1. สถานการณ์สินค้า
1. สินค้าที่มีปัญหา
สัปดาห์นี้ไม่มีสินค้าที่มีปัญหา
1.2 สินค้าที่ต้องคอยเฝ้าระวัง
สัปดาห์นี้ไม่มีสินค้าที่ต้องคอยเฝ้าระวัง
2. สถานการณ์สินค้าเกษตรที่สำคัญถั่วเหลือง
2.1 ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายถั่วเหลืองและพืชน้ำมันอื่น ครั้งที่ 5/2543
ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายถั่วเหลืองและพืชน้ำมันอื่น เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2543 ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมี ฯพณฯ รองนายกรัฐมนตรี (พล .ต.ท. วิโรจน์ เปาอินทร์) เป็นประธาน โดยการประชุมครั้งนี้ต่อเนื่องมาจากการประชุมครั้งที่ 3/2543 เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2543 และครั้งที่ 4/2543 เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2543 ซึ่งยังหาข้อยุติไม่ได้
สำหรับผลการประชุมครั้งนี้ มีประเด็นสำคัญ สรุปได้ดังนี้
1. นโยบายการนำเข้าเมล็ดถั่วเหลือง ปี 2544
การพิจารณาเปิดตลาดตามนโยบายการนำเข้าเมล็ดถั่วเหลือง ปี 2544 ใช้นโยบายเดิมเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นรัฐบาลรักษาการ จึงไม่สมควรกำหนดนโยบายใหม่
1.1 ปริมาณเปิดตลาดและอัตราภาษี อนุญาตให้นำเข้าถั่วเหลืองได้โดยเสรีไม่จำกัดปริมาณและช่วงเวลานำเข้า อัตราภาษีนำเข้าร้อยละ 0
1.2 เงื่อนไข
1)ให้กลุ่มผู้นำเข้าทุกกลุ่มมีภาระรับผิดชอบรับซื้อเมล็ดถั่วเหลืองจาเกษตรกร ดังนี้
* สมาคมผู้ผลิตน้ำมันถั่วเหลืองและรำข้าว รับซื้อเมล็ดถั่วเหลืองในราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 10.00 บาท ณ ไร่นา หรือ 11.00 บาท ณ หน้าโรงงานสกัดน้ำมันถั่วเหลือง ตลาด กทม.
* สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย สมาคมปศุสัตว์ไทย สมาคมผู้เลี้ยง-ไก่เนื้อเพื่อการส่งออกและสมาคมส่งเสริมผู้ใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์ รับซื้อถั่วเหลืองในราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 10.50 บาท ณ ไร่นา หรือ 11.50 บาท ณ หน้าโรงงาน ตลาด กทม.
* โรงงานอุตสาหกรรมอาหาร (บริษัทไทยเทพรสผลิตภัณฑ์อาหาร บริษัทแลตตาซอย บริษัทกรีนสปอตและบริษัทแดรี่พลัส) รับซื้อถั่วเหลืองในราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 11.00 บาท ณ ไร่นา หรือ 12.00 บาท ณ หน้าโรงงาน ตลาด กทม.
