กรุงเทพฯ--22 ต.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
7. ในด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการ (Ecotech) ที่ประชุมให้การรับรองการจัดทำแผนปฏิบัติการความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการ (Ecotech Action Plan — EAP) ในด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และเพื่อเน้นความสำคัญและเป็นการพัฒนากิจกรรมของ Ecotech ให้เอื้ออำนวยต่อการดำเนินงานไปสู่เป้าหมายโบกอร์ (Bogor) และการ พัฒนาที่ยั่งยืนและสมดุล ดร.สุรเกียรติ์ฯ ได้เสนอให้ที่ประชุมให้ความสำคัญต่อการดำเนินงานด้าน Ecotech มากขึ้นเพื่อช่วยเตรียมความพร้อมให้กับสมาชิกกำลังพัฒนาให้สามารถใช้ประโยชน์จากกระแสโลกาภิวัตน์ และสนับสนุนกิจกรรมของเอเปคในด้านการเปิดเสรีทางการค้าและการลงทุน และการอำนวยความสะดวกทางการค้าได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ โดยการปรับบทบาทและยกสถานะของคณะอนุกรรมการว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการของเอเปค (Ecotech Sub-Committee) ขึ้นเป็นคณะกรรมการเต็มรูปแบบ 8. ที่ประชุมรับรองรายงานเจ้าหน้าที่อาวุโสเรื่องการอนุวัติข้อแนะนำ 3 ประการในเรื่องระบบอาหารของเอเปค (APEC Food System) กล่าวคือ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในชนบทเพื่อเชื่อมโยงผู้ผลิต ผู้แปรรูป และผู้บริโภค การส่งเสริมการค้าผลิตภัณฑ์อาหาร และการกระจายถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีด้านการผลิตและแปรรูปอาหาร รวมทั้งการวิจัยพัฒนาเทคโนโลยี โดยที่ภาคเกษตรเป็นภาคการผลิตที่สำคัญของสมาชิกเอเปคหลายประเทศโดยเฉพาะประเทศไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เน้นย้ำว่า ในสภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัวในขณะนี้ การส่งเสริมการค้าในผลิตภัณฑ์อาหารจะเป็นหนทางหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี และสนับสนุนการลดข้อกีดกันทางการค้า ผลิตภัณฑ์อาหาร การทำวิจัยร่วมกัน การส่งเสริมความร่วมมือภาครัฐและภาคเอกชน การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารในภูมิภาคเอเปค
9. ในประเด็นเรื่องโรคติดต่อร้ายแรง สหรัฐฯ ได้กล่าวถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยสหรัฐฯ เสนอให้ที่ประชุมให้การรับรองกลยุทธ APEC Strategy to Fight HIV/AIDS and Other Infectious Diseases ทั้งนี้ พร้อมที่จะให้การสนับสนุนด้านการเงินและการฝึกอบรมที่เกี่ยวข้อง อาทิ การจัดตั้งกองทุนระหว่างประเทศ (Global Fund) สำหรับการจัดการกับโรค HIV/AIDS มาลาเรีย และวัณโรค เป็นจำนวน 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ประกาศให้การสนับสนุนกลยุทธดังกล่าว และได้กล่าวถึงบทบาทของไทยในการเข้าร่วมเครือข่ายสอดส่องติดตามการแพร่ขยายของโรคติดต่อ (Global Emerging Diseases Surveillance Network) และจะจัดการประชุมระหว่างประเทศเกี่ยวกับโรค AIDS
10. การมีส่วนร่วมกับภาคเอกชนในกิจกรรมต่างๆ เป็นสิ่งสำคัญประการหนึ่งของกระบวนการเอเปค ในการนี้ ดร. สุรเกียรติ์ฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงการจัดการประชุม Asia-Pacific Regional Internet Conference on Operational Technologies (APRICOT 2002) ระหว่างวันที่ 4- 7 มีนาคม 2545 ที่กรุงเทพฯ ทั้งนี้ ก่อนที่จะมีการประชุมดังกล่าวจะมีการจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการสำหรับวิศวกรด้าน IT และได้เชิญชวนสมาชิกเอเปคให้ส่งวิศวกรด้าน IT ของตนเข้าร่วมการประชุมระดับสูงรายการนี้
