ข่าวในประเทศ
1. ธปท.ระบุมาตรการดอกเบี้ยต่ำจะเริ่มเห็นผลในปี 44 แหล่งข่าวจาก ธปท.เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันยังคงอ่อนแอ และระบบสถาบันการเงินยังไม่สามารถทำหน้าที่ปล่อยสินเชื่อได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้ผลของมาตรการดอกเบี้ยต่ำส่งผลกระตุ้นเศรษฐกิจช้ากว่าปกติ ที่จะใช้เวลาประมาณ 12-18 เดือน อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าภายในปี 44 จะเริ่มเห็นผล อย่างแน่นอน โดยเฉพาะภาคการใช้จ่ายของประชาชนและการลงทุนภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ธปท.ยังจำเป็นต้องดูแลให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อรอให้มาตรการเห็นผล ซึ่งในภาวการณ์ปัจจุบัน หากขึ้นอัตราดอกเบี้ยย่อมมีผู้ได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้กู้และบริษัทธุรกิจที่อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้ และกระทบต่อเนื่องถึงภาพรวมเศรษฐกิจที่กำลังกระเตื้องขึ้นเป็นลำดับต้องหยุดชะงักลง(ไทยโพสต์ 3)
2. ธปท. ชี้เศรษฐกิจในเดือน พ.ย.43 อยู่ในภาวะทรงตัว ผู้อำนวยการอาวุโส สายเศรษฐกิจในประเทศ ธปท.กล่าวว่า ตัวเลขเศรษฐกิจในเดือน พ.ย.43 ยังไม่มีแนวโน้มชัดเจนว่าดีขึ้นหรือไม่ แต่ปรับตัวดีขึ้นหากเทียบกับเดือนก่อน โดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับร้อยละ 116.6 จากระดับร้อยละ 111-113 ในระยะ 2-3 เดือนที่ผ่านมา อัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ระดับร้อยละ 57.9 ซึ่งทรงตัวในระดับร้อยละ 57 มา 3 เดือนแล้ว สะท้อนให้เห็นภาวะเศรษฐกิจทางด้านเครื่องใช้อุปโภค บริโภคเอกชนดีขึ้น การนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคขยายตัวเพียงร้อยละ 7.4 ซึ่งชะลอตัวลงค่อนข้างมากจากเดือน ต.ค. ที่ขยายตัวร้อยละ 25 และร้อยละ 30.9 ในเดือน ก.ค. ด้านดัชนีราคาผู้บริโภคยังอยู่ในระดับต่ำ คือร้อยละ 1.7 เป็นเดือนที่ 2 ภาวะการส่งออกในเดือน พ.ย.มีมูลค่าสูงถึง 6,051 ล.บาท ขยายตัวร้อยละ 18 คาดว่าจะทำให้การส่งออกปี 43 ขยายตัวประมาณร้อยละ 20 สำหรับภาคการเงินยังไม่สดใสมากนัก โดยเงินฝากขยายตัวร้อยละ 3.9 ขณะที่สินเชื่อหดตัวร้อยละ 11.2 เนื่องจากการโอนบัญชีตัดหนี้สูญ และการโอนเข้าบริษัทบริหารสินทรัพย์ (เอเอ็มซี) สะท้อนการปล่อยสินเชื่อในระบบยังไม่มีแนวโน้มดีขึ้นชัดเจน(กรุงเทพธุรกิจ 30)
3. ผลการดำเนินงานของสาขาธนาคารต่างประเทศช่วง 9 เดือนแรกปี 43 ผู้ช่วยผู้ว่าการสายสารสนเทศและประชาสัมพันธ์ ธปท.เปิดเผยฐานะผลการดำเนินงานของสาขา ธ.ต่างประเทศในช่วง 9 เดือนแรกปี 43 ว่า มีผลกำไรสุทธิ 9.8 พัน ล.บาท เทียบกับระยะเดียวกันปี 42 ที่มีกำไรสุทธิ 0.4 พัน ล.บาท โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลการดำเนินงานดีขึ้นคือ ภาระการกันเงินสำรองที่ลดลงมากจำนวน 11.2 พัน ล.บาท และความสามารถในการทำกำไรในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นจำนวน 3.3 พัน ล.บาท ส่งผลให้สัดส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยสูงขึ้นเป็นร้อยละ 25.6 ของรายได้รวม จากระยะเดียวกันปี 42 ที่อยู่ในระดับร้อยละ 18.5 ของรายได้รวม ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือน ก.