2) ให้กลุ่มผู้นำเข้าดังกล่าวข้างต้น รายงานปริมาณการรับซื้อต่อกรมการค้าภายใน และสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ทุกวันที่ 10 ของทุกเดือน
3) ให้กลุ่มผู้นำเข้าแจ้งปริมาณความต้องการนำเข้าเมล็ดถั่วเหลืองเบื้องต้นของปี 2544 ต่อกรมการค้าภายใน เพื่อกำหนดสัดส่วนการรับซื้อผลผลิตภายในประเทศ
4) ให้มีการจัดตั้งคณะอนุกรรมการ เพื่อกำกับดูแลการรับซื้อถั่วเหลืองภายในประเทศ และถั่วเหลืองนำเข้า ทั้งในส่วนกลางและท้องถิ่น
2. ให้สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ศึกษาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจน พร้อมทั้งศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างราคาน้ำมันปาล์มและราคาน้ำมันถั่วเหลืองเพื่อให้คณะกรรมการนโยบายถั่วเหลืองและพืชน้ำมันอื่นชุดใหม่ เป็นผู้พิจารณาว่าจะเปลี่ยนแปลงนโยบายนำเข้าเมล็ดถั่วเหลืองจากเดิมหรือไม่
3. ให้สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร จัดทำแผนพัฒนาการผลิตถั่วเหลือง ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เนื้อป่น : การนำเข้าเนื้อป่นจากทวีปยุโรป
การระบาดของโรควัวบ้า พบครั้งแรกในประเทศอังกฤษเมื่อปี 2533 และระบาดรุนแรงในปี 2539 ในประเทศสหภาพยุโรป ซึ่งสาเหตุคาดว่ามาจากการใช้เนื้อสัตว์และกระดูกป่นที่ทำมาจากแพะ-แกะหรือสัตว์ที่เป็นโรคมาเป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ เนื่องจากปัจจุบันมีการระบาดของโรคเกิดขึ้นมากและทำให้ผู้บริโภคเสียชีวิตไปแล้ว คือ ในประเทศอังกฤ ษ 80 คน และ ฝรั่งเศส 2 คน และมีหลายประเทศที่ห้ามนำเข้าเนื้อวัวที่ผลิตจากประเทศสหภาพยุโรป และเพื่อเป็นการปกป้องผู้บริโภคและให้ความมั่นใจต่อผู้บริโภค คณะกรรมาธิการเกษตรของสหภาพฯ ได้เสนอให้มีการทำลายวัวที่มีอายุมากกว่า 30 เดือน ซึ่งคาดว่าประมาณ 2 ล้านตัว และจะชดเชยเงินแก่ผู้เลี้ยงในราคาที่ใกล้เคียงกับราคาตลาด ซึ่งประมาณว่า เป็นมูลค่าประมาณ 900 ล้านเหรียญยูโร และร้อยละ 70 จะเป็นเงินที่มาจากประเทศที่เป็นสมาชิกของสหภาพฯ 15 ประเทศ และเพื่อเป็นการป้องกันการระบาดของโรคทาหนึ่งสหภาพฯ ได้ประกาศห้ามใช้เนื้อและกระดูกป่นในอาหารสัตว์สำหรับวัวและสัตว์เคี้ยวเอื้องอื่นๆ ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2544 เป็นต้นไป เป็นระยะเวลา 6 เดือน ซึ่งผลจากการประกาศนี้ทำให้ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ใช้ทดแทน คือ ปลาป่นในแหล่งผลิตที่สำคัญหลายประเทศมีราคารับซื้อ-ขายล่วงหน้าสูงขึ้น
สำหรับประเทศไทย แม้ว่าจะไม่มีปัญหาเรื่องระบาดของโรควัวบ้าและการบริโภคเนื้อวัวนำเข้าจากประเทศในสหภาพฯ แต่ไทยยังมีการนำเข้าเนื้อสัตว์ป่นในแต่ละปีจำนวนค่อนข้างมาก โดยเฉพาะมาจากประเทศในสหภาพยุโรป คือ เดนมาร์ก ฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมัน โดยในปี 2541, 2542 และ 2543 (มค.-พย.) นำเข้ารวมจากทุกประเทศ 44,852 , 56,763 และ 58,456 ตัน และราคาเฉลี่ยประมาณ 15.44 , 10.41 และ 10.41 บาท/กก. ตามลำดับ ในการป้องกันการเกิดปัญหาโรควัวบ้า กรมปศุสัตว์ได้ออกประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนด ชื่อ ประเภท ชนิด ลักษณะ คุณภาพ และมาตรฐานอาหารสัตว์ (ฉบับที่ 3 ) พ.ศ. 2541 ลงวันที่ 21 พฤษภาคม 2541 โดย ห้ามใช้เนื้อป่น เนื้อป่นสกัดไขมัน เนื้อและกระดูกป่น เป็นส่วนผสมในการผลิตอาหารสัตว์ สำหรับสัตว์เคี้ยวเอื้อง แต่ประเทศไทยยังมีการนำเข้าเนื้อป่นและส่วนอื่น ๆ ของสัตว์ป่นเป็นจำนวนมากในแต่ละปี ในจำนวนที่ใกล้เคียงกับการนำเข้าปลาป่น ซึ่งราคาสูงกว่าเนื้อป่นประมาณ 1 เท่า