11. ที่ประชุมรับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรีในด้านต่างๆ ของเอเปคในช่วงปีนี้ อาทิ ด้านการค้า การคลัง การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และด้านวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เป็นต้น ทั้งนี้ ในด้านและด้านวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) นั้น ดร. สุรเกียรติ์ฯ ได้กล่าวย้ำความสำคัญของ SMEs ต่อภาคเศรษฐกิจของสมาชิกเอเปคในการเร่งการฟื้นตัวในขณะนี้ ทั้งนี้ ไทยและสหรัฐฯ ได้เริ่มดำเนินโครงการที่เรียกว่า Strategic International Assistance and Matchmaking (SIAM) เพื่อเชื่อมโยงเครือข่ายของ SMEs ระหว่างกัน ในขณะนี้ เครือข่ายดังกล่าวมีสมาชิก 1,300 รายและมีมูลค่าการค้ารวมกันกว่า 32 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยโครงการนี้เป็นผลส่วนหนึ่งจากการจัดสัมมนา APEC SME Conference on Strategic Alliances for Efficient Supply Chain Management ที่กรุงเทพฯ เมื่อเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา
12. ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับการดำเนินการในกรอบของรัฐมนตรีคลังเอเปคโดยเฉพาะในเรื่องความคืบหน้าของการปฏิรูปโครงสร้างระบบการเงินโลก (International Financial Architecture) ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้กล่าวเน้นถึงผลกระทบจากวิกฤตการณ์ด้านการเงินที่ผ่านมาว่า ส่งผลกระทบต่อทุกประเทศและควรที่ทุกฝ่ายจำเป็นต้องมีความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดต่อไปในการปรับปรุงโครงสร้างระบบการเงินโลกมิให้เกิดวิกฤตขึ้นอีก นอกจากนี้ ยังได้กล่าวถึงแนวทางการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลไทยในปัจจุบันที่เน้นถึงการเพิ่มความเข้มแข็งของภาคเศรษฐกิจภายในประเทศเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงและความผันผวนจากเศรษฐกิจภายนอก และบทบาทสำคัญของความร่วมมือด้านการเงินในภูมิภาค เช่น ในกรอบ ASEAN + 3 และการขยายความตกลงแลกเปลี่ยนเงินตราล่วงหน้าร่วมกันของอาเซียน (ASEAN Bilateral Swap Arrangement) หรือที่รู้จักกันว่า Chiang Mai Initiative ไปสู่ประเทศ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีด้วย
13. ที่ประชุมได้รับรองข้อเสนอแนะของคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อศึกษาเกี่ยวกับการดำเนินการด้านโครงข่ายรองรับทางสังคม (Social Safety Net) ซึ่งมีไทยและเกาหลีใต้เป็นประธานร่วมกัน โดยจะมีการจัดตั้งเครือข่ายเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในด้านการจัดการโครงข่ายรองรับทางสังคม (Social Safety Net Capacity Building Network: SSN-CBN) เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์การดำเนินการในเรื่องนี้ระหว่างสมาชิกเอเปค และยังสนับสนุนการจัดประชุมระหว่างประเทศในเรื่องนี้ในช่วงปี 2545 โดยมีไทยและเกาหลีร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดประชุม ในเรื่องการดำเนินการด้านโครงข่ายรองรับทางสังคมนั้น ดร. สุรเกียรติ์ฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงมาตรการต่างๆ ของรัฐบาลไทยในปัจจุบันที่จะมีส่วนอย่างมากในการลดผลกระทบทางสังคม เช่น โครงการพักชำระหนี้ของเกษตรกร การจัดตั้งกองทุนหมู่บ้าน การจัดตั้งธนาคารประชาชน โครงการหนึ่งหมู่บ้านหนึ่งผลิตภัณฑ์ และโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค เป็นต้น
