แท็ก
อุตสาหกรรม
- ผลผลิตอ้อยในปีการผลิต 2542/43 เพิ่มขึ้นจากปีการผลิตก่อนร้อยละ 6 และมีผลผลิตน้ำตาลเหลือส่งออกในปี 2543 จำนวน 4.1 ล้านเมตริกตัน มากกว่าปีก่อนร้อยละ 25 เนื่องจากสภาพดิน ฟ้า อากาศเอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูกต่อเนื่อง แต่มีปัญหาราคาน้ำตาลในตลาดโลกตกต่ำ ชาวไร่อ้อยได้รับผลตอบแทนต่ำกว่าต้นทุน และกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายขาด สถาพคล่องอย่างรุนแรง
- มาตรการสำคัญของทางการเพื่อช่วยเหลือระบบอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายของไทยในปีนี้ ได้แก่ ให้ ธกส. ให้สินเชื่อแก่ชาวไร่อ้อย ให้ผู้บริโภคเป็นผู้รับภาระภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากราคาจำหน่ายน้ำตาลทรายแทนระบบฯ และกำหนดนโยบายปรับโครงสร้างการพัฒนาอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายอย่างครบวงจร
- ทางการควรเร่งนำนโยบายปรับปรุงระบบอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย ที่กำหนดไว้แล้วมาใช้ให้เกิดผลโดยเร็ว โดยควรให้ความสำคัญด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตอ้อยเพื่อให้ได้อ้อยพันธุ์ดีที่มีระดับความหวานและผลผลิตต่อไร่สูง มีความต้านทานโรคสูงและมีต้นทุนต่ำ เพื่อลดต้นทุนการผลิตอ้อยและน้ำตาลให้มากที่สุด
- แนวโน้มฤดูการผลิตปี 2543/44 คาดว่าจะมีอ้อยเข้าหีบประมาณ 52.1 ล้านเมตริกตัน ผลิตน้ำตาลในปี 2544 ได้ประมาณ 5.3 ล้านเมตริกตัน ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 2 และร้อยละ 3.6 ตามลำดับ เนื่องจากพื้นที่ปลูกอ้อยบางส่วนเกิดโรคใบขาว และหนอนกอระบาด
- ผลผลิตอ้อยเพิ่มขึ้นจากปีการผลิตก่อน และมีผลผลิตน้ำตาลเหลือส่งออกมากขึ้น แต่มีปัญหาราคาน้ำตาลในตลาดโลกตกต่ำมากในช่วงครึ่งแรกของปี 2543ในปีการผลิต 2542/43 ซึ่งประเทศไทยมีสภาพดิน ฟ้า อากาศเอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูกต่อเนื่อง ทำให้ผลผลิตอ้อยเพิ่มขึ้นจากปีการผลิตก่อนร้อยละ 6 และมีผลผลิตน้ำตาลเหลือส่งออกในปี 2543 จำนวน 4.1 ล้านเมตริกตัน มากกว่าปีก่อนร้อยละ 25 แต่ยังมีปัญหาการตกต่ำของราคาน้ำตาลในตลาดโลก รวมทั้งภาวะวิกฤตเศรษฐกิจการเงินที่ยังไม่ฟื้นตัวดีนักได้ส่งผลกระทบมากต่อสภาพคล่องทางการเงินของธุรกิจในอุตสาหกรรมนี้ โดยเฉพาะชาวไร่อ้อย ซึ่งได้รับผลตอบแทนต่ำกว่าต้นทุนในการปลูกอ้อย และกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย ซึ่งประสบปัญหาขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรง
- มาตรการสำคัญของทางการเพื่อช่วยเหลือระบบอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายของไทย
มาตรการสำคัญของทางการเพื่อช่วยเหลือระบบอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายของไทยในปีนี้ได้แก่ ให้ ธกส. ให้สินเชื่อแก่ชาวไร่อ้อย เป็นวงเงินจำนวน 10,000 ล้านบาท สำหรับใช้ซื้อลดเช็คค่าบำรุงไร่อ้อย (เช็คเกี๊ยว) จากชาวไร่อ้อย ให้แยกภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ออกจากราคาจำหน่ายน้ำตาลทรายภายในประเทศ และให้ผู้บริโภคเป็นผู้รับภาระภาษีฯ แทน โดยให้นำเงินรายได้ที่เพิ่มขึ้นส่งเข้ากองทุนฯ เพื่อชำระหนี้ที่กองทุนฯ กู้ยืมจาก ธกส. มาให้สินเชื่อแก่ชาวไร่อ้อย เพื่อเพิ่มราคาอ้อยขั้นต้นในอัตราตันละ 100 บาท กำหนดนโยบายปรับโครงสร้างการพัฒนาอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายอย่างเป็นระบบ ทั้งในด้านปรับปรุงประสิทธิภาพและคุณภาพการผลิตอ้อย และด้านการวิจัยและพัฒนาอ้อยและน้ำตาลทรายของประเทศ โดยให้จัดตั้งสถาบันวิจัยอ้อยและน้ำตาลทรายขึ้นภายใต้กองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย
