ดร. เชิดชัย ขันธ์นะภา รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยข้อมูลการนำเข้า ส่งออกและดุลการค้าตามระบบการผ่านพิธีการศุลกากรประจำเดือนมกราคม 2544 ดังนั้
การส่งออก
1. ในรูปสกุลเงินบาท (รายละเอียดตามตารางที่ 1)
เดือนมกราคม 2544 มีมูลค่าการส่งออก 222,424 ล้านบาท สูงขึ้นกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 16,262 ล้านบาท หรือร้อยละ 7.89แต่ลดลงกว่าเดือนที่แล้ว 37,112 ล้านบาท หรือร้อยละ 14.3 สินค้าที่มีมูลค่าการส่งออกสูงสุด คือ สินค้าอุตสาหกรรม สินค้าเกษตรกรรม สินค้าจากสินแร่ สินค้าอื่น ๆ และสินค้าประมง ซึ่งมีมูลค่า 188,398 17,484 7,035 6,287 และ 3,027 ล้านบาท ตามลำดับ
2. ในรูปสกุลเงินดอลล่าห์สหรัฐอเมริกา
ในเดือนมกราคม 2543 มีมูลค่าการส่งออก 5,187 ล้านดอลล่าร์สรอ. ต่ำกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 203 ล้านดอลล่าร์สรอ. หรือร้อยละ3.76 และต่ำกว่าเดือนที่แล้ว 730 ล้านดอลล่าร์สรอ. หรือ ร้อยละ 12.34 อัตราการขยายตัวของการส่งออกในเดือนนี้ติดลบเป็นเดือนแรกในรอบ 18 เดือน (รายละเอียดตามตารางที่ 1)
สาเหตุที่การส่งออกปรับตัวลดลงเนื่องจากมีสาเหตุสำคัญหลายประการคือ
1. วันทำการลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน ๆ เนื่องจากมีวันหยุดราชการเพิ่มขึ้นในเดือนมกราคม 2544 จึงทำให้เวลาทำการน้อยลงส่งผลให้มีธุรกรรมนำเข้าและส่งออกน้อยลงตามเวลาที่ลดน้อยลงตามไปด้วย
2. ประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยเช่น สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น กำลังเข้าสู่ภาวะหดตัวทางเศรษฐกิจจึงทำให้มูลค่าการส่งออกนั้นลดลง โดยเฉพาะสินค้าอุตสาหกรรมสำคัญหลักได้รับผลกกระทบอย่างชัดเจน
สัดส่วนสินค้าส่งออกเดือนมกราคม 2544
ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม 86% ผลิตภัณฑ์ประมง 3% ผลิตภัณฑ์จากสินแร่ 1%
ผลิตภัณฑ์เกษตรกรรม 8% ผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ 0% สินค้าอื่น ๆ 3%
(รายละเอียดตามตารางที่ 2 และ 3)
การนำเข้า
1. ในรูปสกุลเงินบาท (รายละเอียดตามตารางที่ 4)
ในเดือนมกราคม 2544 มีมูลค่าการนำเข้า 239,991 ล้านบาท สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 80,988 ล้านบาท หรือร้อยละ 50.9 และปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา 10,471 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.5 โดยสินค้าที่มีการนำเข้าส่วนใหญ่ยังเป็นสินค้าประเภทสินค้าทุนและวัตถุดิบมากกว่าร้อยละ 70 ของมูลค่านำเข้าทั้งหมดซึ่งสะท้อนถึงความต้องการในการขยายกำลังการผลิตเพื่อผลิตสินค้าที่เพิ่มขึ้นในอนาคต ในเดือนนี้สินค้าอื่น ๆ โดยเฉพาะน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์มีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นโดยเปรียบเทียบ คือจากร้อยละ 11.60 ในปี 2543 เป็นร้อยละ 16.12 ในปี 2544
2. ในรูปสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐอเมริกา (รายละเอียดตามตารางที่ 4)
ในเดือนมกราคม 2544 มีมูลค่าการนำเข้า 5,557 ล้านดอลล่าร์สรอ. สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 1,437 ล้านดอลล่าร์สรอ. หรือร้อยละ 34.9 และปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว 361 ล้านดอลล่าร์สรอ. หรือร้อยละ 6.9
