กรุงเทพฯ--1 มิย.--กระทรวงการต่างประเทศ
การแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นระหว่างเอกอัครราชทูต/กงสุลใหญ่ทั่วโลกกับผู้แทนภาคเอกชน ณ อาคารวิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ ในช่วงบ่าย ของวันที่ 31 พฤษภาคม 2544
กระทรวงการต่างประเทศได้จัดให้มีการประชุมแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นระหว่าง เอกอัครราชทูต/กงสุลใหญ่ทั่วโลกกับผู้แทนภาคเอกชน เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2544 ณ กระทรวงการต่างประเทศ โดยมี ฯพณฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธาน วัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ และให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับบทบาทของสถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่ทั่วโลกในการสนับสนุนภาคเอกชนไทย ว่าอะไรที่ได้ทำดีอยู่แล้ว อะไรที่ควรปรับปรุง
ผู้แทนภาคเอกชนได้เสนอข้อคิดเห็นและประเด็นต่างๆ ที่ต้องการให้สถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่ดำเนินการเพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชนในต่างประเทศ ดังนี้
1. ภาครัฐบาลและภาคเอกชนต้องร่วมมือกันมากขึ้นเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจในขณะนี้ โดยเฉพาะการผลักดันด้านการลงทุนจากต่างประเทศและด้านการส่งออก ต้องพยายามแสวงหาตลาดใหม่ๆ ซึ่งสถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่ ซึ่งเป็นเสมือนประตูและหน้าต่างของไทยจะมีบทบาทอย่างมากในเรื่องนี้
2. ข้อมูลข่าวสารเป็นสิ่งสำคัญต่อธุรกิจของภาคเอกชน โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับตลาดใหม่ๆ ประเทศคู่ค้าและประเทศคู่แข่งของไทย รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับการกีดกันทางการค้า ซึ่งจำเป็นต้องได้รับข้อมูลอย่างรวดเร็ว เพื่อเตือนให้ภาคเอกชนไทยระวังและให้ฝ่ายไทยสามารถกำหนดมาตรการตอบโต้ได้ทันท่วงที นอกจากนี้ ยังต้องการข้อมูลเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับสภาพปัญหาการค้าในขณะนั้น เช่นปัญหาเรื่องข้าว โดยต้องรู้ราคาของข้าวในประเทศนั้นๆ เป็นเงินบาทแล้วรายงานให้ภาคเอกชนสม่ำเสมอเพื่อให้ผู้ที่กำหนดนโยบายเรื่องข้าว รวมทั้งชาวนาได้รับรู้สถานภาพการค้าข้าวในตลาดโลก
3. เสนอให้มีการจัดตั้ง Business Council กับประเทศคู่ค้าของไทย เพื่อเป็นช่องทางติดต่อการค้าระหว่างไทยกับประเทศนั้นๆ ในชั้นนี้ ภาคเอกชนขอให้ช่วยผลักดันการตั้ง Business Council ระหว่างไทยกับจีน
4. ต้องการให้ภาครัฐบาลและเอกชนไทยร่วมมือกับภาครัฐบาลและเอกชนของต่างประเทศในการ แก้ไขปัญหาและอุปสรรคการค้าเป็นรายสินค้า (Commodity Matching) ดังเช่นที่ได้ทำกับฝ่ายญี่ปุ่น
5. ต้องการให้มีการส่งเสริมด้านการออกแบบและการก่อสร้าง ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ที่ต้องการแสวงหาโอกาสในต่างประเทศ โดยขอให้สถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่แจ้งข้อมูลข่าวสาร ลู่ทางการดำเนินธุรกิจด้านนี้ โดยเริ่มตั้งแต่เมื่อรู้ว่ามีงบประมาณและโครงการก่อสร้างต่างๆ
6. ขอให้สถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลสนับสนุนการแสวงหาโอกาสการลงทุนในต่างประเทศ ของบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลี่ยม เพื่อเข้าไปประมูลงานสำรวจพื้นที่และผลิตน้ำมัน ตลอดจนมีส่วนร่วมลงทุนกับบริษัทน้ำมันแห่งชาติของประเทศนั้นๆ หรือร่วมกับบริษัทน้ำมัน ต่างชาติที่ทำธุรกิจอยู่แล้ว
ในส่วนของเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ที่เข้าร่วมประชุมหารือก็ได้ให้ข้อคิดเห็นต่อประเด็นต่างๆ ดังนี้
1. เกี่ยวกับเรื่องข้อมูล อยากให้มีลักษณะเป็น two-way communication เมื่อภาคเอกชนได้ใช้ ข้อมูลที่ได้รับจากสถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่ แล้วได้ผลอย่างไรก็ขอให้แจ้งกลับให้ ภาครัฐบาลได้ทราบด้วย และภาครัฐบาลยังต้องการข้อมูลจากภาคเอกชนด้วย เช่นกัน อาทิ ข้อมูลในเรื่องการกีดกันทางการค้าที่เอกชนไทยประสบ เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ภาคเอกชน ได้อย่างรวดเร็ว
2. ขอให้ภาคเอกชนให้ความสนใจในการประกอบธุรกิจการค้ากับตลาดใหม่ๆ ที่สถานเอกอัคร- ราชทูต/สถานกงสุลใหญ่เสนอมา เช่น ไซปรัส แอลบาเนีย ชิลี เนื่องจากตลาดใหม่เหล่านี้สามารถเป็นประตูขยายการค้าไทยในภูมิภาคนั้นๆ ได้
3. หากภาคเอกชนมีสินค้าอะไรที่ต้องการให้สถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่ช่วยหาตลาด ขอให้ส่งสินค้าตัวอย่างให้สถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่ไว้แจกจ่ายแก่ชาวต่างประเทศ ในโอกาสที่เหมาะสมต่างๆ
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-
การแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นระหว่างเอกอัครราชทูต/กงสุลใหญ่ทั่วโลกกับผู้แทนภาคเอกชน ณ อาคารวิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ ในช่วงบ่าย ของวันที่ 31 พฤษภาคม 2544
กระทรวงการต่างประเทศได้จัดให้มีการประชุมแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นระหว่าง เอกอัครราชทูต/กงสุลใหญ่ทั่วโลกกับผู้แทนภาคเอกชน เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2544 ณ กระทรวงการต่างประเทศ โดยมี ฯพณฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธาน วัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ และให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับบทบาทของสถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่ทั่วโลกในการสนับสนุนภาคเอกชนไทย ว่าอะไรที่ได้ทำดีอยู่แล้ว อะไรที่ควรปรับปรุง
ผู้แทนภาคเอกชนได้เสนอข้อคิดเห็นและประเด็นต่างๆ ที่ต้องการให้สถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่ดำเนินการเพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชนในต่างประเทศ ดังนี้
1. ภาครัฐบาลและภาคเอกชนต้องร่วมมือกันมากขึ้นเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจในขณะนี้ โดยเฉพาะการผลักดันด้านการลงทุนจากต่างประเทศและด้านการส่งออก ต้องพยายามแสวงหาตลาดใหม่ๆ ซึ่งสถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่ ซึ่งเป็นเสมือนประตูและหน้าต่างของไทยจะมีบทบาทอย่างมากในเรื่องนี้
2. ข้อมูลข่าวสารเป็นสิ่งสำคัญต่อธุรกิจของภาคเอกชน โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับตลาดใหม่ๆ ประเทศคู่ค้าและประเทศคู่แข่งของไทย รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับการกีดกันทางการค้า ซึ่งจำเป็นต้องได้รับข้อมูลอย่างรวดเร็ว เพื่อเตือนให้ภาคเอกชนไทยระวังและให้ฝ่ายไทยสามารถกำหนดมาตรการตอบโต้ได้ทันท่วงที นอกจากนี้ ยังต้องการข้อมูลเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับสภาพปัญหาการค้าในขณะนั้น เช่นปัญหาเรื่องข้าว โดยต้องรู้ราคาของข้าวในประเทศนั้นๆ เป็นเงินบาทแล้วรายงานให้ภาคเอกชนสม่ำเสมอเพื่อให้ผู้ที่กำหนดนโยบายเรื่องข้าว รวมทั้งชาวนาได้รับรู้สถานภาพการค้าข้าวในตลาดโลก
3. เสนอให้มีการจัดตั้ง Business Council กับประเทศคู่ค้าของไทย เพื่อเป็นช่องทางติดต่อการค้าระหว่างไทยกับประเทศนั้นๆ ในชั้นนี้ ภาคเอกชนขอให้ช่วยผลักดันการตั้ง Business Council ระหว่างไทยกับจีน
4. ต้องการให้ภาครัฐบาลและเอกชนไทยร่วมมือกับภาครัฐบาลและเอกชนของต่างประเทศในการ แก้ไขปัญหาและอุปสรรคการค้าเป็นรายสินค้า (Commodity Matching) ดังเช่นที่ได้ทำกับฝ่ายญี่ปุ่น
5. ต้องการให้มีการส่งเสริมด้านการออกแบบและการก่อสร้าง ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ที่ต้องการแสวงหาโอกาสในต่างประเทศ โดยขอให้สถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่แจ้งข้อมูลข่าวสาร ลู่ทางการดำเนินธุรกิจด้านนี้ โดยเริ่มตั้งแต่เมื่อรู้ว่ามีงบประมาณและโครงการก่อสร้างต่างๆ
6. ขอให้สถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลสนับสนุนการแสวงหาโอกาสการลงทุนในต่างประเทศ ของบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลี่ยม เพื่อเข้าไปประมูลงานสำรวจพื้นที่และผลิตน้ำมัน ตลอดจนมีส่วนร่วมลงทุนกับบริษัทน้ำมันแห่งชาติของประเทศนั้นๆ หรือร่วมกับบริษัทน้ำมัน ต่างชาติที่ทำธุรกิจอยู่แล้ว
ในส่วนของเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ที่เข้าร่วมประชุมหารือก็ได้ให้ข้อคิดเห็นต่อประเด็นต่างๆ ดังนี้
1. เกี่ยวกับเรื่องข้อมูล อยากให้มีลักษณะเป็น two-way communication เมื่อภาคเอกชนได้ใช้ ข้อมูลที่ได้รับจากสถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่ แล้วได้ผลอย่างไรก็ขอให้แจ้งกลับให้ ภาครัฐบาลได้ทราบด้วย และภาครัฐบาลยังต้องการข้อมูลจากภาคเอกชนด้วย เช่นกัน อาทิ ข้อมูลในเรื่องการกีดกันทางการค้าที่เอกชนไทยประสบ เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ภาคเอกชน ได้อย่างรวดเร็ว
2. ขอให้ภาคเอกชนให้ความสนใจในการประกอบธุรกิจการค้ากับตลาดใหม่ๆ ที่สถานเอกอัคร- ราชทูต/สถานกงสุลใหญ่เสนอมา เช่น ไซปรัส แอลบาเนีย ชิลี เนื่องจากตลาดใหม่เหล่านี้สามารถเป็นประตูขยายการค้าไทยในภูมิภาคนั้นๆ ได้
3. หากภาคเอกชนมีสินค้าอะไรที่ต้องการให้สถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่ช่วยหาตลาด ขอให้ส่งสินค้าตัวอย่างให้สถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่ไว้แจกจ่ายแก่ชาวต่างประเทศ ในโอกาสที่เหมาะสมต่างๆ
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-