- ทางการควรเร่งนำนโยบายปรับปรุงระบบอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย ที่กำหนดไว้แล้วมาใช้ให้เกิดผลโดยเร็ว
อย่างไรก็ตาม แม้ราคาน้ำตาลในตลาดโลกที่มีแนวโน้มสูงขึ้นตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2543 ส่งผลให้อ้อยมีราคาสูงขึ้นตามในปีการผลิต 2543/44 ที่เมตริกตันละ 600 บาท สูงกว่าปีก่อนร้อยละ 33.3 ซึ่งจะจูงใจให้ชาวไร่อ้อยขยายพื้นที่ปลูกอ้อยเพิ่มขึ้น แต่การขยายพื้นที่ปลูกอ้อยดังกล่าว จะมีความเสี่ยงต่อชาวไร่ที่อาจเกิดขึ้นจากราคาน้ำตาลในตลาดโลกตกต่ำลงได้อีก ดังนั้น ทางการจึงควรเร่งนำนโยบายปรับปรุงระบบอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย ที่กำหนดไว้แล้วมาใช้ให้เกิดผลโดยเร็ว โดยเฉพาะด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตอ้อยเพื่อให้ได้อ้อยพันธุ์ดีที่มีระดับความหวานและผลผลิตต่อไร่สูง มีความต้านทานโรคสูงและมีต้นทุนต่ำ เพื่อลดต้นทุนการผลิตอ้อยและน้ำตาลให้มากที่สุด สำหรับปัญหาการขาดสภาพคล่องของโรงงานน้ำตาล และชาวไร่อ้อย ซึ่งแม้จะคลี่คลายลงในระดับหนึ่ง แต่ยังจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากสถาบันการเงินทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและพัฒนาต่อไปได้
- แนวโน้มฤดูการผลิตปี 2543/44
สำหรับแนวโน้มฤดูการผลิตปี 2543/44 คาดว่าจะมีอ้อยเข้าหีบประมาณ 52.1 ล้านเมตริกตัน ผลิตน้ำตาลในปี 2544 ได้ประมาณ 5.3 ล้านเมตริกตัน ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 2 และร้อยละ 3.6 ตามลำดับ เนื่องจากพื้นที่ปลูกอ้อยบางส่วนเกิดโรคใบขาว และหนอนกอระบาด โดยราคาน้ำตาลมีแนวโน้มอยู่ในเกณฑ์ดี เนื่องจากราคาซื้อขายน้ำตาลในตลาดล่วงหน้าเดือนมีนาคม 2544 อยู่ที่ระดับปอนด์ละ 10.06 เซนต์ สูงกว่าปี 2543 ถึงร้อยละ 81.6
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-สส-
- มาตรการสำคัญของทางการเพื่อช่วยเหลือระบบอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายของไทยในปีนี้ ได้แก่ ให้ ธกส. ให้สินเชื่อแก่ชาวไร่อ้อย ให้ผู้บริโภคเป็นผู้รับภาระภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากราคาจำหน่ายน้ำตาลทรายแทนระบบฯ และกำหนดนโยบายปรับโครงสร้างการพัฒนาอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายอย่างครบวงจร
- ทางการควรเร่งนำนโยบายปรับปรุงระบบอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย ที่กำหนดไว้แล้วมาใช้ให้เกิดผลโดยเร็ว โดยควรให้ความสำคัญด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตอ้อยเพื่อให้ได้อ้อยพันธุ์ดีที่มีระดับความหวานและผลผลิตต่อไร่สูง มีความต้านทานโรคสูงและมีต้นทุนต่ำ เพื่อลดต้นทุนการผลิตอ้อยและน้ำตาลให้มากที่สุด
- แนวโน้มฤดูการผลิตปี 2543/44 คาดว่าจะมีอ้อยเข้าหีบประมาณ 52.1 ล้านเมตริกตัน ผลิตน้ำตาลในปี 2544 ได้ประมาณ 5.3 ล้านเมตริกตัน ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 2 และร้อยละ 3.6 ตามลำดับ เนื่องจากพื้นที่ปลูกอ้อยบางส่วนเกิดโรคใบขาว และหนอนกอระบาด
