัน ในปี 2542 ร้อยละ 151.43 เนื่องจากในช่วงปลายปี 2542-เดือนกุมภาพันธ์ 2543 สภาพภูมิอากาศหนาวเย็นติดต่อเป็นเวลานานเอื้ออำนวยต่อการออกดอก รวมทั้งมีการใช้สารโปตัสเซียมคลอเรทมากขึ้น โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่และลำพูน ซึ่งเป็นแหล่งผลิตที่สำคัญทั้งนี้ผลผลิตลำไยจะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับผลผลิตลำไยของจีนออกสู่ตลาด ประกอบกับประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สำคัญของไทยมีกำลังการซื้อลดลง เนื่องจากภาวะทางเศรษฐกิจ จากสถานการณ์ดังกล่าวจึงคาดว่าราคาลำไยจะตกต่ำในช่วงผลผลิตออกมาก ส่งผลให้เกษตรกรได้รับความเดือนร้อนได้นั้น
จากการติดตามสถานการณ์การผลิตลำไยพบว่าในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคมที่ผ่านมา อากาศค่อนข้างร้อนและเกิดฝนหลงฤดู ทำให้ดอกร่วงและเป็นดอกตัวผู้ค่อนข้างมาก ติดผลประมาณร้อยละ 50 และคาดว่าจะเกิดพายุฤดูร้อนซ้ำอีกในช่วงเดือนเมษายนนี้ สถานการณ์ดังกล่าวจะมีผลให้ปริมาณผลผลิตลำไยลดลงจากที่ประมาณการไว้ในครั้งแรก
อย่างไรก็ตามเพื่อเตรียมการแก้ไขปัญหาราคาลำไยซึ่งอาจตกต่ำได้โดยเฉพาะในช่วงผลผลิตออกมาก กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยศูนย์ผลักดันสินค้าเกษตรเพื่อการส่งออกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และภาคเอกชนจัดทำโครงการผลักดันและเร่งรัดการตลาดลำไย ปี 2543 ประกอบด้วย 5 แผนงาน คือ แผนเร่งระบายผลผลิตลำไยสดในตลาดเชียงใหม่ และลำพูน แผนนำลำไยสดทั้งผลไปอบแห้งและแปรรูปเป็นลำไยกระป๋อง แผนการจัดสร้างห้องเย็นเก็บผลผลิต และแผนการจัดสร้างโรงรมควันลำไยสดด้วยซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และอุปกรณ์ลำไยอบแห้ง ซึ่งขณะนี้โครงการฯ ดังกล่าวอยู่ระหว่างขอเสนอความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร เพื่อขอใช้เงินจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ทั้งนี้สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและรายงานให้ทราบเป็นระยะ ๆ ต่อไป
2. สถานการณ์สินค้าเกษตรที่สำคัญ
การผลิตสินค้าเกษตร : การรณรงค์เพื่อการผลิตสินค้าเกษตรที่ได้คุณภาพมาตรฐานและปลอดภัยต่อการบริโภค
คณะกรรมการบริหารโครงการรณรงค์เพื่อการผลิตสินค้าเกษตรที่ได้คุณภาพมาตรฐาน ได้มีการประชุมเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2543 โดยมี ฯพณฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง-เกษตรและสหกรณ์เป็นประธาน ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาถึงกรอบแผนปฏิบัติงาน ปี 2543 และมีมติมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดทำแผนปฏิบัติการของสินค้าเกษตร โดยเน้นการดำเนินการ 3 เรื่อง คือ
1. การรณรงค์เพื่อให้เกษตรกรและผู้บริโภคตระหนักถึงความสำคัญของคุณภาพมาตรฐาน และความปลอดภัยต่อการบริโภคของสินค้า
2. การรณรงค์เพื่อให้เกษตรกรลดการใช้สารเคมีโดยใช้ชีวินทรีย์ และสารสกัดจากธรรมชาติแทน
