กรุงเทพฯ--21 มี.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
วันนี้ (20 มีนาคม) นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีเปิดการสัมมนาระดับรัฐมนตรีในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกว่าด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพในการต่อต้านอาชญากรรมก่อตั้งข้ามชาติ และเป็นประธานในการสัมมนาในหัวข้อ "The Treat and Social Costs of Organized Crime in the Region" สรุปภาวะสำคัญได้ ดังนี้
1. ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีได้มาเป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาฯ เมื่อเช้าวันนี้ และได้กล่าวสุนทรพจน์โดยได้เน้นว่า ประชาคมระหว่างประเทศและประเทศในภูมิภาคมีความจำเป็นที่จะต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมก่อตั้งข้ามชาติ โดยเฉพาะปัญหายาเสพติด ซึ่งมีความจำเป็นที่จะต้องหามาตรการเพื่อลดอุปสงค์ในประเทศผู้บริโภค
2. การจัดสัมมนาครั้งนี้ เห็นความจำเป็นที่จะให้การสนับสนุนการจัดทำอนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ (Draft Convention Against Transnational Organized Crime) และพิธีสารอีก 3 ฉบับ คือ พิธีสารเกี่ยวกับการค้าอาวุธ พิธีสารเกี่ยวกับการค้าผู้หญิงและเด็กและพิธีสารเกี่ยวกับการลักลอบขนผู้ย้ายถิ่นให้สำเร็จลุล่วงไปโดยเร็ว เพื่อให้สำนักงานควบคุมยาเสพติดและการป้องกันอาชญากรรมของสหประชาชาติ นำเสนอเอกสารดังกล่าวต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่ของสหประชาชาติเพื่อให้การรับรองในปลายปีนี้ ทั้งนี้ ประเทศไทยได้ให้การสนับสนุนการจัดทำอนุสัญญาดังกล่าวเต็มที่ เนื่องจากเห็นว่าประเทศไทยได้รับผลกระทบโดยตรงจากปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ นอกจากนั้น รัฐบาลไทยยังได้ดำเนินมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว อาทิ การออก พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ซึ่งเป็นมาตรการสำคัญหนึ่งที่จะช่วยลดปัญหาดังกล่าว การเจรจาและร่วมมือในการจัดทำความตกลงว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับประเทศต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ. ส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ. 2472 เพื่อให้มีความรัดกุม ชัดเจน และมีประสิทธิภาพมากขึ้น และการพิจารณากฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองพยาน
3. ความพยายามในการเป็นเจ้าภาพจัดสัมมนาฯ ในลักษณะนี้ ถือเป็นนโยบายของรัฐบาลไทยที่ต้องการให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการผลักดันความร่วมมือระหว่างประเทศในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งผลของการสัมมนาครั้งนี้ คาดว่าจะมีการจัดทำถ้อยแถลงร่วมของรัฐมนตรีในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือ Bangkok Statement เพื่อแสดงเจตจำนงที่จะร่วมมือกันอย่างจริงจังในการปราบปรามอาชญากรรมก่อตั้งข้ามชาติ--จบ--
วันนี้ (20 มีนาคม) นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีเปิดการสัมมนาระดับรัฐมนตรีในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกว่าด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพในการต่อต้านอาชญากรรมก่อตั้งข้ามชาติ และเป็นประธานในการสัมมนาในหัวข้อ "The Treat and Social Costs of Organized Crime in the Region" สรุปภาวะสำคัญได้ ดังนี้
1. ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีได้มาเป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาฯ เมื่อเช้าวันนี้ และได้กล่าวสุนทรพจน์โดยได้เน้นว่า ประชาคมระหว่างประเทศและประเทศในภูมิภาคมีความจำเป็นที่จะต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมก่อตั้งข้ามชาติ โดยเฉพาะปัญหายาเสพติด ซึ่งมีความจำเป็นที่จะต้องหามาตรการเพื่อลดอุปสงค์ในประเทศผู้บริโภค
2. การจัดสัมมนาครั้งนี้ เห็นความจำเป็นที่จะให้การสนับสนุนการจัดทำอนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ (Draft Convention Against Transnational Organized Crime) และพิธีสารอีก 3 ฉบับ คือ พิธีสารเกี่ยวกับการค้าอาวุธ พิธีสารเกี่ยวกับการค้าผู้หญิงและเด็กและพิธีสารเกี่ยวกับการลักลอบขนผู้ย้ายถิ่นให้สำเร็จลุล่วงไปโดยเร็ว เพื่อให้สำนักงานควบคุมยาเสพติดและการป้องกันอาชญากรรมของสหประชาชาติ นำเสนอเอกสารดังกล่าวต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่ของสหประชาชาติเพื่อให้การรับรองในปลายปีนี้ ทั้งนี้ ประเทศไทยได้ให้การสนับสนุนการจัดทำอนุสัญญาดังกล่าวเต็มที่ เนื่องจากเห็นว่าประเทศไทยได้รับผลกระทบโดยตรงจากปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ นอกจากนั้น รัฐบาลไทยยังได้ดำเนินมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว อาทิ การออก พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ซึ่งเป็นมาตรการสำคัญหนึ่งที่จะช่วยลดปัญหาดังกล่าว การเจรจาและร่วมมือในการจัดทำความตกลงว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับประเทศต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ. ส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ. 2472 เพื่อให้มีความรัดกุม ชัดเจน และมีประสิทธิภาพมากขึ้น และการพิจารณากฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองพยาน
3. ความพยายามในการเป็นเจ้าภาพจัดสัมมนาฯ ในลักษณะนี้ ถือเป็นนโยบายของรัฐบาลไทยที่ต้องการให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการผลักดันความร่วมมือระหว่างประเทศในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งผลของการสัมมนาครั้งนี้ คาดว่าจะมีการจัดทำถ้อยแถลงร่วมของรัฐมนตรีในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือ Bangkok Statement เพื่อแสดงเจตจำนงที่จะร่วมมือกันอย่างจริงจังในการปราบปรามอาชญากรรมก่อตั้งข้ามชาติ--จบ--