ภาคต่างประเทศ : ภาวะเศรษฐกิจโลก
จากการประมาณการของกองทุนการเงินระหว่างประเทศเมื่อเดือนตุลาคม 2543 คาดว่าเศรษฐกิจโลก จะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 3.4 ในปี 2542 เป็นร้อยละ 4.7 ในปี 2543 เป็นผลจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจของทุกกลุ่มประเทศ โดยเฉพาะการขยายตัวต่อเนื่องของสหรัฐอเมริกา และยุโรป และการฟื้นตัวของภูมิภาคเอเชีย ละตินอเมริกา และตะวันออกกลาง อย่างไรก็ตาม ในปลายปี 2543 เศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลงเร็วกว่าที่คาด
ปริมาณการค้าโลก คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นมากจากปีก่อน โดยมีอัตราการขยายตัวร้อยละ 10.0 ในปี 2543 เทียบกับร้อยละ 5.1 ในปี 2542 เป็นผลจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศที่ประสบวิกฤตการณ์ทางการเงิน และการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องของประเทศพัฒนาแล้ว
อัตราเงินเฟ้อ ในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วคาดว่ายังคงอยู่ในระดับต่ำโดยขยายตัวร้อยละ 2.3 ในปี 2543 โดยญี่ปุ่นมีอัตราเงินเฟ้อติดลบร้อยละ 0.2 หลังจากที่ ติดลบร้อยละ 0.3 ในปีก่อน ส่วนอัตราเงินเฟ้อของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาคาดว่าจะลดลงจากร้อยละ 6.6 ในปี 2542 เหลือร้อยละ 6.2 ในปี 2543 ซึ่งเป็นผลจากการลดลงของอัตราเงินเฟ้อของประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคตะวันออกกลางเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม คาดว่าราคาสินค้าขั้นปฐมในตลาดโลกจะปรับตัวสูงขึ้นตามอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ส่วนราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นมากจากปีก่อน เนื่องจากอุปสงค์เพิ่มขึ้นและการควบคุมปริมาณการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันเป็นสินค้าออก (OPEC) แต่ก็เริ่มชะลอตัวลงในปลายปีเนื่องจากอุปสงค์ต่อราคาน้ำมันเริ่มลดลงตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯที่เป็นผู้ใช้น้ำมันรายใหญ่ของโลก
อัตราดอกเบี้ย อัตราดอกเบี้ยเงินฝากในรูปสกุลเงินดอลลาร์ สรอ. ปรับตัวสูงขึ้นในปี 2543 โดยในช่วงครึ่งแรกของปี ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 3 ครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ มีนาคม และพฤษภาคม เป็นร้อยละ 5.75, 6.0 และ 6.5 ตามลำดับ เพื่อควบคุมการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม สำหรับสหภาพยุโรปที่ใช้อัตราแลกเปลี่ยนและนโยบายการเงินร่วมกันมีอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในรูปสกุลเงินยูโรสูงขึ้นอยู่ในระดับร้อยละ 4.6 ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในรูปสกุลเงินเยนยังอยู่ในระดับต่ำเพียงร้อยละ 0.3 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
อัตราการว่างงาน ในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วคาดว่าจะชะลอตัวลงจากร้อยละ 6.3 ในปีก่อน เหลือร้อยละ 5.9 แต่อัตราการว่างงานในญี่ปุ่นจะสูงขึ้นจากร้อยละ 4.7 ในปีก่อนเป็นร้อยละ 5.0 ในขณะที่อัตราการว่างงานของสหรัฐอเมริกาชะลอลงเล็กน้อยจากร้อยละ 4.2 ในปีก่อนเหลือร้อยละ 4.1
--ทีมเศรษฐกิจมหภาคและนโยบาย/ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
จากการประมาณการของกองทุนการเงินระหว่างประเทศเมื่อเดือนตุลาคม 2543 คาดว่าเศรษฐกิจโลก จะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 3.4 ในปี 2542 เป็นร้อยละ 4.7 ในปี 2543 เป็นผลจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจของทุกกลุ่มประเทศ โดยเฉพาะการขยายตัวต่อเนื่องของสหรัฐอเมริกา และยุโรป และการฟื้นตัวของภูมิภาคเอเชีย ละตินอเมริกา และตะวันออกกลาง อย่างไรก็ตาม ในปลายปี 2543 เศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลงเร็วกว่าที่คาด
ปริมาณการค้าโลก คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นมากจากปีก่อน โดยมีอัตราการขยายตัวร้อยละ 10.0 ในปี 2543 เทียบกับร้อยละ 5.1 ในปี 2542 เป็นผลจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศที่ประสบวิกฤตการณ์ทางการเงิน และการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องของประเทศพัฒนาแล้ว
อัตราเงินเฟ้อ ในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วคาดว่ายังคงอยู่ในระดับต่ำโดยขยายตัวร้อยละ 2.3 ในปี 2543 โดยญี่ปุ่นมีอัตราเงินเฟ้อติดลบร้อยละ 0.2 หลังจากที่ ติดลบร้อยละ 0.3 ในปีก่อน ส่วนอัตราเงินเฟ้อของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาคาดว่าจะลดลงจากร้อยละ 6.6 ในปี 2542 เหลือร้อยละ 6.2 ในปี 2543 ซึ่งเป็นผลจากการลดลงของอัตราเงินเฟ้อของประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคตะวันออกกลางเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม คาดว่าราคาสินค้าขั้นปฐมในตลาดโลกจะปรับตัวสูงขึ้นตามอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ส่วนราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นมากจากปีก่อน เนื่องจากอุปสงค์เพิ่มขึ้นและการควบคุมปริมาณการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันเป็นสินค้าออก (OPEC) แต่ก็เริ่มชะลอตัวลงในปลายปีเนื่องจากอุปสงค์ต่อราคาน้ำมันเริ่มลดลงตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯที่เป็นผู้ใช้น้ำมันรายใหญ่ของโลก
อัตราดอกเบี้ย อัตราดอกเบี้ยเงินฝากในรูปสกุลเงินดอลลาร์ สรอ. ปรับตัวสูงขึ้นในปี 2543 โดยในช่วงครึ่งแรกของปี ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 3 ครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ มีนาคม และพฤษภาคม เป็นร้อยละ 5.75, 6.0 และ 6.5 ตามลำดับ เพื่อควบคุมการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม สำหรับสหภาพยุโรปที่ใช้อัตราแลกเปลี่ยนและนโยบายการเงินร่วมกันมีอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในรูปสกุลเงินยูโรสูงขึ้นอยู่ในระดับร้อยละ 4.6 ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในรูปสกุลเงินเยนยังอยู่ในระดับต่ำเพียงร้อยละ 0.3 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
อัตราการว่างงาน ในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วคาดว่าจะชะลอตัวลงจากร้อยละ 6.3 ในปีก่อน เหลือร้อยละ 5.9 แต่อัตราการว่างงานในญี่ปุ่นจะสูงขึ้นจากร้อยละ 4.7 ในปีก่อนเป็นร้อยละ 5.0 ในขณะที่อัตราการว่างงานของสหรัฐอเมริกาชะลอลงเล็กน้อยจากร้อยละ 4.2 ในปีก่อนเหลือร้อยละ 4.1
--ทีมเศรษฐกิจมหภาคและนโยบาย/ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-