ย.43 สาขาธนาคารต่างประเทศจำนวน 21 แห่ง มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 830.5 พัน ล.บาท โดยร้อยละ 76 หรือจำนวน 631.5 พัน ล.บาทเป็นสินทรัพย์ประเภทเงินให้สินเชื่อ สำหรับเอ็นพีแอล ณ สิ้นเดือน ก.ย.43 มีจำนวน 39.3 พัน ล.บาท หรือร้อยละ 6.23 ของสินเชื่อรวมของสาขา ธ.ต่างประเทศ หรือร้อยละ 0.8 ของสินเชื่อรวมทั้งระบบของสถาบันการเงิน ทั้งนี้ สาขาของ ธ.ต่างประเทศมีแนวโน้มบริหารสภาพคล่องด้วยการใช้แหล่งเงินทุนจากเงินฝากของภาคธุรกิจ และกู้ยืมเงินในตลาดอาร์/พี (วัฏจักร 3)
ข่าวต่างประเทศ
1. เดือน ธ.ค. 43 ภาวะอุตสาหกรรมการผลิตของ สรอ. ลดลงต่ำสุดในรอบเกือบ 10 ปี รายงานจากนิวยอร์กเมื่อวันที่ 2 ม.ค. 44 National Association of Purchasing Management (NAPM) รายงานว่า เดือน ธ.ค. 43 ดัชนีภาวะอุตสาหกรรมการผลิตของ สรอ. ลดลงอยู่ที่ระดับ 43.7 จากระดับ 47.7 ในเดือน พ.ย. 43 นับว่าลดลงต่ำที่สุดตั้งแต่เดือน เม.ย. 34 และชี้ถึงภาคอุตสาหกรรมการผลิตที่กำลังอ่อนแอ โดยได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ทั้งนี้ คำสั่งซื้อใหม่ในเดือน ธ.ค. 43 ลดลงอย่างมาก อยู่ที่ระดับ 42 จากระดับ 48.4 ในเดือน พ.ย 43 ซึ่งต่ำกว่าระดับ 50 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 แสดงว่า ผลผลิตอุตสาหกรรมการผลิตจะชะลอตัวลงต่อไปในช่วง 3 เดือนแรกของปีใหม่นี้ ส่วน ดัชนีราคา ที่ใช้วัดภาวะเงินเฟ้อ เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 61 จากระดับ 56.6 ในเดือน พ.ย. 43 เนื่องจากราคาพลังงานสูงขึ้น นักเศรษฐศาสตร์ กล่าวว่า จากรายงานครั้งนี้ ยิ่งเพิ่มโอกาสที่ ธ. กลาง สรอ. จะลดอัตราดอกเบี้ยที่สำคัญลงร้อยละ 0.5 ในช่วงครึ่งหลังของเดือน ม.ค. 44 (รอยเตอร์ 2)
2. ปริมาณเงินหมุนเวียน (M3) ของเขตยูโรขยายตัวลดลงอยู่ที่ระดับร้อยละ 4.9 รายงานจากแฟรงก์เฟิร์ต เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.43 ธ.กลางยุโรป (ECB) รายงานว่า เดือน พ.ย.43 ปริมาณเงินหมุนเวียน (M3) ของเขตยูโรขยายตัวลดลงอย่างมากมาอยู่ที่ระดับร้อยละ 4.9 ต่อปี จากที่ขยายตัวร้อยละ 5.2 ต่อปี ในเดือน ต.ค.43 ขยายตัวลดลงมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดหมายไว้ว่าจะขยายตัวร้อยละ 5.2 และเป็นการลดลงมาอยู่ในระดับใกล้เคียงกับอัตราอ้างอิงของ ECB ที่กำหนดไว้ที่ร้อยละ 4.5 ขณะที่ปริมาณเงินฯ ในอัตราเคลื่อนที่เฉลี่ย 3 เดือนซึ่งมีเสถียรภาพมากกว่า ขยายตัวลดลงเช่นกัน มาอยู่ที่ร้อยละ 5.1 ต่อปี จากที่ขยายตัวร้อยละ 5.4 ในเดือน ต.ค.43 ขยายตัวลดลงมากกว่าความคาดหมายของนักเศรษฐศาสตร์ที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 5.3 โดยในเดือน พ.ย.นี้ สินเชื่อโดยรวมขยายตัวลดลงอยู่ที่ร้อยละ 5.8 ต่อปี จากที่ขยายตัวร้อยละ 6.4 ในเดือน ต.ค.43 ซึ่งเฉพาะสินเชื่อที่ให้แก่เอกชนขยายตัวลดลงอยู่ที่ร้อยละ 10.1 จากที่ขยายตัวร้อยละ 10.8 ในเดือน ต.ค.43 ทั้งนี้ จากรายงานปริมาณเงินฯ ในเดือน พ.ย.43 ทำให้ตลาดการเงินเพิ่มความเชื่อมั่นว่า ECB จะยังไม่เปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยในขณะนี้ และในปี 44 นี้ มีแนวโน้มว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย (รอยเตอร์ 29)