ในเดือนมกราคม 2544 มีการนำเข้าที่เพิ่มสูงขึ้นมากทั้งนี้มาจากสาเหตุที่สำคัญคือ มีการนำเข้าเครื่องบินของการบินไทย ในเดือนนี้ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 7,157 ล้านบาทส่งผลต่อดุลการค้าโดยตรง
สัดส่วนมูลค่าการนำเข้าในรูปเงินดอลล่าร์สรอ.ประจำเดือนมกราคม 2544 (รายละเอียดตามตารางที่ 5 และ 6)
สินค้าทุน 51% สินค้าอุปโภคและบริโภค 10%
สินค้าขั้นกลางและวัตถุดิบ 23% สินค้าอื่น ๆ 16%
3. การนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือย (รายละเอียดตามตารางที่ 7 และ 8)
ในส่วนของการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยในเดือนมกราคม 2544 มีมูลค่าทั้งสิ้น 1,754 ล้านบาท หรือเทียบเท่ากับ 40.6 ล้านดอลล่าร์สรอ. ส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีที่แล้ว ยกเว้นสุราและ เครื่องเขียน ปรับตัวลดลง เนื่องจากราคาสินค้านำเข้าลดลงเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีที่แล้ว สินค้าฟุ่มเฟือยที่มีการนำเข้าสูงสุด 5 อันดับแรกได้แก่ สุรา กล้องถ่ายรูปและอุปกรณ์ น้ำหอมและเครื่องสำอาง ผลไม้ และเลนส์ ตามลำดับ อย่างไรก็ดีสัดส่วนการนำเข้าสินค้าประเภทนี้ต่อมูลค่าการนำเข้าทั้งหมดลดลงจาก ร้อยละ 0.86 ในเดือนมกราคม 2543 และร้อยละ 1.01 ในเดือนธันวาคม 2543 เป็นร้อยละ 0.73 ในเดือนมกราคม 2544
ดุลการค้า
1. ในรูปสกุลเงินบาท (รายละเอียดตามตารางที่ 9)
ในเดือนมกราคม 2544 มียอดดุลการค้าขาดดุล 17,567 ล้านบาท ลดลง 47,583 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 158 เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคมที่ผ่านมาซึ่งมีดุลการค้าเกินดุล 30,016 ล้านบาท และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีที่แล้ว ดุลการค้าปรับตัวลดลง 64,726 ล้านบาท หรือ ลดลงร้อยละ 137 เดือนมกราคมนี้เป็นเดือนแรกที่มีการขาดดุลการค้านับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2542
2. ในรูปสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐอเมริกา
ในเดือนมกราคม 2543 มียอดดุลการค้าขาดดุล 370 ล้านดอลล่าร์สรอ. ลดลง 1,091 ล้านดอลล่าร์สรอ. หรือร้อยละ 151 เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้วซึ่งมีดุลการค้าเดินดุล 721 ล้านดอลล่าร์สรอ. และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีที่แล้วดุลการค้าปรับตัวลดลง 1,640 ล้านดอลล่าร์สรอ. หรือร้อยละ 129 (รายละเอียดตามตารางที่ 9)
สรุป
การนำเข้าในเดือนมกราคม 2544 ยังปรับตัวสูงขึ้น แต่การส่งออกเริ่มที่จะขยายตัวติดลบจนทำให้ดุลการค้าขาดดุลเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2542 ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณที่ไม่ดีต่อภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย สาเหตุสำคัญของการขาดดุลการค้าและการส่งออกที่ลดลงมาจากการที่เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่สำคัญของประเทศไทยประสบปัญหาการะชะลอตัวและซบเซา ได้แก่ สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ซึ่งตลาดส่งออกทั้งสองประเทศนับว่ามีสัดส่วนที่สูงเกือบร้อยละ 40 ของตลาดการส่งออกทั้งหมดของไทย ดังนั้นทางการควรที่จะติดตามสถานการณ์การส่งออกอย่างใกล้ชิด และควรมีการเตรียมมาตรการรองรับผลกระทบจาการซบเซาของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ที่มีต่อภาคการค้าระหว่างประเทศของไทยโดยประสานกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องในการออกมาตรการสนับสนุนและกระตุ้นการส่งออกต่าง ๆ เช่นมาตรการด้านภาษี รวมทั้งกำหนดมาตรการส่งเสริมและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าส่งออกของไทย ทั้งนี้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของสินค้าส่งออกไทยในตลาดโลก
