กรุงเทพฯ--18 มิ.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
การประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการระหว่าง ไทย-อินโดนีเซีย ครั้งที่ 4 ได้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 14 -15 มิถุนายน 2544 ที่กรุงเทพฯ โดยมี ฯพณฯ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย และนาย Alwi Shihab รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซีย เป็นประธานร่วมฯ ในการประชุมฯ
วัตถุประสงค์ของการจัดประชุมคณะกรรมาธิการร่วมฯ เพื่อขยายความร่วมมือด้าน เศรษฐกิจ การค้า และการท่องเที่ยว และติดตามความคืบหน้าของการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมฯ ครั้งที่ 3 ที่จัดขึ้นที่กรุงจาการ์ตาในปี พ.ศ. 2541
ผลการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมฯ สรุปได้ดังนี้
1. แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในภูมิภาค
ประเทศไทยและอินโดนีเซียตกลงที่จะร่วมมือพัฒนาอาเซียนให้เป็นองค์กรที่มีความ เข้มแข็งและน่าเชื่อถือในภูมิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นต่อ สถานการณ์ทางการเมืองในภูมิภาค และความผันผวนทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในภูมิภาคอาเซียน
ประเทศไทยและอินโดนีเซียตระหนักถึงความสำคัญของการมีเสถียรภาพทางการเมือง และเศรษฐกิจในภูมิภาค และแนวทางที่จะสามารถลดช่องว่างระหว่างประเทศที่ร่ำรวยกับประเทศที่ยากจน และระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนเก่ากับประเทศสมาชิกอาเซียนใหม่
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองประเทศได้แลกเปลี่ยนความเห็น เกี่ยวกับแนวทางแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตกลงกันที่จะเพิ่มความร่วมมือแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวกรองร่วมกัน เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติต่างๆ เช่น การลักลอบค้ายาเสพติด และการลักลอบนำบุคคลและสินค้าผิดกฎหมายเข้าประเทศ นอกจากนั้น ได้ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องการพัฒนาทางการเมืองและความมั่นคงในเอเชีย-แปซิฟิก รวมทั้งในเขต ทะเลจีนใต้ และพัฒนาการในคาบสมุทรเกาหลี
2. ด้านเศรษฐกิจ/การค้า
2.1 ร่างความตกลงทางการค้า
ทั้งสองประเทศรับทราบความคืบหน้าของการพิจารณาร่างความตกลงทางการค้าและได้ตกลงจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมทางการค้า เพื่อเป็นกรอบขยายความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างกัน
2.2 การค้าต่างตอบแทนและการแลกเปลี่ยนทางการค้า
ทั้งสองประเทศได้ตกลงที่จะมอบรายชื่อสินค้าที่สมควรทำการค้าต่างตอบแทนและแลกเปลี่ยนสินค้า ที่ประชุมได้พิจารณาความเป็นไปได้ เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการค้าและการชำระเงินแก่นักธุรกิจของสองประเทศ รวมทั้งเปิดบัญชีทางการค้าและการใช้เงินสกุลท้องถิ่น
2.3 ความร่วมมือระหว่างผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจ
ทั้งสองฝ่ายจะจัดให้มีการประชุมผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจ เพื่อหารือประเด็นความร่วมมือทวิภาคี ในกรอบภูมิภาคและกรอบพหุภาคี
2.4 การส่งเสริมทางการค้า
ทั้งสองฝ่ายจะพิจารณาลู่ทางขยายความร่วมมือในการส่งเสริมการอำนวยความสะดวกแก่การค้าและการชำระเงิน เช่น การใช้เงินสกุลท้องถิ่น และการจัดทำ trading accounts โดยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยแสดงความสนใจที่จะอำนวยความสะดวกในการขยาย การค้าระหว่างสองประเทศ
2.5 ความร่วมมือด้านยางพารา
ประเทศไทยได้ขอความร่วมมืออินโดนีเซียสนับสนุนความพยายามของไทย ในเรื่องการพยุงราคายางพารา เพื่อก่อให้เกิดเสถียรภาพทางด้านราคาและการดำเนินการด้านการจำหน่าย โดยอินโดนีเซียจะส่งคณะผู้แทนระดับรัฐมนตรีมายังประเทศไทยในเดือนกรกฎาคม 2544 เพื่อหารือโครงการความร่วมมือดังกล่าวกับประเทศไทย
2.6 ข้าว
