ข่าวในประเทศ
1. ธปท.ระบุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับร้อยละ 0-3.5 เป็นอัตราที่เหมาะสม ผู้ช่วยผู้ว่าการสายสารสนเทศและประชาสัมพันธ์ ธปท. เปิดเผยว่า เป้าหมายเงินเฟ้อพื้นฐานที่ ธปท.กำหนดร้อยละ 0-3.5 เป็นอัตราเหมาะสมแล้ว เพราะได้พิจารณาตามหลักวิชาการและเปรียบเทียบกับประเทศคู่ค้า เพื่อดำรงไว้ซึ่งเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาว และรักษาความสามารถในการแข่งขันของไทยในตลาดโลก นอกจากนั้นยังแสดงถึงการมีวินัยทางการคลัง ส่งผลให้ต่างประเทศเกิดความเชื่อมั่นในกรอบการบริหารเศรษฐกิจมหภาคที่มีความชัดเจน หลีกเลี่ยงการเติบโตแบบฟองสบู่ ซึ่งเป็นต้นเหตุให้เกิดวิกฤติในอดีต ส่วนภาคเอกชนจะมีความแน่นอนด้านต้นทุน ทำให้สามารถวางแผนธุรกิจได้ถูกต้องแม่นยำ ขณะที่ประชาชนมีความมั่นใจที่จะจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น (ไทยโพสต์ 8)
2. ธปท.เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจในเดือน ก.ย. รายงานข่าวจาก ธปท.เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจประจำเดือน ก.ย.43 อยู่ที่ระดับ 45.6 ซึ่งเป็นระดับต่ำกว่า 50 อย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ตั้งแต่เดือน ก.ค.43 และต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่ดัชนีอยู่ที่ระดับ 50 โดยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจในเดือน ก.ย. แบ่งเป็นด้านผลประกอบการ อยู่ที่ระดับ 47.1 ลดลงจากระดับ 50.6 ในเดือน ส.ค.43 ดัชนีอำนาจซื้อของประชาชนเท่ากับ 40.7 ลดลงจากเดือน ส.ค.ที่เท่ากับ 42.6 ดัชนีด้านการลงทุนอยู่ที่ระดับ 49.9 ลดลงจากเล็กน้อยจากเดือนก่อนที่เท่ากับ 50.4 ดัชนีการจ้างงานอยู่ที่ระดับ 49.7 ลดลง 50.5 ในเดือน ส.ค. ดัชนีต้นทุนประกอบการอยู่ที่ระดับ 37.5 ลดลงจากเดือน ส.ค.ที่ระดับ 38.0 และดัชนีการส่งออกอยู่ที่ระดับ 51.0 ลดลงเล็กน้อยจาก 51.8 ในเดือนก่อน อย่างไรก็ตาม คาดว่าเดือน ต.ค.และเดือนต่อไป ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจอยู่ในภาวะทรงตัว โดยระดับของดัชนีจะอยู่ที่ระดับ 47.3-49.3 เพราะองค์ประกอบต่างๆ ยังเป็นปัจจัยลบต่อดัชนีฯ จากตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจยังอยู่ในระดับทรงตัว ทั้งนี้ การจัดทำดัชนีชี้นำเศรษฐกิจดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นเครื่องมือหนึ่งประกอบกับเครื่องมืออื่นๆ ในการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจ ซึ่งมีประโยชน์ในการดูจุดวกกลับ (turning point) หรือจุดสูงสุด (peak ) และจุดต่ำสุด (trough) ของวัฏจักรธุรกิจ และใช้คาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจ 3-4 เดือนข้างหน้าเป็นสำคัญ (วัฏจักร,กรุงเทพธุรกิจ 8)
