สิงคโปร์เป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับ 3 ของไทย รองจากสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ในปี 2543 ไทยส่งออกสินค้าไปจำหน่ายยังสิงคโปร์เป็นมูลค่ารวม 241,984 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 26 จากปี 2542 สิงคโปร์เป็นประเทศที่ดำเนินนโยบายการค้าเสรี โดยอนุญาตให้นำเข้าสินค้าเกือบทุกชนิดจากต่างประเทศได้ไม่จำกัด ยกเว้นสินค้าบางชนิดรวมทั้งสินค้าอาหารที่รัฐบาลสิงคโปร์ควบคุมการนำเข้าอย่างเข้มงวด เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีผลกระทบต่อสุขภาพและความปลอดภัยของผู้บริโภค
ปัจจุบันสิงคโปร์ห้ามนำเข้าเนื้อสัตว์แช่แข็งบางประเภทจากบางประเทศซึ่งรวมถึงไทย อาทิ เนื้อโค เนื้อแกะ เนื้อสุกร ฯลฯ อย่างไรก็ตาม ยังมีสินค้าอาหารหลายชนิดของไทยที่สามารถส่งออกไปจำหน่ายในตลาดสิงคโปร์ได้ สำหรับผู้ส่งออกไทยที่สนใจส่งออกสินค้าอาหารไปสิงคโปร์ควรทราบกฎระเบียบด้านการนำเข้าซึ่งมีรายละเอียดที่น่าสนใจพอสรุปได้ดังนี้
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการปิดฉลากสินค้า (Packing and Labeling Requirements) อยู่ในความรับผิดชอบของกรมควบคุมสินค้าอาหาร (Food Control Department) สังกัดกระทรวงสิ่งแวดล้อม (Ministry of the Environment) ของสิงคโปร์ กำหนดให้สินค้าอาหารที่นำเข้าไปจำหน่ายในสิงคโปร์ต้องปิดฉลากเป็นภาษาอังกฤษ แต่อาจปิดฉลากเป็นภาษาอื่นๆ เพิ่มเติมได้หากข้อความในภาษาอื่นไม่ขัดแย้งกับข้อความในฉลากภาษาอังกฤษ สำหรับรายละเอียดที่ต้องระบุในฉลาก ได้แก่ ชื่อของอาหาร ผลิตภัณฑ์ หรือส่วนประกอบ ปริมาณหรือน้ำหนัก ชื่อประเทศผู้ผลิต เป็นต้น
ข้อกำหนดด้านการควบคุมการนำเข้า (Restricted Import Control) อยู่ในความรับผิดชอบของ Agri-food & Veterinary Authority of Singapore (AVA) สังกัดกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติ (Ministry of National Development) AVA เป็นหน่วยงานหลักที่ทำหน้าที่ตรวจสอบมาตรฐานด้านสุขอนามัยของอาหารที่นำเข้าจากต่างประเทศ สินค้าอาหารที่ต้องผ่านการตรวจสอบจาก AVA อาทิเช่น
- ผักสดและผลไม้สด รัฐบาลสิงคโปร์อนุญาตให้นำเข้าผักสดและผลไม้สดที่เพาะปลูกจากสวนเกษตรที่ได้รับการรับรองจาก AVA แล้วเป็นหลัก นอกจากนี้ยังอนุญาตให้นำเข้าผักสดและผลไม้สดที่ปลอดจากสารพิษตกค้าง หรือมีสารตกค้างไม่เกินกว่าระดับที่กำหนด ทั้งนี้เพื่อป้องกันอันตรายต่อสุขภาพของผู้บริโภค เช่น ลำไยต้องมีสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) ตกค้างบนเปลือกลำไยไม่เกินกว่า 200-300 ppm ซึ่งเป็นมาตรฐานที่กำหนดโดยโครงการมาตรฐานอาหารระหว่างประเทศ (CODEX) และไม่อนุญาตให้นำเข้าลำไยที่มีสารตกค้างในเนื้อลำไย เป็นต้น ในการนำเข้า AVA จะสุ่มตัวอย่างสินค้าเพื่อตรวจสอบก่อนการนำเข้า หากผลการตรวจสอบพบว่ามีสารพิษตกค้างอยู่ในสินค้าดังกล่าวเกินกว่ามาตรฐานที่กำหนด รัฐบาลสิงคโปร์จะห้ามนำเข้าสินค้าดังกล่าวทันที
- เนื้อสัตว์ รัฐบาลสิงคโปร์เข้มงวดในการนำเข้าเนื้อสัตว์บางประเภท อาทิ
- เนื้อไก่แช่แข็ง รัฐบาลสิงคโปร์เคยตรวจพบสารตกค้างประเภท Salmonella Contamination อาทิ Salmonella Organisms, Salmonella Enteritidis และ Salmonella Paratyphi B ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้บริโภค ทำให้รัฐบาลสิงคโปร์ห้ามนำเข้าเนื้อไก่จากผู้ส่งออกบางรายของไทย
อย่างไรก็ตาม ผู้ส่งออกไทยรายใดที่ต้องการส่งออกเนื้อไก่แช่แข็งไปจำหน่ายในตลาดสิงคโปร์สามารถแจ้งความจำนงไปยัง AVA เพื่อขอให้ส่งเจ้าหน้าที่มาทำการตรวจโรงฆ่าสัตว์และโรงงานแปรรูปเนื้อสัตว์ที่จะเป็นผู้ผลิตเนื้อไก่ได้ หากผลการตรวจสอบโรงฆ่าสัตว์หรือโรงงานแปรรูปเนื้อสัตว์รายใดผ่านเกณฑ์ตามมาตรฐานที่กำหนด AVA ก็จะอนุมัติให้นำเข้าเนื้อไก่แช่แข็งจากผู้ผลิตรายนั้นๆ
