แท็ก
ภาคใต้
1. สถานการณ์สินค้า
1. สินค้าที่มีปัญหา
กาแฟ : ราคาตกต่ำอย่างต่อเนื่อง
ในปี 2543/44 กาแฟมีพื้นที่ให้ผล 409,499 ไร่ เพิ่มขึ้นจาก 406,863 ไร่ ของปี 2542/43 ร้อยละ 0.65 เนื่องจากกาแฟที่ปลูกใหม่ในแหล่งผลิตภาคใต้เริ่มทยอยให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น ประกอบกับสภาพอากาศเอื้ออำนวยทำให้ผลผลิตและผลผลิตต่อไร่สูงขึ้นเป็น 82,595 ตัน และ 202 กิโลกรัม เพิ่มขึ้นจาก 80,293 ตัน และ 197 กิโลกรัม ของปี 2542/43 ร้อยละ 2.87 และ 2.54 ตามลำดับ การส่งออก
ในปี 2543 (มกราคม - พฤศจิกายน ) มีปริมาณการส่งออกเมล็ดกาแฟดิบ 56,582 ตัน มูลค่า 1,621.739 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 24,228 ตัน มูลค่า 1,118.791 ล้านบาท ของช่วงเดียวกัน เมื่อปีที่แล้วร้อยละ 133.54 และ 44.95 ตามลำดับ เนื่องจากสภาพอากาศเอื้ออำนวยให้ผลผลิตกาแฟปีนี้สูงมาก โดยปกติจะส่งออกประมาณร้อยละ 70 ของปริมาณการผลิต ราคา
ในปี 2543/44 ราคาเมล็ดกาแฟดิบคละที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 27.70 บาท สูงขึ้นจาก 27.30 ของปี 2542/43 ร้อยละ 1.47 เนื่องจากรัฐบาลเข้าแทรกแซงตลาด โดยให้ อคส. รับซื้อกาแฟ ณ แหล่งผลิตในราคากิโลกรัมละ 32.00 บาท ซึ่งก่อนหน้านั้น คาดว่าผลผลิตกาแฟโลกปีนี้สูงมาก จะส่งผลให้ราคาตลาดโลกตกต่ำ และสถานการณ์ปัจจุบัน ราคากาแฟโรบัสตามีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง รายงานล่าสุด แจ้งว่า ราคารับซื้อในจังหวัดดักลัก ซึ่งเป็นแหล่งผลิตกาแฟใหญ่ที่สุดของเวียดนามเพียงกิโลกรัมละ 6,000 ดอง หรือประมาณ 17.36 บาท ซึ่งตกต่ำที่สุดในรอบ 30 ปี
ประมง : สถานการณ์การผลิตและการตลาดสินค้าประมง ปี 2543/44
1) ปลาหมึก
การผลิต
ปลาหมึกที่นิยมใช้ในการผลิตปลาหมึกสดแช่เย็นแช่แข็ง ประกอบด้วยปลาหมึกกระดอง ปลาหมึกกล้วยและปลาหมึกสาย ซึ่งได้จากการจับจากแหล่งน้ำธรรมชาติเท่านั้น ปลาหมึกส่วนหนึ่งจึงได้จากการทำประมงร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน ปี 2543 จะผลิตหรือจับได้ประมาณ 149,000 ตัน ลดลงจากที่ผลิตได้ 151,000 ตัน ในปี 2542 คิดเป็นร้อยละ 1.32
สำหรับปี 2544 คาดว่าผลผลิตปลาหมึกจะมีประมาณ 150,000 ตัน เพิ่มขึ้นจาก 149,000 ตัน ในปี 2543 คิดเป็นร้อยละ 0.67
การส่งออก
ปี 2543 ในช่วงเดือนมกราคม - ตุลาคม มีการส่งออกปลาหมึกสดแช่เย็นแช่แข็งปริมาณ 70,431 ตัน เพิ่มขึ้นจาก 69,902 ตัน ในช่วงเดียวกันของปีก่อนคิดเป็นร้อยละ 0.76 ส่วนมูลค่าการส่งออก 9,560.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 9,145.96 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อนคิดเป็นร้อยละ 4.53 โดยมีตลาดการส่งออกที่สำคัญ คือ ญี่ปุ่น รองลงมาได้แก่ สหภาพยุโรป ฮ่องกง สหรัฐอเมริกา และไต้หวัน สำหรับปี 2544 คาดว่าปริมาณการส่งออกปลาหมึกสดแช่เย็นแช่แข็งจะเพิ่มขึ้นจาก 88,000 ตัน เป็น 90,000 ตัน คิดเป็นร้อยละ 2.27 เนื่องจากการปรับปรุงขบวนการผลิตของไทยจะทำให้ส่งออกได้เพิ่มขึ้น
ราคา
ปี 2543 ราคาปลาหมึกมีการเปลี่ยนแปลง ดังนี้
