กรุงเทพฯ--22 มี.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
ตามที่นาย Michal Kovac อดีตประธานาธิบดีสาธารณรัฐสโลวักได้เยือนไทยเป็นการส่วนตัว ระหว่างวันที่ 15-19 มีนาคม 2544 และได้เข้าพบ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2544 ที่กระทรวงการต่างประเทศ นั้น
กระทรวงการต่างประเทศขอแจ้งผลการหารือดังกล่าว ดังนี้
1. นาย Michal Kovac ได้กล่าวว่า รู้สึกเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับพระราชทานพระราชวโรกาสให้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2544 การเสด็จฯ เยือนสาธารณรัฐสโลวักอย่างเป็นทางการของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อปี 2539 เป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยและสาธารณรัฐสโลวัก ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
2. นาย Kovac กล่าวแสดงความยินดีกับการเข้าดำรงตำแหน่ง ดร.สุรเกียรติ์ฯ และกล่าวชมโครงการต่างๆ ของรัฐบาลว่ามีวิสัยทัศน์ที่จะแก้ปัญหาของประเทศ และได้กล่าวเชิญ ดร.สุรเกียรติ์ฯ เยือนสโลวักฯ ซึ่ง ดร.สุรเกียรติ์ฯ กล่าวว่า แม้การค้าระหว่างกันยังมีปริมาณไม่มากนัก แต่เห็นว่า 2 ฝ่าย ยังมีศักยภาพที่จะขยายการค้าระหว่างกันได้ หากจะไปเยือนสโลวัก จะนำนักลงทุนและนักธุรกิจไปด้วยเพื่อหาลู่ทางการค้าและการลงทุน เนื่องจากสโลวักสามารถเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่นักลงทุนและนักธุรกิจไทยจะไปร่วมลงทุนกับฝ่ายสโลวักเพื่อจะส่งออกไปยังประเทศยุโรปอื่นๆ ในขณะเดียวกันหวังว่า สโลวักจะใช้ไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคนี้เช่นกัน โดยเข้ามาลงทุนร่วมกับไทยเพื่อผลิตสินค้าส่งออกไปยังประเทศในกลุ่ม ASEAN และประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ
3. ดร.สุรเกียรติ์ฯ แจ้งฝ่ายสโลวักว่า จะขอให้สภาหอการค้าไทยและสภาอุตสาหกรรมประสานงานอย่างใกล้ชิดกับสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมสโลวัก ซึ่งสภาหอการค้าของทั้งสองประเทศได้จัดทำความตกลงว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกันแล้ว
4. อดีตประธานาธิบดีสโลวักกล่าวว่า ชาวสโลวักรู้จักประเทศไทยและต้องการเดินทางมาประเทศไทยกันมาก นักท่องเที่ยวชาวสโลวักที่เดินทางมาไทยมีปริมาณเพิ่มขึ้น 5-6 เท่า ในช่วงปีที่ผ่านมา
5. ทั้งสองฝ่ายยังได้แลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับการแก้ปัญหาระบบหนี้เสียของประเทศทั้งสองด้วย ดร.สุรเกียรติ์ฯ ได้เน้นถึงนโนบายของรัฐบาลที่จะช่วยเหลือดูแลประชาชนโดยเฉพาะในชนบทให้มีเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างรายได้
การพบและหารือข้างต้น นอกจากจะเป็นการสร้างความคุ้นเคยระหว่างอดีตผู้นำสาธารณรัฐสโลวักกับผู้บริหารระดับสูงของไทยแล้ว ยังเป็นโอกาสที่ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงลู่ทางที่กระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกันให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น และเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของไทยต่อสาธารณรัฐสโลวักด้วย และในโอกาสเยือนประเทศไทยครั้งนี้ นาย Michal Kovac และ นาง Emilia Kovac ภริยา ได้รับพระราชวโรกาสให้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวันจันทร์ที่ 19 มีนาคม 2544 เวลา 16.00 น. ณ อาคารชัยพัฒนา พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-นห-