3. ธพ.แสดงความเห็นเกี่ยวกับปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ แหล่งข่าวจาก ธพ.กล่าวถึงกรณีที่ ธปท.ต้องการให้ ธพ.ทั้งระบบปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงก่อนสิ้นปี 43 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจว่า ขณะนี้สมาคมธนาคารไทยกำลังเตรียมเจรจากับ ธปท.เพื่อยืนยันว่า ธพ.จะไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงเพียงขาเดียวอย่างแน่นอน เนื่องจากปัจจุบันธนาคารมีต้นทุนการดำเนินงานสูงอยู่แล้ว โดยเฉพาะการต้องรับต้นทุนที่เกิดจากสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ซึ่งทั้งระบบมีประมาณร้อยละ 22 นอกจากนี้ ธพ.ยังมีต้นทุนค่าใช้จ่ายคงที่ ที่ต้องส่งสมทบให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินต่อปี ร้อยละ 0.4 ของฐานเงินฝากและสินเชื่อทั้งหมดของแต่ละธนาคาร ดังนั้น หากต้องการให้ ธพ.ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ธปท.ต้องพิจารณาลดหรือยกเว้นการส่งเงินสมทบเข้ากองทุนฟื้นฟูฯ ด้วย (กรุงเทพธุรกิจ 8)
ข่าวต่างประเทศ
1. จำนวนคนว่างงานของเยอรมนีลดลง 25,000 คน ในเดือน ต.ค.43 รายงานจาก Nuremberg เมื่อวันที่ 7 พ.ย.43 สำนักงานแรงงานแห่งชาติของเยอรมนีรายงานว่า เดือน ต.ค.43 จำนวนคนว่างงานปรับฤดูกาลของเยอรมนีโดยรวมลดลง 25,000 คน อยู่ที่จำนวน 3.817 ล.คน หลังจากที่ลดลง 20,000 คน ในเดือน ก.ย.43 ลดลงต่ำกว่าความคาดหมายของนักเศรษฐศาสตร์จากการสำรวจของรอยเตอร์ที่คาดว่าจะลดลงโดยเฉลี่ยจำนวน 19,200 คน ขณะที่จำนวนคนว่างงานก่อนปรับฤดูกาลลดลง 73,813 คน อยู่ที่จำนวน 3.611 ล.คน ส่งผลให้อัตราการว่างงานซึ่งใช้ตัวเลขคนว่างงานก่อนปรับฤดูกาลเป็นฐานในการคำนวณ ลดลงอยู่ที่ระดับร้อยละ 8.9 ซึ่งเป็นการลดลงอยู่ในระดับต่ำกว่าร้อยละ 9 เป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี นับตั้งแต่เดือน พ.ย.37 ประธานสำนักงานฯ (นาย Bernhard Jagoda) กล่าวว่า การที่จำนวนคนว่างงานลดลงเป็นผลมาจากการใช้มาตรการสร้างงานใหม่ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์แรงงานดีขึ้นในเยอรมนีตะวันตกเป็นส่วนใหญ่ โดยในเดือน ต.ค.43 จำนวนคนว่างงานของเยอรมนีตะวันตกลดลงถึง 23,000 คน จากที่ลดลง 20,000 คน ในเดือน ก.ย.43 ขณะที่จำนวนคนว่างงานของเยอรมนีตะวันออก ลดลงเพียง 3,000 คน จากที่เพิ่มขึ้น 1,000 คน ในเดือน ก.ย.43 (รอยเตอร์ 7)
2. ผลผลิตอุตสาหกรรมของมาเลเซียในเดือน ก.ย. 43 เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดหมาย รายงานจากกัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 43 สำนักงานสถิติของมาเลเซีย เปิดเผยว่า เดือน ก.ย. 43 ผลผลิตอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.6 จากระยะเดียวกันของปี 42 ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดหมายไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.9 เมื่อเทียบปีต่อปี สำหรับในช่วงเดือน ม.ค. - ก.ย. 43 ผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.4 จากระยะเดียวกันของปี 42 ขณะเดียวกัน ผลผลิตอุตสาหกรรมการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 26.9 เนื่องจากได้รับแรงเกื้อหนุนจากการส่งออกสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่ขยายตัวอย่างมาก จากรายงานครั้งนี้ จะส่งผลให้เศรษฐกิจของมาเลเซียในปี 43 ขยายตัวตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ อย่างไรก็ตาม บรรดานักเศรษฐศาสตร์เตือนว่า แนวโน้มเศรษฐกิจในระยะยาวยังคงไม่แจ่มใส เนื่องจากคาดว่าการลงทุนจากต่างประเทศและการบริโภคในประเทศจะยังคงชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง (รอยเตอร์ 7)