ฝ่ายไทยได้แสดงความห่วงกังวลที่หน่วยงานคลังสำรองอาหารแห่งชาติของอินโด นีเซีย (BULOG) จะเสนอสภาผู้แทนราษฎรอินโดนีเซียให้มีการกำหนดโควต้านำเข้าข้าว ซึ่งอินโดนีเซีย แจ้งว่า นโยบายของอินโดนีเซียจะเป็นไปตามพันธะกรณีของ WTO และ AFTA
2.7 ด้านการลงทุน
ทั้งสองฝ่ายตกลงเพิ่มความร่วมมือด้านการลงทุน รวมทั้งความร่วมมือในเรื่อง อุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดเล็ก
ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะจัดตั้งอนุกรรมการด้านการลงทุนภายใต้คณะกรรมาธิการร่วมฯ เพื่อขยายความร่วมมือ
2.8 ด้านการท่องเที่ยว
ในเรื่องการท่องเที่ยว ประเทศไทยกำลังพิจารณาร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วย ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวที่เสนอโดยฝ่ายอินโดนีเซีย และพร้อมที่จะจัดให้มีการลงนามความตกลง โดยเร็ว
2.9 ความร่วมมือด้านประมง
ทั้งสองประเทศตกลงที่จะขยายความร่วมมือด้านประมง และตกลงที่จะจัดตั้ง อนุกรรมการด้านประมงภายใต้คณะกรรมาธิการร่วมฯ โดยจะร่วมมือด้านประมง การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและ อุตสาหกรรมแปรรูปอาหารทะเล
อนุกรรมการด้านประมงจะประกอบด้วยหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ผู้แทนสมาคมประมงแห่งประเทศไทย และผู้แทนสมาคมประมงนอกน่านน้ำ 2.10 ความร่วมมือด้านพลังงาน ป่าไม้ และเหมืองแร่
ประเทศไทยและอินโดนีเซียจะร่วมมือในเรื่องโครงการขจัดไฟป่า และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในเรื่องการอนุรักษ์ป่าไม้และการลักลอบตัดไม้อย่างผิดกฎหมาย
ทั้งสองฝ่ายได้หารือในรายละเอียดเกี่ยวกับการนำน้ำมันดิบจากอินโดนีเซียมา กลั่นในประเทศไทย ทั้งนี้ การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยจะร่วมมือกับบริษัท P.T. DWINOGO MANUNGGALING ROSO ด้านการกลั่นน้ำมัน และความเป็นไปได้ในการซื้อก๊าซธรรมชาติจากอินโดนีเซียในอนาคต
ทั้งสองฝ่ายจะแสวงหาความร่วมมือในด้านการสำรวจเหมืองแร่และการลงทุน
2.11 ความร่วมมือด้านวัฒนธรรม
ทั้งสองประเทศจะเพิ่มการแลกเปลี่ยนทางด้านวัฒนธรรม อาทิ คณะนาฏศิลป์ และ โครงการแลกเปลี่ยนข่าวสารและร่วมมือระหว่างหน่วยงานด้านข่าวสารของรัฐ เพื่อส่งเสริมความเข้าใจระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศให้ดียิ่งขึ้น
2.12 ความร่วมมือด้านวิชาการและการศึกษา
ทั้งสองฝ่ายจะแลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านการศึกษา รวมทั้งแลกเปลี่ยนทุนและ ฝึกอบรมให้แก่นักศึกษาและประชาชนของแต่ละฝ่าย
ไทยได้เสนอความช่วยเหลือด้าน IT โดยจะมีการหารือในรายละเอียดในด้านนี้ต่อไป
2.13 ด้านกงสุล
ประเทศไทยได้เสนอให้มีการจัดทำความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราระหว่าง ผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการ เพื่ออำนวยความสะดวกในการติดต่อระหว่างข้าราชการของทั้งสองประเทศ และอินโดนีเซียจะอนุญาตให้มีการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับข้าราชการและ นักการทูตของทั้งสองฝ่าย ก่อนที่จะมีการลงนามความตกลงการยกเว้นการตรวจลงตราดังกล่าว
2.14 ด้านแรงงาน
ประเทศไทยได้เชิญอินโดนีเซียเข้าร่วมในโครงการของสถาบันพัฒนาแรงงาน ระหว่างประเทศ ซึ่งมีสำนักงานอยู่ที่สงขลา
2.15 สนธิสัญญาโอนตัวนักโทษ
ประเทศไทยได้เสนอร่างสนธิสัญญาโอนตัวนักโทษและความร่วมมือในการบังคับใช้ กฎหมายอาญาระหว่างทั้งสองประเทศ เพื่อให้ฝ่ายอินโดนีเซียพิจารณา
ในระหว่างการประชุมฯ ได้มีการลงนามความตกลงว่าด้วยการเว้นการเก็บภาษีซ้อน
โดยสรุป การประชุมครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง และช่วยให้ประเทศไทยและ อินโดนีเซียสามารถวางกรอบความร่วมมือในระยะยาวที่เป็นประโยชน์ต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ และได้ตกลงที่จะจัดการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมฯ ครั้งที่ 5 ที่ประเทศอินโดนีเซียในช่วงเวลาที่ทั้งสองฝ่ายสะดวกต่อไป