ตามที่นาย Michal Kovac อดีตประธานาธิบดีสาธารณรัฐสโลวักได้เยือนไทยเป็นการส่วนตัว ระหว่างวันที่ 15-19 มีนาคม 2544 และได้เข้าพบ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2544 ที่กระทรวงการต่างประเทศ นั้น
กระทรวงการต่างประเทศขอแจ้งผลการหารือดังกล่าว ดังนี้
1. นาย Michal Kovac ได้กล่าวว่า รู้สึกเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับพระราชทานพระราชวโรกาสให้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2544 การเสด็จฯ เยือนสาธารณรัฐสโลวักอย่างเป็นทางการของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อปี 2539 เป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยและสาธารณรัฐสโลวัก ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
2. นาย Kovac กล่าวแสดงความยินดีกับการเข้าดำรงตำแหน่ง ดร.สุรเกียรติ์ฯ และกล่าวชมโครงการต่างๆ ของรัฐบาลว่ามีวิสัยทัศน์ที่จะแก้ปัญหาของประเทศ และได้กล่าวเชิญ ดร.สุรเกียรติ์ฯ เยือนสโลวักฯ ซึ่ง ดร.สุรเกียรติ์ฯ กล่าวว่า แม้การค้าระหว่างกันยังมีปริมาณไม่มากนัก แต่เห็นว่า 2 ฝ่าย ยังมีศักยภาพที่จะขยายการค้าระหว่างกันได้ หากจะไปเยือนสโลวัก จะนำนักลงทุนและนักธุรกิจไปด้วยเพื่อหาลู่ทางการค้าและการลงทุน เนื่องจากสโลวักสามารถเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่นักลงทุนและนักธุรกิจไทยจะไปร่วมลงทุนกับฝ่ายสโลวักเพื่อจะส่งออกไปยังประเทศยุโรปอื่นๆ ในขณะเดียวกันหวังว่า สโลวักจะใช้ไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคนี้เช่นกัน โดยเข้ามาลงทุนร่วมกับไทยเพื่อผลิตสินค้าส่งออกไปยังประเทศในกลุ่ม ASEAN และประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ
3. ดร.สุรเกียรติ์ฯ แจ้งฝ่ายสโลวักว่า จะขอให้สภาหอการค้าไทยและสภาอุตสาหกรรมประสานงานอย่างใกล้ชิดกับสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมสโลวัก ซึ่งสภาหอการค้าของทั้งสองประเทศได้จัดทำความตกลงว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกันแล้ว
4. อดีตประธานาธิบดีสโลวักกล่าวว่า ชาวสโลวักรู้จักประเทศไทยและต้องการเดินทางมาประเทศไทยกันมาก นักท่องเที่ยวชาวสโลวักที่เดินทางมาไทยมีปริมาณเพิ่มขึ้น 5-6 เท่า ในช่วงปีที่ผ่านมา
5. ทั้งสองฝ่ายยังได้แลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับการแก้ปัญหาระบบหนี้เสียของประเทศทั้งสองด้วย ดร.สุรเกียรติ์ฯ ได้เน้นถึงนโนบายของรัฐบาลที่จะช่วยเหลือดูแลประชาชนโดยเฉพาะในชนบทให้มีเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างรายได้
การพบและหารือข้างต้น นอกจากจะเป็นการสร้างความคุ้นเคยระหว่างอดีตผู้นำสาธารณรัฐสโลวักกับผู้บริหารระดับสูงของไทยแล้ว ยังเป็นโอกาสที่ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงลู่ทางที่กระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกันให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น และเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของไทยต่อสาธารณรัฐสโลวักด้วย และในโอกาสเยือนประเทศไทยครั้งนี้ นาย Michal Kovac และ นาง Emilia Kovac ภริยา ได้รับพระราชวโรกาสให้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวันจันทร์ที่ 19 มีนาคม 2544 เวลา 16.00 น. ณ อาคารชัยพัฒนา พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-นห-