3. ประมาณการว่า เศรษฐกิจของเกาหลีใต้จะขยายตัวร้อยละ 9 ในปี 43 รายงานจากโซลเมื่อวันที่ 8 พ.ย. 43 นาย Kim Dae-jung ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ประมาณการว่า ปี 43 ผลิตภัณฑ์ในประเทศ(GDP) จะเติบโตร้อยละ 9 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อจะอยู่ที่ระดับต่ำกว่าร้อยละ 2.5 และในปี 44 GDP จะขยายตัวประมาณร้อยละ 5-6 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณร้อยละ 3 ทั้งนี้ เศรษฐกิจเกาหลีใต้จะยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับที่รัฐบาลได้ปฏิรูปภาคการธนาคารและบริษัทต่างๆไปก่อนหน้านี้แล้ว (รอยเตอร์ 8)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ระหว่างธนาคาร ณ สิ้นวันทำการ 7 พ.ย. 43 43.568 (43. 268)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ที่ ธพ.ซื้อขายกับลูกค้า(ตั๋วเงิน) ณ สิ้นวันทำการ 7 พ.ย. 43
ซื้อ 43.3304 (43.0754) ขาย 43.6355 (43.3795)
ทองคำแท่ง(บาทละ) ซื้อ 5,450 (5,400) ขาย 5,550 (5,500)
น้ำมันดิบ(ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล) โอมาน - (28.54)
น้ำมันเบนซินพิเศษ(เพอร์ฟอร์มาโกลด์) - (16.49) ดีเซลหมุนเร็ว - (14.44)
หมายเหตุ ตัวเลขในวงเล็บเป็นตัวเลขของวันก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. ธปท.ระบุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับร้อยละ 0-3.5 เป็นอัตราที่เหมาะสม ผู้ช่วยผู้ว่าการสายสารสนเทศและประชาสัมพันธ์ ธปท. เปิดเผยว่า เป้าหมายเงินเฟ้อพื้นฐานที่ ธปท.กำหนดร้อยละ 0-3.5 เป็นอัตราเหมาะสมแล้ว เพราะได้พิจารณาตามหลักวิชาการและเปรียบเทียบกับประเทศคู่ค้า เพื่อดำรงไว้ซึ่งเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาว และรักษาความสามารถในการแข่งขันของไทยในตลาดโลก นอกจากนั้นยังแสดงถึงการมีวินัยทางการคลัง ส่งผลให้ต่างประเทศเกิดความเชื่อมั่นในกรอบการบริหารเศรษฐกิจมหภาคที่มีความชัดเจน หลีกเลี่ยงการเติบโตแบบฟองสบู่ ซึ่งเป็นต้นเหตุให้เกิดวิกฤติในอดีต ส่วนภาคเอกชนจะมีความแน่นอนด้านต้นทุน ทำให้สามารถวางแผนธุรกิจได้ถูกต้องแม่นยำ ขณะที่ประชาชนมีความมั่นใจที่จะจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น (ไทยโพสต์ 8)
2. ธปท.เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจในเดือน ก.ย. รายงานข่าวจาก ธปท.เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจประจำเดือน ก.ย.43 อยู่ที่ระดับ 45.6 ซึ่งเป็นระดับต่ำกว่า 50 อย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ตั้งแต่เดือน ก.ค.43 และต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่ดัชนีอยู่ที่ระดับ 50 โดยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจในเดือน ก.ย. แบ่งเป็นด้านผลประกอบการ อยู่ที่ระดับ 47.1 ลดลงจากระดับ 50.6 ในเดือน ส.ค.43 ดัชนีอำนาจซื้อของประชาชนเท่ากับ 40.7 ลดลงจากเดือน ส.