3. คาดว่าเศรษฐกิจของเยอรมนีจะขยายตัวร้อยละ 2.8 ในปี 44 รายงานจากแฟรงก์เฟิร์ตเมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 43 ที่ปรึกษาอาวุโสซึ่งเป็นสมาชิกคณะกรรมาธิการที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจอิสระของเยอรมนี (Rolf Peffekoven) กล่าวว่า ในปี 44 เศรษฐกิจของเยอรมนียังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องต่อไป แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลง โดยคาดว่าเศรษฐกิจของเยอรมนีจะขยายตัวประมาณร้อยละ 2.8 และเงินเฟ้อเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณร้อยละ 2 นอกจากนี้ค่าแรงงานจะเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ได้เตรียมพร้อมกำหนดข้อตกลงอัตราค่าจ้างแรงงานที่แน่นอนในปี 44 (รอยเตอร์ 28)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์ สรอ.ระหว่างธนาคาร ณ สิ้นวันทำการ 29 ธ.ค.43 43.262 (42.940)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ที่ ธพ.ซื้อขายกับลูกค้า(ตั๋วเงิน) ณ สิ้นวันทำการ 29 ธ.ค. 43
ซื้อ 43.0956 (42.7017) ขาย 43.4396 (43.0397)
ทองคำแท่ง(บาทละ) ซื้อ 5,550 (5,550) ขาย 5,650 (5,650)
น้ำมันดิบ(ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล) โอมาน 20.55 - (-)
น้ำมันเบนซินพิเศษ(เพอร์ฟอร์มาโกลด์) 15.59 (15.59) ดีเซลหมุนเร็ว 13.14 (13.14)
หมายเหตุ ตัวเลขในวงเล็บเป็นตัวเลขของวันก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. ธปท.ระบุมาตรการดอกเบี้ยต่ำจะเริ่มเห็นผลในปี 44 แหล่งข่าวจาก ธปท.เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันยังคงอ่อนแอ และระบบสถาบันการเงินยังไม่สามารถทำหน้าที่ปล่อยสินเชื่อได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้ผลของมาตรการดอกเบี้ยต่ำส่งผลกระตุ้นเศรษฐกิจช้ากว่าปกติ ที่จะใช้เวลาประมาณ 12-18 เดือน อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าภายในปี 44 จะเริ่มเห็นผล อย่างแน่นอน โดยเฉพาะภาคการใช้จ่ายของประชาชนและการลงทุนภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ธปท.ยังจำเป็นต้องดูแลให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อรอให้มาตรการเห็นผล ซึ่งในภาวการณ์ปัจจุบัน หากขึ้นอัตราดอกเบี้ยย่อมมีผู้ได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้กู้และบริษัทธุรกิจที่อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้ และกระทบต่อเนื่องถึงภาพรวมเศรษฐกิจที่กำลังกระเตื้องขึ้นเป็นลำดับต้องหยุดชะงักลง(ไทยโพสต์ 3)
2. ธปท. ชี้เศรษฐกิจในเดือน พ.ย.43 อยู่ในภาวะทรงตัว ผู้อำนวยการอาวุโส สายเศรษฐกิจในประเทศ ธปท.กล่าวว่า ตัวเลขเศรษฐกิจในเดือน พ.ย.43 ยังไม่มีแนวโน้มชัดเจนว่าดีขึ้นหรือไม่ แต่ปรับตัวดีขึ้นหากเทียบกับเดือนก่อน โดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับร้อยละ 116.6 จากระดับร้อยละ 111-113 ในระยะ 2-3 เดือนที่ผ่านมา อัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ระดับร้อยละ 57.9 ซึ่งทรงตัวในระดับร้อยละ 57 มา 3 เดือนแล้ว สะท้อนให้เห็นภาวะเศรษฐกิจทางด้านเครื่องใช้อุปโภค บริโภคเอกชนดีขึ้น การนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคขยายตัวเพียงร้อยละ 7.4 ซึ่งชะลอตัวลงค่อนข้างมากจากเดือน ต.