ราคาปลาหมึกกระดองสดที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 40.87 บาท ลดลงจาก 44.75 บาท ในปี 2542 คิดเป็นร้อยละ 8.67
ราคาขายส่งที่สะพานปลากรุงเทพฯ มีราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 80.36 บาท เพิ่มขึ้นจาก 60.04 บาท ในปี 2542 คิดเป็นร้อยละ 33.84
ราคาส่งออก F.O.B. ปลาหมึกกระดองสดแช่เย็นแช่แข็ง ปี 2543 ในช่วงเดือนมกราคม - ตุลาคม มีราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 135.74 บาท เพิ่มขึ้นจาก 130.84 บาท ในช่วงเดียวกันของราคาปีก่อนร้อยละ 3.74
ราคาปลาหมึกสด ปี 2544 คาดว่าจะโน้มสูงขึ้นทุกระดับตลาด เพราะไทยยังมีปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบ 2) ปลาทูน่ากระป๋อง
การผลิต
ปัจจุบันมีโรงงานที่ดำเนินการผลิตปลาทูน่ากระป๋องจำนวน 21 แห่ง อยู่ในจังหวัดสมุทรสาคร สุราษฏร์ธานี สงขลาและอื่น ๆ สำหรับปริมาณการผลิตปลาทูน่ากระป๋องในปี 2543 ประมาณว่าจะลดลงจากปีก่อนร้อยละ 25 เนื่องจากในปี 2542 มีปริมาณการผลิตปลาทูน่ากระป๋องเพิ่มขึ้นมาก เพราะราคาปลาทูน่าลดต่ำลง ส่วนในปี 2544 คาดว่าปริมาณการผลิตจะยังคงใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา
การส่งออก
ไทยส่งออกปลาทูน่ากระป๋องมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก โดยในปี 2543 (มกราคม-ตุลาคม) สามารถส่งออกได้ 199,379 ตัน มูลค่า 15,064.87 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งส่งออกได้ 206,024 ตัน มูลค่า 17,808.18 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3.22 และ 15.40 ตามลำดับ เนื่องจากปริมาณการจับปลาทูน่าของโลกเพิ่มมากขึ้น ทำให้ประเทศผู้ผลิตปลาทูน่ากระป๋องมีการผลิตเพิ่มขึ้น สำหรับปี 2544 คาดว่าการส่งออกปลาทูน่ากระป๋องจะเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา เพราะคาดว่าปริมาณการจับปลาทูน่าของโลกจะจำกัดลงทำให้มีการผลิตปลาทูน่ากระป๋องลดลง
ราคา
ราคาส่งออก (F.O.B.) ปลาทูน่ากระป๋อง ปี 2543 (มกราคม-ตุลาคม) เฉลี่ยตันละ 75,559 บาท ลดลงจากตันละ 86,437 บาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อนคิดเป็นร้อยละ 12.58 เนื่องจากราคาปลาทูน่าสดลดต่ำลง เป็นเหตุให้ราคาปลาทูน่ากระป๋องลดตามไปด้วย สำหรับปี 2544 คาดว่าราคาปลาทูน่ากระป๋องจะปรับตัวสูงขึ้นตามราคาปลาทูน่าสดที่คาดว่าจะดีขึ้นทั่วโลก 3) ปลาป่นอาหารสัตว์
การผลิต
ศูนย์สารสนเทศการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ได้ประมาณการผลผลิตปลาป่นปี 2543 จะผลิตได้ประมาณ 573,000 ตัน ลดลงจากที่ผลิตได้ 576,000 ตัน ในปี 2542 คิดเป็นร้อยละ 0.52 เนื่องจากสภาพความเสื่อมโทรมของทรัพยากรทางทะเล ทำให้วัตถุดิบในการผลิตปลาป่นมีปริมาณลดลง สำหรับปี 2544 คาดว่าจะผลิตปลาป่นได้ประมาณ 562,000 ตัน ลดลงจากปี 2543 ประมาณร้อยละ 1.92 เนื่องจากสภาพความเสื่อมโทรมของทรัพยากรสัตว์น้ำ ทำให้วัตถุดิบในการผลิตปลาป่นมีปริมาณลดลง
การส่งออก