- ผลผลิตอ้อยเพิ่มขึ้นจากปีการผลิตก่อน และมีผลผลิตน้ำตาลเหลือส่งออกมากขึ้น แต่มีปัญหาราคาน้ำตาลในตลาดโลกตกต่ำมากในช่วงครึ่งแรกของปี 2543ในปีการผลิต 2542/43 ซึ่งประเทศไทยมีสภาพดิน ฟ้า อากาศเอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูกต่อเนื่อง ทำให้ผลผลิตอ้อยเพิ่มขึ้นจากปีการผลิตก่อนร้อยละ 6 และมีผลผลิตน้ำตาลเหลือส่งออกในปี 2543 จำนวน 4.1 ล้านเมตริกตัน มากกว่าปีก่อนร้อยละ 25 แต่ยังมีปัญหาการตกต่ำของราคาน้ำตาลในตลาดโลก รวมทั้งภาวะวิกฤตเศรษฐกิจการเงินที่ยังไม่ฟื้นตัวดีนักได้ส่งผลกระทบมากต่อสภาพคล่องทางการเงินของธุรกิจในอุตสาหกรรมนี้ โดยเฉพาะชาวไร่อ้อย ซึ่งได้รับผลตอบแทนต่ำกว่าต้นทุนในการปลูกอ้อย และกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย ซึ่งประสบปัญหาขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรง
- มาตรการสำคัญของทางการเพื่อช่วยเหลือระบบอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายของไทย
มาตรการสำคัญของทางการเพื่อช่วยเหลือระบบอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายของไทยในปีนี้ได้แก่ ให้ ธกส. ให้สินเชื่อแก่ชาวไร่อ้อย เป็นวงเงินจำนวน 10,000 ล้านบาท สำหรับใช้ซื้อลดเช็คค่าบำรุงไร่อ้อย (เช็คเกี๊ยว) จากชาวไร่อ้อย ให้แยกภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ออกจากราคาจำหน่ายน้ำตาลทรายภายในประเทศ และให้ผู้บริโภคเป็นผู้รับภาระภาษีฯ แทน โดยให้นำเงินรายได้ที่เพิ่มขึ้นส่งเข้ากองทุนฯ เพื่อชำระหนี้ที่กองทุนฯ กู้ยืมจาก ธกส. มาให้สินเชื่อแก่ชาวไร่อ้อย เพื่อเพิ่มราคาอ้อยขั้นต้นในอัตราตันละ 100 บาท กำหนดนโยบายปรับโครงสร้างการพัฒนาอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายอย่างเป็นระบบ ทั้งในด้านปรับปรุงประสิทธิภาพและคุณภาพการผลิตอ้อย และด้านการวิจัยและพัฒนาอ้อยและน้ำตาลทรายของประเทศ โดยให้จัดตั้งสถาบันวิจัยอ้อยและน้ำตาลทรายขึ้นภายใต้กองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย
- ทางการควรเร่งนำนโยบายปรับปรุงระบบอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย ที่กำหนดไว้แล้วมาใช้ให้เกิดผลโดยเร็ว
อย่างไรก็ตาม แม้ราคาน้ำตาลในตลาดโลกที่มีแนวโน้มสูงขึ้นตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2543 ส่งผลให้อ้อยมีราคาสูงขึ้นตามในปีการผลิต 2543/44 ที่เมตริกตันละ 600 บาท สูงกว่าปีก่อนร้อยละ 33.3 ซึ่งจะจูงใจให้ชาวไร่อ้อยขยายพื้นที่ปลูกอ้อยเพิ่มขึ้น แต่การขยายพื้นที่ปลูกอ้อยดังกล่าว จะมีความเสี่ยงต่อชาวไร่ที่อาจเกิดขึ้นจากราคาน้ำตาลในตลาดโลกตกต่ำลงได้อีก ดังนั้น ทางการจึงควรเร่งนำนโยบายปรับปรุงระบบอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย ที่กำหนดไว้แล้วมาใช้ให้เกิดผลโดยเร็ว โดยเฉพาะด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตอ้อยเพื่อให้ได้อ้อยพันธุ์ดีที่มีระดับความหวานและผลผลิตต่อไร่สูง มีความต้านทานโรคสูงและมีต้นทุนต่ำ เพื่อลดต้นทุนการผลิตอ้อยและน้ำตาลให้มากที่สุด สำหรับปัญหาการขาดสภาพคล่องของโรงงานน้ำตาล และชาวไร่อ้อย ซึ่งแม้จะคลี่คลายลงในระดับหนึ่ง แต่ยังจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากสถาบันการเงินทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและพัฒนาต่อไปได้
- แนวโน้มฤดูการผลิตปี 2543/44
สำหรับแนวโน้มฤดูการผลิตปี 2543/44 คาดว่าจะมีอ้อยเข้าหีบประมาณ 52.1 ล้านเมตริกตัน ผลิตน้ำตาลในปี 2544 ได้ประมาณ 5.3 ล้านเมตริกตัน ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 2 และร้อยละ 3.6 ตามลำดับ เนื่องจากพื้นที่ปลูกอ้อยบางส่วนเกิดโรคใบขาว และหนอนกอระบาด โดยราคาน้ำตาลมีแนวโน้มอยู่ในเกณฑ์ดี เนื่องจากราคาซื้อขายน้ำตาลในตลาดล่วงหน้าเดือนมีนาคม 2544 อยู่ที่ระดับปอนด์ละ 10.06 เซนต์ สูงกว่าปี 2543 ถึงร้อยละ 81.6
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-สส-