หมายเหตุ : 1. ข้อมูลการส่งออกและนำเข้าตามระบบการผ่านพิธีการศุลกากร (Customs-Clearance System) เป็นข้อมูลที่รวบรวมตามใบขนสินค้าซึ่งผ่านพิธีการศุลกากรระบบข้อมูลนี้ต่างจาก ข้อมูลการนำเข้า และส่งออกที่ใช้เพื่อจัดทำสถิติดุลการชำระเงินของประเทศ ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดทำตามระบบดังกล่าว ธนาคารแห่งประเทศไทยจะรวมมูลค่าสินค้านำเข้า และส่งออกเฉพาะที่มีการเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ครองระหว่างคนไทยกับคนต่างชาติ เพื่อใช้วิเคราะห์ฐานะดุลการชำระเงินของประเทศ
2. มูลค่าการนำเข้าและส่งออกในรูปสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐอเมริกา คำนวณโดยใชัอัตราแลกเปลี่ยนตามประกาศอัตราแลกเปลี่ยนและการส่งออกของกรมศุลกากรเงินตราต่างประเทศสำหรับการนำเข้าในแต่ละช่วงเวลาที่เกี่ยวข้อง ในการพิจารณากำหนดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทย กรมศุลกากรใช้ข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทยในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยใช้อัตราซื้อสำหรับการส่งออกและอัตราขายสำหรับการนำเข้า
--ข่าวกระทรวงการคลัง กองกลาง สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 17/2544 21 มีนาคม 2544--
-อน-
การส่งออก
1. ในรูปสกุลเงินบาท (รายละเอียดตามตารางที่ 1)
เดือนมกราคม 2544 มีมูลค่าการส่งออก 222,424 ล้านบาท สูงขึ้นกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 16,262 ล้านบาท หรือร้อยละ 7.89แต่ลดลงกว่าเดือนที่แล้ว 37,112 ล้านบาท หรือร้อยละ 14.3 สินค้าที่มีมูลค่าการส่งออกสูงสุด คือ สินค้าอุตสาหกรรม สินค้าเกษตรกรรม สินค้าจากสินแร่ สินค้าอื่น ๆ และสินค้าประมง ซึ่งมีมูลค่า 188,398 17,484 7,035 6,287 และ 3,027 ล้านบาท ตามลำดับ
2. ในรูปสกุลเงินดอลล่าห์สหรัฐอเมริกา
ในเดือนมกราคม 2543 มีมูลค่าการส่งออก 5,187 ล้านดอลล่าร์สรอ. ต่ำกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 203 ล้านดอลล่าร์สรอ. หรือร้อยละ3.76 และต่ำกว่าเดือนที่แล้ว 730 ล้านดอลล่าร์สรอ. หรือ ร้อยละ 12.34 อัตราการขยายตัวของการส่งออกในเดือนนี้ติดลบเป็นเดือนแรกในรอบ 18 เดือน (รายละเอียดตามตารางที่ 1)
สาเหตุที่การส่งออกปรับตัวลดลงเนื่องจากมีสาเหตุสำคัญหลายประการคือ
1. วันทำการลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน ๆ เนื่องจากมีวันหยุดราชการเพิ่มขึ้นในเดือนมกราคม 2544 จึงทำให้เวลาทำการน้อยลงส่งผลให้มีธุรกรรมนำเข้าและส่งออกน้อยลงตามเวลาที่ลดน้อยลงตามไปด้วย
2. ประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยเช่น สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น กำลังเข้าสู่ภาวะหดตัวทางเศรษฐกิจจึงทำให้มูลค่าการส่งออกนั้นลดลง โดยเฉพาะสินค้าอุตสาหกรรมสำคัญหลักได้รับผลกกระทบอย่างชัดเจน