ปี 2543 (มกราคม -ตุลาคม) ส่งออกปลาป่นอาหารสัตว์เป็นปริมาณ 7,734.93 ตัน มูลค่า 114.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากที่ส่งออกได้ปริมาณ 2,286.17 ตัน มูลค่า 30.46 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้วประมาณ 4 เท่า ทั้งปริมาณและมูลค่า การที่ไทยส่งออกได้เพิ่มขึ้นเนื่องจากเมื่อต้นปีทางสมาคมผู้ผลิตปลาป่นไทยและกรมส่งเสริมการส่งออกประสบผลสำเร็จในการเดินทางไปเจรจาเปิดตลาดส่งออกสินค้าปลาป่นกับประเทศจีนและไต้หวัน โดยได้รับออร์เดอร์ระยะสั้น 5,000 ตัน และระยะยาว 25,000 ตัน สำหรับประเทศคู่ค้าที่สำคัญ ได้แก่ อินเดีย ไต้หวัน สาธารณรัฐประชาชนจีนและบังคลาเทศ ส่วนในปี 2544 แนวโน้มการส่งออกปลาป่นของไทยคาดว่าจะสามารถส่งออกได้ปริมาณใกล้เคียงกับปีที่แล้ว
ราคา
ราคาขายส่งปลาป่นโปรตีน 60% มีแนวโน้มลดลง เนื่องจากมีการนำเข้าจากเปรูและชิลีเพิ่มขึ้น ซึ่งมีราคาถูกว่าปลาป่นไทย โดยราคาขายส่งปลาป่นโปรตีน 60% ปี 2543 เฉลี่ย กิโลกรัมละ 16.57 บาท เพิ่มขึ้นจาก 16.17 ของปี 2542 คิดเป็นร้อยละ 2.47 สำหรับราคานำเข้าปลาป่นเกรดกุ้งมีแนวโน้มลดลงอย่างมาก เนื่องจากผลผลิตปลาป่นของโลกมีมาก ทำให้ราคานำเข้าในปี 2543 (มกราคม-ตุลาคม) เฉลี่ยกิโลกรัมละ 18.62 บาท ต่ำกว่า 20.72 บาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 10.14 สำหรับปี 2544 คาดว่าราคาขายส่งปลาป่นชนิดโปรตีน 60% และราคานำเข้าจะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา
--ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร ฉบับที่ 52 ประจำวันที่ 1 - 7 ม.ค. 2544--
-สส-
1. สินค้าที่มีปัญหา
กาแฟ : ราคาตกต่ำอย่างต่อเนื่อง
ในปี 2543/44 กาแฟมีพื้นที่ให้ผล 409,499 ไร่ เพิ่มขึ้นจาก 406,863 ไร่ ของปี 2542/43 ร้อยละ 0.65 เนื่องจากกาแฟที่ปลูกใหม่ในแหล่งผลิตภาคใต้เริ่มทยอยให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น ประกอบกับสภาพอากาศเอื้ออำนวยทำให้ผลผลิตและผลผลิตต่อไร่สูงขึ้นเป็น 82,595 ตัน และ 202 กิโลกรัม เพิ่มขึ้นจาก 80,293 ตัน และ 197 กิโลกรัม ของปี 2542/43 ร้อยละ 2.87 และ 2.54 ตามลำดับ การส่งออก
ในปี 2543 (มกราคม - พฤศจิกายน ) มีปริมาณการส่งออกเมล็ดกาแฟดิบ 56,582 ตัน มูลค่า 1,621.739 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 24,228 ตัน มูลค่า 1,118.791 ล้านบาท ของช่วงเดียวกัน เมื่อปีที่แล้วร้อยละ 133.54 และ 44.95 ตามลำดับ เนื่องจากสภาพอากาศเอื้ออำนวยให้ผลผลิตกาแฟปีนี้สูงมาก โดยปกติจะส่งออกประมาณร้อยละ 70 ของปริมาณการผลิต ราคา
ในปี 2543/44 ราคาเมล็ดกาแฟดิบคละที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 27.70 บาท สูงขึ้นจาก 27.30 ของปี 2542/43 ร้อยละ 1.47 เนื่องจากรัฐบาลเข้าแทรกแซงตลาด โดยให้ อคส. รับซื้อกาแฟ ณ แหล่งผลิตในราคากิโลกรัมละ 32.00 บาท ซึ่งก่อนหน้านั้น คาดว่าผลผลิตกาแฟโลกปีนี้สูงมาก จะส่งผลให้ราคาตลาดโลกตกต่ำ และสถานการณ์ปัจจุบัน ราคากาแฟโรบัสตามีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง รายงานล่าสุด แจ้งว่า ราคารับซื้อในจังหวัดดักลัก ซึ่งเป็นแหล่งผลิตกาแฟใหญ่ที่สุดของเวียดนามเพียงกิโลกรัมละ 6,000 ดอง หรือประมาณ 17.36 บาท ซึ่งตกต่ำที่สุดในรอบ 30 ปี