ค. ที่ขยายตัวร้อยละ 25 และร้อยละ 30.9 ในเดือน ก.ค. ด้านดัชนีราคาผู้บริโภคยังอยู่ในระดับต่ำ คือร้อยละ 1.7 เป็นเดือนที่ 2 ภาวะการส่งออกในเดือน พ.ย.มีมูลค่าสูงถึง 6,051 ล.บาท ขยายตัวร้อยละ 18 คาดว่าจะทำให้การส่งออกปี 43 ขยายตัวประมาณร้อยละ 20 สำหรับภาคการเงินยังไม่สดใสมากนัก โดยเงินฝากขยายตัวร้อยละ 3.9 ขณะที่สินเชื่อหดตัวร้อยละ 11.2 เนื่องจากการโอนบัญชีตัดหนี้สูญ และการโอนเข้าบริษัทบริหารสินทรัพย์ (เอเอ็มซี) สะท้อนการปล่อยสินเชื่อในระบบยังไม่มีแนวโน้มดีขึ้นชัดเจน(กรุงเทพธุรกิจ 30)
3. ผลการดำเนินงานของสาขาธนาคารต่างประเทศช่วง 9 เดือนแรกปี 43 ผู้ช่วยผู้ว่าการสายสารสนเทศและประชาสัมพันธ์ ธปท.เปิดเผยฐานะผลการดำเนินงานของสาขา ธ.ต่างประเทศในช่วง 9 เดือนแรกปี 43 ว่า มีผลกำไรสุทธิ 9.8 พัน ล.บาท เทียบกับระยะเดียวกันปี 42 ที่มีกำไรสุทธิ 0.4 พัน ล.บาท โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลการดำเนินงานดีขึ้นคือ ภาระการกันเงินสำรองที่ลดลงมากจำนวน 11.2 พัน ล.บาท และความสามารถในการทำกำไรในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นจำนวน 3.3 พัน ล.บาท ส่งผลให้สัดส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยสูงขึ้นเป็นร้อยละ 25.6 ของรายได้รวม จากระยะเดียวกันปี 42 ที่อยู่ในระดับร้อยละ 18.5 ของรายได้รวม ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือน ก.ย.43 สาขาธนาคารต่างประเทศจำนวน 21 แห่ง มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 830.5 พัน ล.บาท โดยร้อยละ 76 หรือจำนวน 631.5 พัน ล.บาทเป็นสินทรัพย์ประเภทเงินให้สินเชื่อ สำหรับเอ็นพีแอล ณ สิ้นเดือน ก.ย.43 มีจำนวน 39.3 พัน ล.บาท หรือร้อยละ 6.23 ของสินเชื่อรวมของสาขา ธ.ต่างประเทศ หรือร้อยละ 0.8 ของสินเชื่อรวมทั้งระบบของสถาบันการเงิน ทั้งนี้ สาขาของ ธ.ต่างประเทศมีแนวโน้มบริหารสภาพคล่องด้วยการใช้แหล่งเงินทุนจากเงินฝากของภาคธุรกิจ และกู้ยืมเงินในตลาดอาร์/พี (วัฏจักร 3)
ข่าวต่างประเทศ
1. เดือน ธ.ค. 43 ภาวะอุตสาหกรรมการผลิตของ สรอ. ลดลงต่ำสุดในรอบเกือบ 10 ปี รายงานจากนิวยอร์กเมื่อวันที่ 2 ม.ค. 44 National Association of Purchasing Management (NAPM) รายงานว่า เดือน ธ.ค. 43 ดัชนีภาวะอุตสาหกรรมการผลิตของ สรอ. ลดลงอยู่ที่ระดับ 43.7 จากระดับ 47.7 ในเดือน พ.ย. 43 นับว่าลดลงต่ำที่สุดตั้งแต่เดือน เม.ย. 34 และชี้ถึงภาคอุตสาหกรรมการผลิตที่กำลังอ่อนแอ โดยได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ทั้งนี้ คำสั่งซื้อใหม่ในเดือน ธ.ค. 43 ลดลงอย่างมาก อยู่ที่ระดับ 42 จากระดับ 48.4 ในเดือน พ.ย 43 ซึ่งต่ำกว่าระดับ 50 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 แสดงว่า ผลผลิตอุตสาหกรรมการผลิตจะชะลอตัวลงต่อไปในช่วง 3 เดือนแรกของปีใหม่นี้ ส่วน ดัชนีราคา ที่ใช้วัดภาวะเงินเฟ้อ เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 61 จากระดับ 56.6 ในเดือน พ.ย. 43 เนื่องจากราคาพลังงานสูงขึ้น นักเศรษฐศาสตร์ กล่าวว่า จากรายงานครั้งนี้ ยิ่งเพิ่มโอกาสที่ ธ. กลาง สรอ. จะลดอัตราดอกเบี้ยที่สำคัญลงร้อยละ 0.5 ในช่วงครึ่งหลังของเดือน ม.ค. 44 (รอยเตอร์ 2)