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-
การประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการระหว่าง ไทย-อินโดนีเซีย ครั้งที่ 4 ได้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 14 -15 มิถุนายน 2544 ที่กรุงเทพฯ โดยมี ฯพณฯ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย และนาย Alwi Shihab รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซีย เป็นประธานร่วมฯ ในการประชุมฯ
วัตถุประสงค์ของการจัดประชุมคณะกรรมาธิการร่วมฯ เพื่อขยายความร่วมมือด้าน เศรษฐกิจ การค้า และการท่องเที่ยว และติดตามความคืบหน้าของการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมฯ ครั้งที่ 3 ที่จัดขึ้นที่กรุงจาการ์ตาในปี พ.ศ. 2541
ผลการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมฯ สรุปได้ดังนี้
1. แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในภูมิภาค
ประเทศไทยและอินโดนีเซียตกลงที่จะร่วมมือพัฒนาอาเซียนให้เป็นองค์กรที่มีความ เข้มแข็งและน่าเชื่อถือในภูมิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นต่อ สถานการณ์ทางการเมืองในภูมิภาค และความผันผวนทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในภูมิภาคอาเซียน
ประเทศไทยและอินโดนีเซียตระหนักถึงความสำคัญของการมีเสถียรภาพทางการเมือง และเศรษฐกิจในภูมิภาค และแนวทางที่จะสามารถลดช่องว่างระหว่างประเทศที่ร่ำรวยกับประเทศที่ยากจน และระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนเก่ากับประเทศสมาชิกอาเซียนใหม่
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองประเทศได้แลกเปลี่ยนความเห็น เกี่ยวกับแนวทางแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตกลงกันที่จะเพิ่มความร่วมมือแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวกรองร่วมกัน เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติต่างๆ เช่น การลักลอบค้ายาเสพติด และการลักลอบนำบุคคลและสินค้าผิดกฎหมายเข้าประเทศ นอกจากนั้น ได้ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องการพัฒนาทางการเมืองและความมั่นคงในเอเชีย-แปซิฟิก รวมทั้งในเขต ทะเลจีนใต้ และพัฒนาการในคาบสมุทรเกาหลี
2. ด้านเศรษฐกิจ/การค้า
2.1 ร่างความตกลงทางการค้า
ทั้งสองประเทศรับทราบความคืบหน้าของการพิจารณาร่างความตกลงทางการค้าและได้ตกลงจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมทางการค้า เพื่อเป็นกรอบขยายความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างกัน
2.2 การค้าต่างตอบแทนและการแลกเปลี่ยนทางการค้า
ทั้งสองประเทศได้ตกลงที่จะมอบรายชื่อสินค้าที่สมควรทำการค้าต่างตอบแทนและแลกเปลี่ยนสินค้า ที่ประชุมได้พิจารณาความเป็นไปได้ เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการค้าและการชำระเงินแก่นักธุรกิจของสองประเทศ รวมทั้งเปิดบัญชีทางการค้าและการใช้เงินสกุลท้องถิ่น
2.3 ความร่วมมือระหว่างผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจ
ทั้งสองฝ่ายจะจัดให้มีการประชุมผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจ เพื่อหารือประเด็นความร่วมมือทวิภาคี ในกรอบภูมิภาคและกรอบพหุภาคี
2.4 การส่งเสริมทางการค้า
ทั้งสองฝ่ายจะพิจารณาลู่ทางขยายความร่วมมือในการส่งเสริมการอำนวยความสะดวกแก่การค้าและการชำระเงิน เช่น การใช้เงินสกุลท้องถิ่น และการจัดทำ trading accounts โดยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยแสดงความสนใจที่จะอำนวยความสะดวกในการขยาย การค้าระหว่างสองประเทศ
2.5 ความร่วมมือด้านยางพารา
ประเทศไทยได้ขอความร่วมมืออินโดนีเซียสนับสนุนความพยายามของไทย ในเรื่องการพยุงราคายางพารา เพื่อก่อให้เกิดเสถียรภาพทางด้านราคาและการดำเนินการด้านการจำหน่าย โดยอินโดนีเซียจะส่งคณะผู้แทนระดับรัฐมนตรีมายังประเทศไทยในเดือนกรกฎาคม 2544 เพื่อหารือโครงการความร่วมมือดังกล่าวกับประเทศไทย
2.6 ข้าว