ค.ที่เท่ากับ 42.6 ดัชนีด้านการลงทุนอยู่ที่ระดับ 49.9 ลดลงจากเล็กน้อยจากเดือนก่อนที่เท่ากับ 50.4 ดัชนีการจ้างงานอยู่ที่ระดับ 49.7 ลดลง 50.5 ในเดือน ส.ค. ดัชนีต้นทุนประกอบการอยู่ที่ระดับ 37.5 ลดลงจากเดือน ส.ค.ที่ระดับ 38.0 และดัชนีการส่งออกอยู่ที่ระดับ 51.0 ลดลงเล็กน้อยจาก 51.8 ในเดือนก่อน อย่างไรก็ตาม คาดว่าเดือน ต.ค.และเดือนต่อไป ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจอยู่ในภาวะทรงตัว โดยระดับของดัชนีจะอยู่ที่ระดับ 47.3-49.3 เพราะองค์ประกอบต่างๆ ยังเป็นปัจจัยลบต่อดัชนีฯ จากตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจยังอยู่ในระดับทรงตัว ทั้งนี้ การจัดทำดัชนีชี้นำเศรษฐกิจดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นเครื่องมือหนึ่งประกอบกับเครื่องมืออื่นๆ ในการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจ ซึ่งมีประโยชน์ในการดูจุดวกกลับ (turning point) หรือจุดสูงสุด (peak ) และจุดต่ำสุด (trough) ของวัฏจักรธุรกิจ และใช้คาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจ 3-4 เดือนข้างหน้าเป็นสำคัญ (วัฏจักร,กรุงเทพธุรกิจ 8)
3. ธพ.แสดงความเห็นเกี่ยวกับปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ แหล่งข่าวจาก ธพ.กล่าวถึงกรณีที่ ธปท.ต้องการให้ ธพ.ทั้งระบบปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงก่อนสิ้นปี 43 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจว่า ขณะนี้สมาคมธนาคารไทยกำลังเตรียมเจรจากับ ธปท.เพื่อยืนยันว่า ธพ.จะไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงเพียงขาเดียวอย่างแน่นอน เนื่องจากปัจจุบันธนาคารมีต้นทุนการดำเนินงานสูงอยู่แล้ว โดยเฉพาะการต้องรับต้นทุนที่เกิดจากสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ซึ่งทั้งระบบมีประมาณร้อยละ 22 นอกจากนี้ ธพ.ยังมีต้นทุนค่าใช้จ่ายคงที่ ที่ต้องส่งสมทบให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินต่อปี ร้อยละ 0.4 ของฐานเงินฝากและสินเชื่อทั้งหมดของแต่ละธนาคาร ดังนั้น หากต้องการให้ ธพ.ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ธปท.ต้องพิจารณาลดหรือยกเว้นการส่งเงินสมทบเข้ากองทุนฟื้นฟูฯ ด้วย (กรุงเทพธุรกิจ 8)
ข่าวต่างประเทศ
1. จำนวนคนว่างงานของเยอรมนีลดลง 25,000 คน ในเดือน ต.ค.43 รายงานจาก Nuremberg เมื่อวันที่ 7 พ.ย.43 สำนักงานแรงงานแห่งชาติของเยอรมนีรายงานว่า เดือน ต.ค.43 จำนวนคนว่างงานปรับฤดูกาลของเยอรมนีโดยรวมลดลง 25,000 คน อยู่ที่จำนวน 3.817 ล.คน หลังจากที่ลดลง 20,000 คน ในเดือน ก.ย.43 ลดลงต่ำกว่าความคาดหมายของนักเศรษฐศาสตร์จากการสำรวจของรอยเตอร์ที่คาดว่าจะลดลงโดยเฉลี่ยจำนวน 19,200 คน ขณะที่จำนวนคนว่างงานก่อนปรับฤดูกาลลดลง 73,813 คน อยู่ที่จำนวน 3.611 ล.คน ส่งผลให้อัตราการว่างงานซึ่งใช้ตัวเลขคนว่างงานก่อนปรับฤดูกาลเป็นฐานในการคำนวณ ลดลงอยู่ที่ระดับร้อยละ 8.9 ซึ่งเป็นการลดลงอยู่ในระดับต่ำกว่าร้อยละ 9 เป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี นับตั้งแต่เดือน พ.