2. ปริมาณเงินหมุนเวียน (M3) ของเขตยูโรขยายตัวลดลงอยู่ที่ระดับร้อยละ 4.9 รายงานจากแฟรงก์เฟิร์ต เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.43 ธ.กลางยุโรป (ECB) รายงานว่า เดือน พ.ย.43 ปริมาณเงินหมุนเวียน (M3) ของเขตยูโรขยายตัวลดลงอย่างมากมาอยู่ที่ระดับร้อยละ 4.9 ต่อปี จากที่ขยายตัวร้อยละ 5.2 ต่อปี ในเดือน ต.ค.43 ขยายตัวลดลงมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดหมายไว้ว่าจะขยายตัวร้อยละ 5.2 และเป็นการลดลงมาอยู่ในระดับใกล้เคียงกับอัตราอ้างอิงของ ECB ที่กำหนดไว้ที่ร้อยละ 4.5 ขณะที่ปริมาณเงินฯ ในอัตราเคลื่อนที่เฉลี่ย 3 เดือนซึ่งมีเสถียรภาพมากกว่า ขยายตัวลดลงเช่นกัน มาอยู่ที่ร้อยละ 5.1 ต่อปี จากที่ขยายตัวร้อยละ 5.4 ในเดือน ต.ค.43 ขยายตัวลดลงมากกว่าความคาดหมายของนักเศรษฐศาสตร์ที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 5.3 โดยในเดือน พ.ย.นี้ สินเชื่อโดยรวมขยายตัวลดลงอยู่ที่ร้อยละ 5.8 ต่อปี จากที่ขยายตัวร้อยละ 6.4 ในเดือน ต.ค.43 ซึ่งเฉพาะสินเชื่อที่ให้แก่เอกชนขยายตัวลดลงอยู่ที่ร้อยละ 10.1 จากที่ขยายตัวร้อยละ 10.8 ในเดือน ต.ค.43 ทั้งนี้ จากรายงานปริมาณเงินฯ ในเดือน พ.ย.43 ทำให้ตลาดการเงินเพิ่มความเชื่อมั่นว่า ECB จะยังไม่เปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยในขณะนี้ และในปี 44 นี้ มีแนวโน้มว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย (รอยเตอร์ 29)
3. คาดว่าเศรษฐกิจของเยอรมนีจะขยายตัวร้อยละ 2.8 ในปี 44 รายงานจากแฟรงก์เฟิร์ตเมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 43 ที่ปรึกษาอาวุโสซึ่งเป็นสมาชิกคณะกรรมาธิการที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจอิสระของเยอรมนี (Rolf Peffekoven) กล่าวว่า ในปี 44 เศรษฐกิจของเยอรมนียังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องต่อไป แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลง โดยคาดว่าเศรษฐกิจของเยอรมนีจะขยายตัวประมาณร้อยละ 2.8 และเงินเฟ้อเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณร้อยละ 2 นอกจากนี้ค่าแรงงานจะเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ได้เตรียมพร้อมกำหนดข้อตกลงอัตราค่าจ้างแรงงานที่แน่นอนในปี 44 (รอยเตอร์ 28)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์ สรอ.ระหว่างธนาคาร ณ สิ้นวันทำการ 29 ธ.ค.43 43.262 (42.940)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ที่ ธพ.ซื้อขายกับลูกค้า(ตั๋วเงิน) ณ สิ้นวันทำการ 29 ธ.ค. 43
ซื้อ 43.0956 (42.7017) ขาย 43.4396 (43.0397)
ทองคำแท่ง(บาทละ) ซื้อ 5,550 (5,550) ขาย 5,650 (5,650)
น้ำมันดิบ(ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล) โอมาน 20.55 - (-)
น้ำมันเบนซินพิเศษ(เพอร์ฟอร์มาโกลด์) 15.59 (15.59) ดีเซลหมุนเร็ว 13.14 (13.14)
หมายเหตุ ตัวเลขในวงเล็บเป็นตัวเลขของวันก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-