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-
7. ในด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการ (Ecotech) ที่ประชุมให้การรับรองการจัดทำแผนปฏิบัติการความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการ (Ecotech Action Plan — EAP) ในด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และเพื่อเน้นความสำคัญและเป็นการพัฒนากิจกรรมของ Ecotech ให้เอื้ออำนวยต่อการดำเนินงานไปสู่เป้าหมายโบกอร์ (Bogor) และการ พัฒนาที่ยั่งยืนและสมดุล ดร.สุรเกียรติ์ฯ ได้เสนอให้ที่ประชุมให้ความสำคัญต่อการดำเนินงานด้าน Ecotech มากขึ้นเพื่อช่วยเตรียมความพร้อมให้กับสมาชิกกำลังพัฒนาให้สามารถใช้ประโยชน์จากกระแสโลกาภิวัตน์ และสนับสนุนกิจกรรมของเอเปคในด้านการเปิดเสรีทางการค้าและการลงทุน และการอำนวยความสะดวกทางการค้าได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ โดยการปรับบทบาทและยกสถานะของคณะอนุกรรมการว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการของเอเปค (Ecotech Sub-Committee) ขึ้นเป็นคณะกรรมการเต็มรูปแบบ 8. ที่ประชุมรับรองรายงานเจ้าหน้าที่อาวุโสเรื่องการอนุวัติข้อแนะนำ 3 ประการในเรื่องระบบอาหารของเอเปค (APEC Food System) กล่าวคือ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในชนบทเพื่อเชื่อมโยงผู้ผลิต ผู้แปรรูป และผู้บริโภค การส่งเสริมการค้าผลิตภัณฑ์อาหาร และการกระจายถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีด้านการผลิตและแปรรูปอาหาร รวมทั้งการวิจัยพัฒนาเทคโนโลยี โดยที่ภาคเกษตรเป็นภาคการผลิตที่สำคัญของสมาชิกเอเปคหลายประเทศโดยเฉพาะประเทศไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เน้นย้ำว่า ในสภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัวในขณะนี้ การส่งเสริมการค้าในผลิตภัณฑ์อาหารจะเป็นหนทางหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี และสนับสนุนการลดข้อกีดกันทางการค้า ผลิตภัณฑ์อาหาร การทำวิจัยร่วมกัน การส่งเสริมความร่วมมือภาครัฐและภาคเอกชน การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารในภูมิภาคเอเปค
9. ในประเด็นเรื่องโรคติดต่อร้ายแรง สหรัฐฯ ได้กล่าวถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยสหรัฐฯ เสนอให้ที่ประชุมให้การรับรองกลยุทธ APEC Strategy to Fight HIV/AIDS and Other Infectious Diseases ทั้งนี้ พร้อมที่จะให้การสนับสนุนด้านการเงินและการฝึกอบรมที่เกี่ยวข้อง อาทิ การจัดตั้งกองทุนระหว่างประเทศ (Global Fund) สำหรับการจัดการกับโรค HIV/AIDS มาลาเรีย และวัณโรค เป็นจำนวน 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ประกาศให้การสนับสนุนกลยุทธดังกล่าว และได้กล่าวถึงบทบาทของไทยในการเข้าร่วมเครือข่ายสอดส่องติดตามการแพร่ขยายของโรคติดต่อ (Global Emerging Diseases Surveillance Network) และจะจัดการประชุมระหว่างประเทศเกี่ยวกับโรค AIDS
10. การมีส่วนร่วมกับภาคเอกชนในกิจกรรมต่างๆ เป็นสิ่งสำคัญประการหนึ่งของกระบวนการเอเปค ในการนี้ ดร. สุรเกียรติ์ฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงการจัดการประชุม Asia-Pacific Regional Internet Conference on Operational Technologies (APRICOT 2002) ระหว่างวันที่ 4- 7 มีนาคม 2545 ที่กรุงเทพฯ ทั้งนี้ ก่อนที่จะมีการประชุมดังกล่าวจะมีการจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการสำหรับวิศวกรด้าน IT และได้เชิญชวนสมาชิกเอเปคให้ส่งวิศวกรด้าน IT ของตนเข้าร่วมการประชุมระดับสูงรายการนี้