ข้อคิดเห็นของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
1. การประกาศห้ามใช้เนื้อสัตว์ป่นในอาหารสัตว์เคี้ยวเอื้องของกรมปศุสัตว์ เป็นการป้องกันการเกิดโรคทางหนึ่ง แต่กรมปศุสัตว์ควรเข้มงวดและตรวจสอบโรงงานผลิตอาหารสัตว์สำเร็จรูป และประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรที่ซื้อวัตถุดิบไปผลิตใช้เองได้ตระหนักกับภัยดังกล่าว เพราะราคาของเนื้อป่นถูกกว่าของปลาป่นมาก และเป็นสินค้าทดแทนกันได้ เกษตรกรที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์จะใช้เนื้อป่นมากกว่า
2. การที่สหภาพยุโรปประกาศห้ามใช้เนื้อป่น จะส่งผลให้ราคาปลาป่นจากแหล่งผลิตอื่น ๆ สูงขึ้น เนื่องจากมีความต้องการมากขึ้น อาจกระทบต่อต้นทุนการผลิต ทั้งสัตว์บกและสัตว์น้ำในประเทศ เนื่องจากการผลิตปลาป่นของไทยไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ ต้องมีการนำเข้าบางส่วน โดยเฉพาะจะกระทบต่อการผลิตกุ้งกุลาดำ
--ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร ฉบับที่ 49 ประจำวันที่ 11-17 ธ.ค. 2543--
-สส-
1. สินค้าที่มีปัญหา
สัปดาห์นี้ไม่มีสินค้าที่มีปัญหา
1.2 สินค้าที่ต้องคอยเฝ้าระวัง
สัปดาห์นี้ไม่มีสินค้าที่ต้องคอยเฝ้าระวัง
2. สถานการณ์สินค้าเกษตรที่สำคัญถั่วเหลือง
2.1 ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายถั่วเหลืองและพืชน้ำมันอื่น ครั้งที่ 5/2543
ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายถั่วเหลืองและพืชน้ำมันอื่น เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2543 ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมี ฯพณฯ รองนายกรัฐมนตรี (พล .ต.ท. วิโรจน์ เปาอินทร์) เป็นประธาน โดยการประชุมครั้งนี้ต่อเนื่องมาจากการประชุมครั้งที่ 3/2543 เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2543 และครั้งที่ 4/2543 เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2543 ซึ่งยังหาข้อยุติไม่ได้
สำหรับผลการประชุมครั้งนี้ มีประเด็นสำคัญ สรุปได้ดังนี้
1. นโยบายการนำเข้าเมล็ดถั่วเหลือง ปี 2544
การพิจารณาเปิดตลาดตามนโยบายการนำเข้าเมล็ดถั่วเหลือง ปี 2544 ใช้นโยบายเดิมเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นรัฐบาลรักษาการ จึงไม่สมควรกำหนดนโยบายใหม่
1.1 ปริมาณเปิดตลาดและอัตราภาษี อนุญาตให้นำเข้าถั่วเหลืองได้โดยเสรีไม่จำกัดปริมาณและช่วงเวลานำเข้า อัตราภาษีนำเข้าร้อยละ 0
1.2 เงื่อนไข
1)ให้กลุ่มผู้นำเข้าทุกกลุ่มมีภาระรับผิดชอบรับซื้อเมล็ดถั่วเหลืองจาเกษตรกร ดังนี้
* สมาคมผู้ผลิตน้ำมันถั่วเหลืองและรำข้าว รับซื้อเมล็ดถั่วเหลืองในราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 10.00 บาท ณ ไร่นา หรือ 11.00 บาท ณ หน้าโรงงานสกัดน้ำมันถั่วเหลือง ตลาด กทม.
* สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย สมาคมปศุสัตว์ไทย สมาคมผู้เลี้ยง-ไก่เนื้อเพื่อการส่งออกและสมาคมส่งเสริมผู้ใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์ รับซื้อถั่วเหลืองในราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 10.50 บาท ณ ไร่นา หรือ 11.50 บาท ณ หน้าโรงงาน ตลาด กทม.
* โรงงานอุตสาหกรรมอาหาร (บริษัทไทยเทพรสผลิตภัณฑ์อาหาร บริษัทแลตตาซอย บริษัทกรีนสปอตและบริษัทแดรี่พลัส) รับซื้อถั่วเหลืองในราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 11.00 บาท ณ ไร่นา หรือ 12.00 บาท ณ หน้าโรงงาน ตลาด กทม.
2) ให้กลุ่มผู้นำเข้าดังกล่าวข้างต้น รายงานปริมาณการรับซื้อต่อกรมการค้าภายใน และสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ทุกวันที่ 10 ของทุกเดือน
3) ให้กลุ่มผู้นำเข้าแจ้งปริมาณความต้องการนำเข้าเมล็ดถั่วเหลืองเบื้องต้นของปี 2544 ต่อกรมการค้าภายใน เพื่อกำหนดสัดส่วนการรับซื้อผลผลิตภายในประเทศ
4) ให้มีการจัดตั้งคณะอนุกรรมการ เพื่อกำกับดูแลการรับซื้อถั่วเหลืองภายในประเทศ และถั่วเหลืองนำเข้า ทั้งในส่วนกลางและท้องถิ่น
2. ให้สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ศึกษาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจน พร้อมทั้งศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างราคาน้ำมันปาล์มและราคาน้ำมันถั่วเหลืองเพื่อให้คณะกรรมการนโยบายถั่วเหลืองและพืชน้ำมันอื่นชุดใหม่ เป็นผู้พิจารณาว่าจะเปลี่ยนแปลงนโยบายนำเข้าเมล็ดถั่วเหลืองจากเดิมหรือไม่
3. ให้สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร จัดทำแผนพัฒนาการผลิตถั่วเหลือง ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เนื้อป่น : การนำเข้าเนื้อป่นจากทวีปยุโรป
การระบาดของโรควัวบ้า พบครั้งแรกในประเทศอังกฤษเมื่อปี 2533 และระบาดรุนแรงในปี 2539 ในประเทศสหภาพยุโรป ซึ่งสาเหตุคาดว่ามาจากการใช้เนื้อสัตว์และกระดูกป่นที่ทำมาจากแพะ-แกะหรือสัตว์ที่เป็นโรคมาเป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ เนื่องจากปัจจุบันมีการระบาดของโรคเกิดขึ้นมากและทำให้ผู้บริโภคเสียชีวิตไปแล้ว คือ ในประเทศอังกฤ ษ 80 คน และ ฝรั่งเศส 2 คน และมีหลายประเทศที่ห้ามนำเข้าเนื้อวัวที่ผลิตจากประเทศสหภาพยุโรป และเพื่อเป็นการปกป้องผู้บริโภคและให้ความมั่นใจต่อผู้บริโภค คณะกรรมาธิการเกษตรของสหภาพฯ ได้เสนอให้มีการทำลายวัวที่มีอายุมากกว่า 30 เดือน ซึ่งคาดว่าประมาณ 2 ล้านตัว และจะชดเชยเงินแก่ผู้เลี้ยงในราคาที่ใกล้เคียงกับราคาตลาด ซึ่งประมาณว่า เป็นมูลค่าประมาณ 900 ล้านเหรียญยูโร และร้อยละ 70 