3. การรณรงค์เพื่อให้เกษตรกรผลิตสินค้าให้ได้คุณภาพมาตรฐานและปลอดภัยต่อการบริโภคเป็นรายสินค้า
การดำเนินงานดังกล่าวครอบคลุมสินค้าพืชเป้าหมาย ประเภทไม้ผล ได้แก่ ทุเรียน ลำไย สับปะรด ประเภทผัก ได้แก่ พืชตระกูลกะหล่ำ เช่น กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก ผักกาดขาวปลี ผักกาดเขียวปลี คะน้า กวางตุ้ง ผักกาดหัว และบรอคโคลี่ ประเภทไม้ดอก ได้แก่ กล้วยไม้ สำหรับสินค้าปศุสัตว์ ได้แก่ สุกร และไก่ สินค้าประมงได้แก่ กุ้งกุลาดำ ตลอดจนให้มีการตรวจสอบรับรองคุณภาพสินค้า และระบบควบคุมคุณภาพในพืช ปศุสัตว์ และประมง รวมทั้งการส่งเสริมด้านการตลาด สำหรับพืช ปศุสัตว์และประมง--จบ--
1.1 สินค้าที่มีปัญหา
ไก่เนื้อ : ราคาไก่เนื้ออ่อนตัวลง
ราคาไก่เนื้อได้เริ่มอ่อนตัวลงตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ โดยราคาได้เริ่มลดลงจากกิโลกรัมละ 24.04 บาท เมื่อต้นเดือนมีนาคมและขณะนี้ลดลงเหลือกิโลกรัมละ 21.97 บาท ขณะที่ต้นทุนการผลิตไก่เนื้อกิโลกรัมละ 22.10 บาท เนื่องจากภาวะการส่งออกค่อนข้างซบเซาทั้งในตลาดญี่ปุ่นและสหภาพยุโรป เพราะว่าส่วนใหญ่ได้มีคำสั่งซื้อตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ทำให้มีสต็อกสินค้าอยู่ค่อนข้างมาก การสั่งซื้อในช่วงต้นปีจึงมีน้อย ขณะที่การซื้อขายภายในประเทศยังค่อนข้างซบเซา การบริโภคมีน้อย กอปรกับมีการปลดแม่ไก่ไข่จำนวนมาก เนื่องจากราคาไข่ไก่ตกต่ำทำให้มีไก่เข้าสู่ตลาดในปริมาณมาก ส่งผลให้ราคาไก่เนื้ออ่อนตัวลงจากกิโลกรัมละ 22.17 บาท ในสัปดาห์ที่แล้ว เหลือกิโลกรัมละ 21.97 บาทในสัปดาห์นี้
คาดว่าแนวโน้มราคาไก่เนื้อจะแข็งตัวขึ้นจากการที่สภาวะอากาศร้อนและการขาดแคลนน้ำ ทำให้ไก่เจริญเติบโตช้า รวมทั้งผู้เลี้ยงลดปริมาณการเลี้ยง และการเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์ ทำให้ความต้องการบริโภคไก่เนื้อเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาไก่เนื้อน่าจะปรับตัวสูงขึ้น
1.2 สินค้าที่ต้องคอยเฝ้าระวัง
ลำไย : คาดว่าราคาจะตกต่ำ
ตามที่ศูนย์สารสนเทศการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดคะเนผลผลิตลำไยปี 2543 ว่าจะมีปริมาณผลผลิตรวมทั้งประเทศ 358,420 ตัน เพิ่มขึ้นจาก 142,553 ตัน ในปี 2542 ร้อยละ 151.43 เนื่องจากในช่วงปลายปี 2542-เดือนกุมภาพันธ์ 2543 สภาพภูมิอากาศหนาวเย็นติดต่อเป็นเวลานานเอื้ออำนวยต่อการออกดอก รวมทั้งมีการใช้สารโปตัสเซียมคลอเรทมากขึ้น โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่และลำพูน ซึ่งเป็นแหล่งผลิตที่สำคัญทั้งนี้ผลผลิตลำไยจะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับผลผลิตลำไยของจีนออกสู่ตลาด ประกอบกับประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สำคัญของไทยมีกำลังการซื้อลดลง เนื่องจากภาวะทางเศรษฐกิจ จากสถานการณ์ดังกล่าวจึงคาดว่าราคาลำไยจะตกต่ำในช่วงผลผลิตออกมาก ส่งผลให้เกษตรกรได้รับความเดือนร้อนได้นั้น