11. ที่ประชุมรับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรีในด้านต่างๆ ของเอเปคในช่วงปีนี้ อาทิ ด้านการค้า การคลัง การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และด้านวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เป็นต้น ทั้งนี้ ในด้านและด้านวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) นั้น ดร. สุรเกียรติ์ฯ ได้กล่าวย้ำความสำคัญของ SMEs ต่อภาคเศรษฐกิจของสมาชิกเอเปคในการเร่งการฟื้นตัวในขณะนี้ ทั้งนี้ ไทยและสหรัฐฯ ได้เริ่มดำเนินโครงการที่เรียกว่า Strategic International Assistance and Matchmaking (SIAM) เพื่อเชื่อมโยงเครือข่ายของ SMEs ระหว่างกัน ในขณะนี้ เครือข่ายดังกล่าวมีสมาชิก 1,300 รายและมีมูลค่าการค้ารวมกันกว่า 32 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยโครงการนี้เป็นผลส่วนหนึ่งจากการจัดสัมมนา APEC SME Conference on Strategic Alliances for Efficient Supply Chain Management ที่กรุงเทพฯ เมื่อเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา
12. ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับการดำเนินการในกรอบของรัฐมนตรีคลังเอเปคโดยเฉพาะในเรื่องความคืบหน้าของการปฏิรูปโครงสร้างระบบการเงินโลก (International Financial Architecture) ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้กล่าวเน้นถึงผลกระทบจากวิกฤตการณ์ด้านการเงินที่ผ่านมาว่า ส่งผลกระทบต่อทุกประเทศและควรที่ทุกฝ่ายจำเป็นต้องมีความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดต่อไปในการปรับปรุงโครงสร้างระบบการเงินโลกมิให้เกิดวิกฤตขึ้นอีก นอกจากนี้ ยังได้กล่าวถึงแนวทางการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลไทยในปัจจุบันที่เน้นถึงการเพิ่มความเข้มแข็งของภาคเศรษฐกิจภายในประเทศเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงและความผันผวนจากเศรษฐกิจภายนอก และบทบาทสำคัญของความร่วมมือด้านการเงินในภูมิภาค เช่น ในกรอบ ASEAN + 3 และการขยายความตกลงแลกเปลี่ยนเงินตราล่วงหน้าร่วมกันของอาเซียน (ASEAN Bilateral Swap Arrangement) หรือที่รู้จักกันว่า Chiang Mai Initiative ไปสู่ประเทศ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีด้วย
13. ที่ประชุมได้รับรองข้อเสนอแนะของคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อศึกษาเกี่ยวกับการดำเนินการด้านโครงข่ายรองรับทางสังคม (Social Safety Net) ซึ่งมีไทยและเกาหลีใต้เป็นประธานร่วมกัน โดยจะมีการจัดตั้งเครือข่ายเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในด้านการจัดการโครงข่ายรองรับทางสังคม (Social Safety Net Capacity Building Network: SSN-CBN) เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์การดำเนินการในเรื่องนี้ระหว่างสมาชิกเอเปค และยังสนับสนุนการจัดประชุมระหว่างประเทศในเรื่องนี้ในช่วงปี 2545 โดยมีไทยและเกาหลีร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดประชุม ในเรื่องการดำเนินการด้านโครงข่ายรองรับทางสังคมนั้น ดร. สุรเกียรติ์ฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงมาตรการต่างๆ ของรัฐบาลไทยในปัจจุบันที่จะมีส่วนอย่างมากในการลดผลกระทบทางสังคม เช่น โครงการพักชำระหนี้ของเกษตรกร การจัดตั้งกองทุนหมู่บ้าน การจัดตั้งธนาคารประชาชน โครงการหนึ่งหมู่บ้านหนึ่งผลิตภัณฑ์ และโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค เป็นต้น
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-