- เนื้อปลา AVA อนุญาตให้นำเข้าเนื้อปลาจากต่างประเทศได้เสรี แต่ต้องมีระดับของ PCBs (Polychlorinated Biphenyls) ไม่เกินกว่ามาตรฐานที่กำหนดโดยองค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO)
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย--
-อน-
ปัจจุบันสิงคโปร์ห้ามนำเข้าเนื้อสัตว์แช่แข็งบางประเภทจากบางประเทศซึ่งรวมถึงไทย อาทิ เนื้อโค เนื้อแกะ เนื้อสุกร ฯลฯ อย่างไรก็ตาม ยังมีสินค้าอาหารหลายชนิดของไทยที่สามารถส่งออกไปจำหน่ายในตลาดสิงคโปร์ได้ สำหรับผู้ส่งออกไทยที่สนใจส่งออกสินค้าอาหารไปสิงคโปร์ควรทราบกฎระเบียบด้านการนำเข้าซึ่งมีรายละเอียดที่น่าสนใจพอสรุปได้ดังนี้
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการปิดฉลากสินค้า (Packing and Labeling Requirements) อยู่ในความรับผิดชอบของกรมควบคุมสินค้าอาหาร (Food Control Department) สังกัดกระทรวงสิ่งแวดล้อม (Ministry of the Environment) ของสิงคโปร์ กำหนดให้สินค้าอาหารที่นำเข้าไปจำหน่ายในสิงคโปร์ต้องปิดฉลากเป็นภาษาอังกฤษ แต่อาจปิดฉลากเป็นภาษาอื่นๆ เพิ่มเติมได้หากข้อความในภาษาอื่นไม่ขัดแย้งกับข้อความในฉลากภาษาอังกฤษ สำหรับรายละเอียดที่ต้องระบุในฉลาก ได้แก่ ชื่อของอาหาร ผลิตภัณฑ์ หรือส่วนประกอบ ปริมาณหรือน้ำหนัก ชื่อประเทศผู้ผลิต เป็นต้น
ข้อกำหนดด้านการควบคุมการนำเข้า (Restricted Import Control) อยู่ในความรับผิดชอบของ Agri-food & Veterinary Authority of Singapore (AVA) สังกัดกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติ (Ministry of National Development) AVA เป็นหน่วยงานหลักที่ทำหน้าที่ตรวจสอบมาตรฐานด้านสุขอนามัยของอาหารที่นำเข้าจากต่างประเทศ สินค้าอาหารที่ต้องผ่านการตรวจสอบจาก AVA อาทิเช่น
- ผักสดและผลไม้สด รัฐบาลสิงคโปร์อนุญาตให้นำเข้าผักสดและผลไม้สดที่เพาะปลูกจากสวนเกษตรที่ได้รับการรับรองจาก AVA แล้วเป็นหลัก นอกจากนี้ยังอนุญาตให้นำเข้าผักสดและผลไม้สดที่ปลอดจากสารพิษตกค้าง หรือมีสารตกค้างไม่เกินกว่าระดับที่กำหนด ทั้งนี้เพื่อป้องกันอันตรายต่อสุขภาพของผู้บริโภค เช่น ลำไยต้องมีสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) ตกค้างบนเปลือกลำไยไม่เกินกว่า 200-300 ppm ซึ่งเป็นมาตรฐานที่กำหนดโดยโครงการมาตรฐานอาหารระหว่างประเทศ (CODEX) และไม่อนุญาตให้นำเข้าลำไยที่มีสารตกค้างในเนื้อลำไย เป็นต้น ในการนำเข้า AVA จะสุ่มตัวอย่างสินค้าเพื่อตรวจสอบก่อนการนำเข้า หากผลการตรวจสอบพบว่ามีสารพิษตกค้างอยู่ในสินค้าดังกล่าวเกินกว่ามาตรฐานที่กำหนด รัฐบาลสิงคโปร์จะห้ามนำเข้าสินค้าดังกล่าวทันที
- เนื้อสัตว์ รัฐบาลสิงคโปร์เข้มงวดในการนำเข้าเนื้อสัตว์บางประเภท อาทิ
- เนื้อไก่แช่แข็ง รัฐบาลสิงคโปร์เคยตรวจพบสารตกค้างประเภท Salmonella Contamination อาทิ Salmonella Organisms, Salmonella Enteritidis และ Salmonella Paratyphi B ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้บริโภค ทำให้รัฐบาลสิงคโปร์ห้ามนำเข้าเนื้อไก่จากผู้ส่งออกบางรายของไทย
อย่างไรก็ตาม ผู้ส่งออกไทยรายใดที่ต้องการส่งออกเนื้อไก่แช่แข็งไปจำหน่ายในตลาดสิงคโปร์สามารถแจ้งความจำนงไปยัง AVA เพื่อขอให้ส่งเจ้าหน้าที่มาทำการตรวจโรงฆ่าสัตว์และโรงงานแปรรูปเนื้อสัตว์ที่จะเป็นผู้ผลิตเนื้อไก่ได้ หากผลการตรวจสอบโรงฆ่าสัตว์หรือโรงงานแปรรูปเนื้อสัตว์รายใดผ่านเกณฑ์ตามมาตรฐานที่กำหนด AVA ก็จะอนุมัติให้นำเข้าเนื้อไก่แช่แข็งจากผู้ผลิตรายนั้นๆ
- เนื้อปลา AVA อนุญาตให้นำเข้าเนื้อปลาจากต่างประเทศได้เสรี แต่ต้องมีระดับของ PCBs (Polychlorinated Biphenyls) ไม่เกินกว่ามาตรฐานที่กำหนดโดยองค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO)
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย--
-อน-