ย.37 ประธานสำนักงานฯ (นาย Bernhard Jagoda) กล่าวว่า การที่จำนวนคนว่างงานลดลงเป็นผลมาจากการใช้มาตรการสร้างงานใหม่ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์แรงงานดีขึ้นในเยอรมนีตะวันตกเป็นส่วนใหญ่ โดยในเดือน ต.ค.43 จำนวนคนว่างงานของเยอรมนีตะวันตกลดลงถึง 23,000 คน จากที่ลดลง 20,000 คน ในเดือน ก.ย.43 ขณะที่จำนวนคนว่างงานของเยอรมนีตะวันออก ลดลงเพียง 3,000 คน จากที่เพิ่มขึ้น 1,000 คน ในเดือน ก.ย.43 (รอยเตอร์ 7)
2. ผลผลิตอุตสาหกรรมของมาเลเซียในเดือน ก.ย. 43 เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดหมาย รายงานจากกัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 43 สำนักงานสถิติของมาเลเซีย เปิดเผยว่า เดือน ก.ย. 43 ผลผลิตอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.6 จากระยะเดียวกันของปี 42 ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดหมายไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.9 เมื่อเทียบปีต่อปี สำหรับในช่วงเดือน ม.ค. - ก.ย. 43 ผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.4 จากระยะเดียวกันของปี 42 ขณะเดียวกัน ผลผลิตอุตสาหกรรมการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 26.9 เนื่องจากได้รับแรงเกื้อหนุนจากการส่งออกสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่ขยายตัวอย่างมาก จากรายงานครั้งนี้ จะส่งผลให้เศรษฐกิจของมาเลเซียในปี 43 ขยายตัวตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ อย่างไรก็ตาม บรรดานักเศรษฐศาสตร์เตือนว่า แนวโน้มเศรษฐกิจในระยะยาวยังคงไม่แจ่มใส เนื่องจากคาดว่าการลงทุนจากต่างประเทศและการบริโภคในประเทศจะยังคงชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง (รอยเตอร์ 7)
3. ประมาณการว่า เศรษฐกิจของเกาหลีใต้จะขยายตัวร้อยละ 9 ในปี 43 รายงานจากโซลเมื่อวันที่ 8 พ.ย. 43 นาย Kim Dae-jung ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ประมาณการว่า ปี 43 ผลิตภัณฑ์ในประเทศ(GDP) จะเติบโตร้อยละ 9 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อจะอยู่ที่ระดับต่ำกว่าร้อยละ 2.5 และในปี 44 GDP จะขยายตัวประมาณร้อยละ 5-6 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณร้อยละ 3 ทั้งนี้ เศรษฐกิจเกาหลีใต้จะยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับที่รัฐบาลได้ปฏิรูปภาคการธนาคารและบริษัทต่างๆไปก่อนหน้านี้แล้ว (รอยเตอร์ 8)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ระหว่างธนาคาร ณ สิ้นวันทำการ 7 พ.ย. 43 43.568 (43. 268)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ที่ ธพ.ซื้อขายกับลูกค้า(ตั๋วเงิน) ณ สิ้นวันทำการ 7 พ.ย. 43
ซื้อ 43.3304 (43.0754) ขาย 43.6355 (43.3795)
ทองคำแท่ง(บาทละ) ซื้อ 5,450 (5,400) ขาย 5,550 (5,500)
น้ำมันดิบ(ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล) โอมาน - (28.54)
น้ำมันเบนซินพิเศษ(เพอร์ฟอร์มาโกลด์) - (16.49) ดีเซลหมุนเร็ว - (14.44)
หมายเหตุ ตัวเลขในวงเล็บเป็นตัวเลขของวันก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-