จะเป็นเงินที่มาจากประเทศที่เป็นสมาชิกของสหภาพฯ 15 ประเทศ และเพื่อเป็นการป้องกันการระบาดของโรคทาหนึ่งสหภาพฯ ได้ประกาศห้ามใช้เนื้อและกระดูกป่นในอาหารสัตว์สำหรับวัวและสัตว์เคี้ยวเอื้องอื่นๆ ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2544 เป็นต้นไป เป็นระยะเวลา 6 เดือน ซึ่งผลจากการประกาศนี้ทำให้ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ใช้ทดแทน คือ ปลาป่นในแหล่งผลิตที่สำคัญหลายประเทศมีราคารับซื้อ-ขายล่วงหน้าสูงขึ้น
สำหรับประเทศไทย แม้ว่าจะไม่มีปัญหาเรื่องระบาดของโรควัวบ้าและการบริโภคเนื้อวัวนำเข้าจากประเทศในสหภาพฯ แต่ไทยยังมีการนำเข้าเนื้อสัตว์ป่นในแต่ละปีจำนวนค่อนข้างมาก โดยเฉพาะมาจากประเทศในสหภาพยุโรป คือ เดนมาร์ก ฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมัน โดยในปี 2541, 2542 และ 2543 (มค.-พย.) นำเข้ารวมจากทุกประเทศ 44,852 , 56,763 และ 58,456 ตัน และราคาเฉลี่ยประมาณ 15.44 , 10.41 และ 10.41 บาท/กก. ตามลำดับ ในการป้องกันการเกิดปัญหาโรควัวบ้า กรมปศุสัตว์ได้ออกประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนด ชื่อ ประเภท ชนิด ลักษณะ คุณภาพ และมาตรฐานอาหารสัตว์ (ฉบับที่ 3 ) พ.ศ. 2541 ลงวันที่ 21 พฤษภาคม 2541 โดย ห้ามใช้เนื้อป่น เนื้อป่นสกัดไขมัน เนื้อและกระดูกป่น เป็นส่วนผสมในการผลิตอาหารสัตว์ สำหรับสัตว์เคี้ยวเอื้อง แต่ประเทศไทยยังมีการนำเข้าเนื้อป่นและส่วนอื่น ๆ ของสัตว์ป่นเป็นจำนวนมากในแต่ละปี ในจำนวนที่ใกล้เคียงกับการนำเข้าปลาป่น ซึ่งราคาสูงกว่าเนื้อป่นประมาณ 1 เท่า
ข้อคิดเห็นของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
1. การประกาศห้ามใช้เนื้อสัตว์ป่นในอาหารสัตว์เคี้ยวเอื้องของกรมปศุสัตว์ เป็นการป้องกันการเกิดโรคทางหนึ่ง แต่กรมปศุสัตว์ควรเข้มงวดและตรวจสอบโรงงานผลิตอาหารสัตว์สำเร็จรูป และประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรที่ซื้อวัตถุดิบไปผลิตใช้เองได้ตระหนักกับภัยดังกล่าว เพราะราคาของเนื้อป่นถูกกว่าของปลาป่นมาก และเป็นสินค้าทดแทนกันได้ เกษตรกรที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์จะใช้เนื้อป่นมากกว่า
2. การที่สหภาพยุโรปประกาศห้ามใช้เนื้อป่น จะส่งผลให้ราคาปลาป่นจากแหล่งผลิตอื่น ๆ สูงขึ้น เนื่องจากมีความต้องการมากขึ้น อาจกระทบต่อต้นทุนการผลิต ทั้งสัตว์บกและสัตว์น้ำในประเทศ เนื่องจากการผลิตปลาป่นของไทยไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ ต้องมีการนำเข้าบางส่วน โดยเฉพาะจะกระทบต่อการผลิตกุ้งกุลาดำ
--ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร ฉบับที่ 49 ประจำวันที่ 11-17 ธ.ค. 2543--
-สส-