จากการติดตามสถานการณ์การผลิตลำไยพบว่าในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคมที่ผ่านมา อากาศค่อนข้างร้อนและเกิดฝนหลงฤดู ทำให้ดอกร่วงและเป็นดอกตัวผู้ค่อนข้างมาก ติดผลประมาณร้อยละ 50 และคาดว่าจะเกิดพายุฤดูร้อนซ้ำอีกในช่วงเดือนเมษายนนี้ สถานการณ์ดังกล่าวจะมีผลให้ปริมาณผลผลิตลำไยลดลงจากที่ประมาณการไว้ในครั้งแรก
อย่างไรก็ตามเพื่อเตรียมการแก้ไขปัญหาราคาลำไยซึ่งอาจตกต่ำได้โดยเฉพาะในช่วงผลผลิตออกมาก กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยศูนย์ผลักดันสินค้าเกษตรเพื่อการส่งออกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และภาคเอกชนจัดทำโครงการผลักดันและเร่งรัดการตลาดลำไย ปี 2543 ประกอบด้วย 5 แผนงาน คือ แผนเร่งระบายผลผลิตลำไยสดในตลาดเชียงใหม่ และลำพูน แผนนำลำไยสดทั้งผลไปอบแห้งและแปรรูปเป็นลำไยกระป๋อง แผนการจัดสร้างห้องเย็นเก็บผลผลิต และแผนการจัดสร้างโรงรมควันลำไยสดด้วยซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และอุปกรณ์ลำไยอบแห้ง ซึ่งขณะนี้โครงการฯ ดังกล่าวอยู่ระหว่างขอเสนอความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร เพื่อขอใช้เงินจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ทั้งนี้สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและรายงานให้ทราบเป็นระยะ ๆ ต่อไป
2. สถานการณ์สินค้าเกษตรที่สำคัญ
การผลิตสินค้าเกษตร : การรณรงค์เพื่อการผลิตสินค้าเกษตรที่ได้คุณภาพมาตรฐานและปลอดภัยต่อการบริโภค
คณะกรรมการบริหารโครงการรณรงค์เพื่อการผลิตสินค้าเกษตรที่ได้คุณภาพมาตรฐาน ได้มีการประชุมเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2543 โดยมี ฯพณฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง-เกษตรและสหกรณ์เป็นประธาน ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาถึงกรอบแผนปฏิบัติงาน ปี 2543 และมีมติมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดทำแผนปฏิบัติการของสินค้าเกษตร โดยเน้นการดำเนินการ 3 เรื่อง คือ
1. การรณรงค์เพื่อให้เกษตรกรและผู้บริโภคตระหนักถึงความสำคัญของคุณภาพมาตรฐาน และความปลอดภัยต่อการบริโภคของสินค้า
2. การรณรงค์เพื่อให้เกษตรกรลดการใช้สารเคมีโดยใช้ชีวินทรีย์ และสารสกัดจากธรรมชาติแทน
3. การรณรงค์เพื่อให้เกษตรกรผลิตสินค้าให้ได้คุณภาพมาตรฐานและปลอดภัยต่อการบริโภคเป็นรายสินค้า
การดำเนินงานดังกล่าวครอบคลุมสินค้าพืชเป้าหมาย ประเภทไม้ผล ได้แก่ ทุเรียน ลำไย สับปะรด ประเภทผัก ได้แก่ พืชตระกูลกะหล่ำ เช่น กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก ผักกาดขาวปลี ผักกาดเขียวปลี คะน้า กวางตุ้ง ผักกาดหัว และบรอคโคลี่ ประเภทไม้ดอก ได้แก่ กล้วยไม้ สำหรับสินค้าปศุสัตว์ ได้แก่ สุกร และไก่ สินค้าประมงได้แก่ กุ้งกุลาดำ ตลอดจนให้มีการตรวจสอบรับรองคุณภาพสินค้า และระบบควบคุมคุณภาพในพืช ปศุสัตว์ และประมง รวมทั้งการส่งเสริมด้านการตลาด สำหรับพืช ปศุสัตว์และประมง--จบ--