สัดส่วนสินค้าส่งออกเดือนมกราคม 2544
ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม 86% ผลิตภัณฑ์ประมง 3% ผลิตภัณฑ์จากสินแร่ 1%
ผลิตภัณฑ์เกษตรกรรม 8% ผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ 0% สินค้าอื่น ๆ 3%
(รายละเอียดตามตารางที่ 2 และ 3)
การนำเข้า
1. ในรูปสกุลเงินบาท (รายละเอียดตามตารางที่ 4)
ในเดือนมกราคม 2544 มีมูลค่าการนำเข้า 239,991 ล้านบาท สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 80,988 ล้านบาท หรือร้อยละ 50.9 และปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา 10,471 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.5 โดยสินค้าที่มีการนำเข้าส่วนใหญ่ยังเป็นสินค้าประเภทสินค้าทุนและวัตถุดิบมากกว่าร้อยละ 70 ของมูลค่านำเข้าทั้งหมดซึ่งสะท้อนถึงความต้องการในการขยายกำลังการผลิตเพื่อผลิตสินค้าที่เพิ่มขึ้นในอนาคต ในเดือนนี้สินค้าอื่น ๆ โดยเฉพาะน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์มีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นโดยเปรียบเทียบ คือจากร้อยละ 11.60 ในปี 2543 เป็นร้อยละ 16.12 ในปี 2544
2. ในรูปสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐอเมริกา (รายละเอียดตามตารางที่ 4)
ในเดือนมกราคม 2544 มีมูลค่าการนำเข้า 5,557 ล้านดอลล่าร์สรอ. สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 1,437 ล้านดอลล่าร์สรอ. หรือร้อยละ 34.9 และปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว 361 ล้านดอลล่าร์สรอ. หรือร้อยละ 6.9
ในเดือนมกราคม 2544 มีการนำเข้าที่เพิ่มสูงขึ้นมากทั้งนี้มาจากสาเหตุที่สำคัญคือ มีการนำเข้าเครื่องบินของการบินไทย ในเดือนนี้ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 7,157 ล้านบาทส่งผลต่อดุลการค้าโดยตรง
สัดส่วนมูลค่าการนำเข้าในรูปเงินดอลล่าร์สรอ.ประจำเดือนมกราคม 2544 (รายละเอียดตามตารางที่ 5 และ 6)
สินค้าทุน 51% สินค้าอุปโภคและบริโภค 10%
สินค้าขั้นกลางและวัตถุดิบ 23% สินค้าอื่น ๆ 16%
3. การนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือย (รายละเอียดตามตารางที่ 7 และ 8)
ในส่วนของการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยในเดือนมกราคม 2544 มีมูลค่าทั้งสิ้น 1,754 ล้านบาท หรือเทียบเท่ากับ 40.6 ล้านดอลล่าร์สรอ. ส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีที่แล้ว ยกเว้นสุราและ เครื่องเขียน ปรับตัวลดลง เนื่องจากราคาสินค้านำเข้าลดลงเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีที่แล้ว สินค้าฟุ่มเฟือยที่มีการนำเข้าสูงสุด 5 อันดับแรกได้แก่ สุรา กล้องถ่ายรูปและอุปกรณ์ น้ำหอมและเครื่องสำอาง ผลไม้ และเลนส์ ตามลำดับ อย่างไรก็ดีสัดส่วนการนำเข้าสินค้าประเภทนี้ต่อมูลค่าการนำเข้าทั้งหมดลดลงจาก ร้อยละ 0.86 ในเดือนมกราคม 2543 และร้อยละ 1.01 ในเดือนธันวาคม 2543 เป็นร้อยละ 0.73 ในเดือนมกราคม 2544
ดุลการค้า
1. ในรูปสกุลเงินบาท (รายละเอียดตามตารางที่ 9)
ในเดือนมกราคม 2544 มียอดดุลการค้าขาดดุล 17,567 ล้านบาท ลดลง 47,583 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 158 เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคมที่ผ่านมาซึ่งมีดุลการค้าเกินดุล 30,016 ล้านบาท และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีที่แล้ว ดุลการค้าปรับตัวลดลง 64,726 ล้านบาท หรือ ลดลงร้อยละ 137 เดือนมกราคมนี้เป็นเดือนแรกที่มีการขาดดุลการค้านับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2542
2. ในรูปสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐอเมริกา
ในเดือนมกราคม 2543 มียอดดุลการค้าขาดดุล 370 ล้านดอลล่าร์สรอ. ลดลง 1,091 ล้านดอลล่าร์สรอ. หรือร้อยละ 151 เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้วซึ่งมีดุลการค้าเดินดุล 721 ล้านดอลล่าร์สรอ. และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีที่แล้วดุลการค้าปรับตัวลดลง 1,640 ล้านดอลล่าร์สรอ. หรือร้อยละ 129 (รายละเอียดตามตารางที่ 9)
สรุป
การนำเข้าในเดือนมกราคม 2544 ยังปรับตัวสูงขึ้น แต่การส่งออกเริ่มที่จะขยายตัวติดลบจนทำให้ดุลการค้าขาดดุลเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2542 ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณที่ไม่ดีต่อภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย สาเหตุสำคัญของการขาดดุลการค้าและการส่งออกที่ลดลงมาจากการที่เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่สำคัญของประเทศไทยประสบปัญหาการะชะลอตัวและซบเซา ได้แก่ สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ซึ่งตลาดส่งออกทั้งสองประเทศนับว่ามีสัดส่วนที่สูงเกือบร้อยละ 40 ของตลาดการส่งออกทั้งหมดของไทย ดังนั้นทางการควรที่จะติดตามสถานการณ์การส่งออกอย่างใกล้ชิด และควรมีการเตรียมมาตรการรองรับผลกระทบจาการซบเซาของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ที่มีต่อภาคการค้าระหว่างประเทศของไทยโดยประสานกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องในการออกมาตรการสนับสนุนและกระตุ้นการส่งออกต่าง ๆ เช่นมาตรการด้านภาษี รวมทั้งกำหนดมาตรการส่งเสริมและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าส่งออกของไทย ทั้งนี้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของสินค้าส่งออกไทยในตลาดโลก
หมายเหตุ : 1. ข้อมูลการส่งออกและนำเข้าตามระบบการผ่านพิธีการศุลกากร (Customs-Clearance System) เป็นข้อมูลที่รวบรวมตามใบขนสินค้าซึ่งผ่านพิธีการศุลกากรระบบข้อมูลนี้ต่างจาก ข้อมูลการนำเข้า และส่งออกที่ใช้เพื่อจัดทำสถิติดุลการชำระเงินของประเทศ ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดทำตามระบบดังกล่าว ธนาคารแห่งประเทศไทยจะรวมมูลค่าสินค้านำเข้า และส่งออกเฉพาะที่มีการเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ครองระหว่างคนไทยกับคนต่างชาติ เพื่อใช้วิเคราะห์ฐานะดุลการชำระเงินของประเทศ
2. มูลค่าการนำเข้าและส่งออกในรูปสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐอเมริกา คำนวณโดยใชัอัตราแลกเปลี่ยนตามประกาศอัตราแลกเปลี่ยนและการส่งออกของกรมศุลกากรเงินตราต่างประเทศสำหรับการนำเข้าในแต่ละช่วงเวลาที่เกี่ยวข้อง ในการพิจารณากำหนดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทย กรมศุลกากรใช้ข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทยในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยใช้อัตราซื้อสำหรับการส่งออกและอัตราขายสำหรับการนำเข้า
--ข่าวกระทรวงการคลัง กองกลาง สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 17/2544 21 มีนาคม 2544--
-อน-