ประมง : สถานการณ์การผลิตและการตลาดสินค้าประมง ปี 2543/44
1) ปลาหมึก
การผลิต
ปลาหมึกที่นิยมใช้ในการผลิตปลาหมึกสดแช่เย็นแช่แข็ง ประกอบด้วยปลาหมึกกระดอง ปลาหมึกกล้วยและปลาหมึกสาย ซึ่งได้จากการจับจากแหล่งน้ำธรรมชาติเท่านั้น ปลาหมึกส่วนหนึ่งจึงได้จากการทำประมงร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน ปี 2543 จะผลิตหรือจับได้ประมาณ 149,000 ตัน ลดลงจากที่ผลิตได้ 151,000 ตัน ในปี 2542 คิดเป็นร้อยละ 1.32
สำหรับปี 2544 คาดว่าผลผลิตปลาหมึกจะมีประมาณ 150,000 ตัน เพิ่มขึ้นจาก 149,000 ตัน ในปี 2543 คิดเป็นร้อยละ 0.67
การส่งออก
ปี 2543 ในช่วงเดือนมกราคม - ตุลาคม มีการส่งออกปลาหมึกสดแช่เย็นแช่แข็งปริมาณ 70,431 ตัน เพิ่มขึ้นจาก 69,902 ตัน ในช่วงเดียวกันของปีก่อนคิดเป็นร้อยละ 0.76 ส่วนมูลค่าการส่งออก 9,560.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 9,145.96 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อนคิดเป็นร้อยละ 4.53 โดยมีตลาดการส่งออกที่สำคัญ คือ ญี่ปุ่น รองลงมาได้แก่ สหภาพยุโรป ฮ่องกง สหรัฐอเมริกา และไต้หวัน สำหรับปี 2544 คาดว่าปริมาณการส่งออกปลาหมึกสดแช่เย็นแช่แข็งจะเพิ่มขึ้นจาก 88,000 ตัน เป็น 90,000 ตัน คิดเป็นร้อยละ 2.27 เนื่องจากการปรับปรุงขบวนการผลิตของไทยจะทำให้ส่งออกได้เพิ่มขึ้น
ราคา
ปี 2543 ราคาปลาหมึกมีการเปลี่ยนแปลง ดังนี้
ราคาปลาหมึกกระดองสดที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 40.87 บาท ลดลงจาก 44.75 บาท ในปี 2542 คิดเป็นร้อยละ 8.67
ราคาขายส่งที่สะพานปลากรุงเทพฯ มีราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 80.36 บาท เพิ่มขึ้นจาก 60.04 บาท ในปี 2542 คิดเป็นร้อยละ 33.84
ราคาส่งออก F.O.B. ปลาหมึกกระดองสดแช่เย็นแช่แข็ง ปี 2543 ในช่วงเดือนมกราคม - ตุลาคม มีราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 135.74 บาท เพิ่มขึ้นจาก 130.84 บาท ในช่วงเดียวกันของราคาปีก่อนร้อยละ 3.74
ราคาปลาหมึกสด ปี 2544 คาดว่าจะโน้มสูงขึ้นทุกระดับตลาด เพราะไทยยังมีปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบ 2) ปลาทูน่ากระป๋อง
การผลิต
ปัจจุบันมีโรงงานที่ดำเนินการผลิตปลาทูน่ากระป๋องจำนวน 21 แห่ง อยู่ในจังหวัดสมุทรสาคร สุราษฏร์ธานี สงขลาและอื่น ๆ สำหรับปริมาณการผลิตปลาทูน่ากระป๋องในปี 2543 ประมาณว่าจะลดลงจากปีก่อนร้อยละ 25 เนื่องจากในปี 2542 มีปริมาณการผลิตปลาทูน่ากระป๋องเพิ่มขึ้นมาก เพราะราคาปลาทูน่าลดต่ำลง ส่วนในปี 2544 คาดว่าปริมาณการผลิตจะยังคงใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา
การส่งออก