ฝ่ายไทยได้แสดงความห่วงกังวลที่หน่วยงานคลังสำรองอาหารแห่งชาติของอินโด นีเซีย (BULOG) จะเสนอสภาผู้แทนราษฎรอินโดนีเซียให้มีการกำหนดโควต้านำเข้าข้าว ซึ่งอินโดนีเซีย แจ้งว่า นโยบายของอินโดนีเซียจะเป็นไปตามพันธะกรณีของ WTO และ AFTA
2.7 ด้านการลงทุน
ทั้งสองฝ่ายตกลงเพิ่มความร่วมมือด้านการลงทุน รวมทั้งความร่วมมือในเรื่อง อุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดเล็ก
ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะจัดตั้งอนุกรรมการด้านการลงทุนภายใต้คณะกรรมาธิการร่วมฯ เพื่อขยายความร่วมมือ
2.8 ด้านการท่องเที่ยว
ในเรื่องการท่องเที่ยว ประเทศไทยกำลังพิจารณาร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วย ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวที่เสนอโดยฝ่ายอินโดนีเซีย และพร้อมที่จะจัดให้มีการลงนามความตกลง โดยเร็ว
2.9 ความร่วมมือด้านประมง
ทั้งสองประเทศตกลงที่จะขยายความร่วมมือด้านประมง และตกลงที่จะจัดตั้ง อนุกรรมการด้านประมงภายใต้คณะกรรมาธิการร่วมฯ โดยจะร่วมมือด้านประมง การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและ อุตสาหกรรมแปรรูปอาหารทะเล
อนุกรรมการด้านประมงจะประกอบด้วยหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ผู้แทนสมาคมประมงแห่งประเทศไทย และผู้แทนสมาคมประมงนอกน่านน้ำ 2.10 ความร่วมมือด้านพลังงาน ป่าไม้ และเหมืองแร่
ประเทศไทยและอินโดนีเซียจะร่วมมือในเรื่องโครงการขจัดไฟป่า และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในเรื่องการอนุรักษ์ป่าไม้และการลักลอบตัดไม้อย่างผิดกฎหมาย
ทั้งสองฝ่ายได้หารือในรายละเอียดเกี่ยวกับการนำน้ำมันดิบจากอินโดนีเซียมา กลั่นในประเทศไทย ทั้งนี้ การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยจะร่วมมือกับบริษัท P.T. DWINOGO MANUNGGALING ROSO ด้านการกลั่นน้ำมัน และความเป็นไปได้ในการซื้อก๊าซธรรมชาติจากอินโดนีเซียในอนาคต
ทั้งสองฝ่ายจะแสวงหาความร่วมมือในด้านการสำรวจเหมืองแร่และการลงทุน
2.11 ความร่วมมือด้านวัฒนธรรม
ทั้งสองประเทศจะเพิ่มการแลกเปลี่ยนทางด้านวัฒนธรรม อาทิ คณะนาฏศิลป์ และ โครงการแลกเปลี่ยนข่าวสารและร่วมมือระหว่างหน่วยงานด้านข่าวสารของรัฐ เพื่อส่งเสริมความเข้าใจระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศให้ดียิ่งขึ้น
2.12 ความร่วมมือด้านวิชาการและการศึกษา
ทั้งสองฝ่ายจะแลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านการศึกษา รวมทั้งแลกเปลี่ยนทุนและ ฝึกอบรมให้แก่นักศึกษาและประชาชนของแต่ละฝ่าย
ไทยได้เสนอความช่วยเหลือด้าน IT โดยจะมีการหารือในรายละเอียดในด้านนี้ต่อไป
2.13 ด้านกงสุล
ประเทศไทยได้เสนอให้มีการจัดทำความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราระหว่าง ผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการ เพื่ออำนวยความสะดวกในการติดต่อระหว่างข้าราชการของทั้งสองประเทศ และอินโดนีเซียจะอนุญาตให้มีการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับข้าราชการและ นักการทูตของทั้งสองฝ่าย ก่อนที่จะมีการลงนามความตกลงการยกเว้นการตรวจลงตราดังกล่าว
2.14 ด้านแรงงาน
ประเทศไทยได้เชิญอินโดนีเซียเข้าร่วมในโครงการของสถาบันพัฒนาแรงงาน ระหว่างประเทศ ซึ่งมีสำนักงานอยู่ที่สงขลา
2.15 สนธิสัญญาโอนตัวนักโทษ
ประเทศไทยได้เสนอร่างสนธิสัญญาโอนตัวนักโทษและความร่วมมือในการบังคับใช้ กฎหมายอาญาระหว่างทั้งสองประเทศ เพื่อให้ฝ่ายอินโดนีเซียพิจารณา
ในระหว่างการประชุมฯ ได้มีการลงนามความตกลงว่าด้วยการเว้นการเก็บภาษีซ้อน
โดยสรุป การประชุมครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง และช่วยให้ประเทศไทยและ อินโดนีเซียสามารถวางกรอบความร่วมมือในระยะยาวที่เป็นประโยชน์ต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ และได้ตกลงที่จะจัดการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมฯ ครั้งที่ 5 ที่ประเทศอินโดนีเซียในช่วงเวลาที่ทั้งสองฝ่ายสะดวกต่อไป
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-