ไทยส่งออกปลาทูน่ากระป๋องมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก โดยในปี 2543 (มกราคม-ตุลาคม) สามารถส่งออกได้ 199,379 ตัน มูลค่า 15,064.87 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งส่งออกได้ 206,024 ตัน มูลค่า 17,808.18 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3.22 และ 15.40 ตามลำดับ เนื่องจากปริมาณการจับปลาทูน่าของโลกเพิ่มมากขึ้น ทำให้ประเทศผู้ผลิตปลาทูน่ากระป๋องมีการผลิตเพิ่มขึ้น สำหรับปี 2544 คาดว่าการส่งออกปลาทูน่ากระป๋องจะเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา เพราะคาดว่าปริมาณการจับปลาทูน่าของโลกจะจำกัดลงทำให้มีการผลิตปลาทูน่ากระป๋องลดลง
ราคา
ราคาส่งออก (F.O.B.) ปลาทูน่ากระป๋อง ปี 2543 (มกราคม-ตุลาคม) เฉลี่ยตันละ 75,559 บาท ลดลงจากตันละ 86,437 บาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อนคิดเป็นร้อยละ 12.58 เนื่องจากราคาปลาทูน่าสดลดต่ำลง เป็นเหตุให้ราคาปลาทูน่ากระป๋องลดตามไปด้วย สำหรับปี 2544 คาดว่าราคาปลาทูน่ากระป๋องจะปรับตัวสูงขึ้นตามราคาปลาทูน่าสดที่คาดว่าจะดีขึ้นทั่วโลก 3) ปลาป่นอาหารสัตว์
การผลิต
ศูนย์สารสนเทศการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ได้ประมาณการผลผลิตปลาป่นปี 2543 จะผลิตได้ประมาณ 573,000 ตัน ลดลงจากที่ผลิตได้ 576,000 ตัน ในปี 2542 คิดเป็นร้อยละ 0.52 เนื่องจากสภาพความเสื่อมโทรมของทรัพยากรทางทะเล ทำให้วัตถุดิบในการผลิตปลาป่นมีปริมาณลดลง สำหรับปี 2544 คาดว่าจะผลิตปลาป่นได้ประมาณ 562,000 ตัน ลดลงจากปี 2543 ประมาณร้อยละ 1.92 เนื่องจากสภาพความเสื่อมโทรมของทรัพยากรสัตว์น้ำ ทำให้วัตถุดิบในการผลิตปลาป่นมีปริมาณลดลง
การส่งออก
ปี 2543 (มกราคม -ตุลาคม) ส่งออกปลาป่นอาหารสัตว์เป็นปริมาณ 7,734.93 ตัน มูลค่า 114.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากที่ส่งออกได้ปริมาณ 2,286.17 ตัน มูลค่า 30.46 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้วประมาณ 4 เท่า ทั้งปริมาณและมูลค่า การที่ไทยส่งออกได้เพิ่มขึ้นเนื่องจากเมื่อต้นปีทางสมาคมผู้ผลิตปลาป่นไทยและกรมส่งเสริมการส่งออกประสบผลสำเร็จในการเดินทางไปเจรจาเปิดตลาดส่งออกสินค้าปลาป่นกับประเทศจีนและไต้หวัน โดยได้รับออร์เดอร์ระยะสั้น 5,000 ตัน และระยะยาว 25,000 ตัน สำหรับประเทศคู่ค้าที่สำคัญ ได้แก่ อินเดีย ไต้หวัน สาธารณรัฐประชาชนจีนและบังคลาเทศ ส่วนในปี 2544 แนวโน้มการส่งออกปลาป่นของไทยคาดว่าจะสามารถส่งออกได้ปริมาณใกล้เคียงกับปีที่แล้ว
ราคา
ราคาขายส่งปลาป่นโปรตีน 60% มีแนวโน้มลดลง เนื่องจากมีการนำเข้าจากเปรูและชิลีเพิ่มขึ้น ซึ่งมีราคาถูกว่าปลาป่นไทย โดยราคาขายส่งปลาป่นโปรตีน 60% ปี 2543 เฉลี่ย กิโลกรัมละ 16.57 บาท เพิ่มขึ้นจาก 16.17 ของปี 2542 คิดเป็นร้อยละ 2.47 สำหรับราคานำเข้าปลาป่นเกรดกุ้งมีแนวโน้มลดลงอย่างมาก เนื่องจากผลผลิตปลาป่นของโลกมีมาก ทำให้ราคานำเข้าในปี 2543 (มกราคม-ตุลาคม) เฉลี่ยกิโลกรัมละ 18.62 บาท ต่ำกว่า 20.72 บาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 10.14 สำหรับปี 2544 คาดว่าราคาขายส่งปลาป่นชนิดโปรตีน 60% และราคานำเข้าจะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา
--ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร ฉบับที่ 52 ประจำวันที่ 1 - 7 ม.ค. 2544--
-สส-