นายการุณ กิตติสถาพร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยภาวะการส่งออกเนื้อไก่สดและผลิตภัณฑ์เนื้อไก่ (Further Products)ของไทยในปี 2543 มีแนวโน้มสดใสมากเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านๆ มา กล่าวคือ ตัวเลขการส่งออกของสมาคมผู้ผลิตไก่เพื่อส่งออก ปรากฏว่า 9 เดือนแรกของปี 2543 ปริมาณส่งออกเนื้อไก่สดและผลิตภัณฑ์ฯเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้าร้อยละ 31.63 โดยการส่งออกเนื้อไก่ของไทยมีการพัฒนาหันไปส่งออกในรูปผลิตภัณฑ์เนื้อไก่เพิ่มมากขึ้น ตรงตามนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ในการผลักดันให้มีการส่งออกสินค้าคุณภาพสูงที่มีมูลค่าเพิ่มสูงมากขึ้น
นายการุณ กิตติสถาพร กล่าวเพิ่มเติมว่าใน 9 เดือนแรกของปี 2543 การส่งออกเนื้อไก่สดและผลิตภัณฑ์เนื้อไก่ของไทยมีปริมาณรวม 231,077 ตัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปี 2542 ร้อยละ 31.6 แยกเป็นการส่งออกเนื้อไก่สด 171,977 ตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 74.4 ลดลงจากปีก่อนหน้าสัดส่วน 78.2 และผลิตภัณฑ์เนื้อไก่ปริมาณ 59,100 ตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 25.6 เพิ่มจากสัดส่วนปีก่อนหน้าร้อยละ 21.8 ขณะที่ตลาดลูกค้าสำคัญอันดับหนึ่งยังคงเป็นญี่ปุ่นซึ่งมีสัดส่วนตลาดนำเข้าร้อยละ 55.4 ของปริมาณการส่งออกรวมของเนื้อไก่สดและผลิตภัณฑ์ไก่ไทยตามด้วยตลาดสำคัญอันดับรอง คือ สหภาพยุโรป มีสัดส่วนตลาดนำเข้าร้อยละ 30.8
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ชี้แจงเพิ่มเติมด้วยว่าตลาดสหภาพยุโรปนับเป็นตลาดเนื้อไก่สดและผลิตภัณฑ์ฯ ที่สำคัญของไทย เพราะเป็นตลาดรองรับเนื้อไก่สดส่วนอก ช่วยให้ประเทศไทยสามารถส่งออกเนื้อไก่ได้ครบทุกส่วน เนื่องจากตลาดญี่ปุ่นเป็นตลาดซื้อเฉพาะน่องไก่ ขณะเดียวกันตลาดสหภาพยุโรปได้กลายเป็นตลาดผลิตภัณฑ์เนื้อไก่ไทยเพิ่มมากขึ้นทุกที ใน 9 เดือนแรกปี 2543 ปริมาณนำเข้าผลิตภัณฑ์ฯ รวม 21,903 ตัน เพิ่มจากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้าร้อยละ 48.3 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 30.5 ของไก่ไทยเข้าอียูรวม ขณะที่ปริมาณนำเข้าเนื้อไก่สดรวม 49,819 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 43
นายการุณ กิตติสถาพร กล่าวในที่สุดว่าตลาดอียูมีลู่ทางแจ่มใสมาก เนื่องจากขณะนี้ข่าวการระบาดของโรควัวบ้าในอียูที่มีเพิ่มมากขึ้นในช่วง 1 — 2 เดือนที่ผ่านมาทั้งในฝรั่งเศส เยอรมันนี และสเปน ได้บั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเนื้อวัวในอียูให้ลดลงไปอีกมาก หลังจากที่เกิดโรควัวบ้านี้ในอังกฤษเมื่อเดือนมีนาคม 2539 ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเนื้อวัวในขณะนั้นต้องลดลงมากแล้ว ประกอบกับการเปิดเผยผลการศึกษาของทางการอังกฤษเมื่อเดือนตุลาคม 2543 ที่ผ่านมาเกี่ยวกับข้อเท็จจริงของโรควัวบ้าที่ได้ผลตรงข้ามกับผลสรุปเดิมในปี 2540 ที่ว่าโรควัวบ้ามีโอกาสน้อยที่จะทำให้ผู้บริโภคเกิดโรคสมองฝ่อ รวมกับผลสรุปออกมาว่าสาเหตุที่เกิดโรควัวบ้านั้น เนื่องจากผู้เลี้ยงวัวใช้อาหารสัตว์ที่ผสมจากซากสัตว์ของวัวในการผลิตอาหารสัตว์ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ทางการเยอรมันนีได้สั่งห้ามให้มีการนำซากวัวมาผลิตอาหารสัตว์ ตลอดจนข่าวการเกิดโรคระบาดวัวบ้าในประเทศสมาชิกอียูอีก 4 ประเทศนี้ได้ส่งผลอย่างใหญ่หลวงให้ผู้บริโภคในอียูขาดความเชื่อมั่นในการบริโภคเนื้อวัวมากยิ่งขึ้นและหันไปบริโภคเนื้อสัตว์อื่นๆ แทนมากขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้นโอกาสที่เนื้อไก่จะเป็นทางเลือกของผู้บริโภคอียูก็จะมีมากขึ้น คาดว่าเนื้อไก่ไทยจะมีโอกาสขยายเข้าตลาดอียูได้แจ่มใสมากขึ้น ในปี 2543 ประมาณการว่าเนื้อไก่สดและผลิตภัณฑ์เนื้อไก่ของไทยเข้าอียูจะได้เกือบ 100,000 ตัน และในปี 2544 แนวโน้มการส่งออกเนื้อไก่สดและผลิตภัณฑ์ฯของไทยเข้าอียูน่าจะขยายการส่งออกได้เพิ่มมากกว่าปี 2543--จบ--
--กรมการค้าต่างประเทศ ธันวาคม 2543--
-อน-
นายการุณ กิตติสถาพร กล่าวเพิ่มเติมว่าใน 9 เดือนแรกของปี 2543 การส่งออกเนื้อไก่สดและผลิตภัณฑ์เนื้อไก่ของไทยมีปริมาณรวม 231,077 ตัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปี 2542 ร้อยละ 31.6 แยกเป็นการส่งออกเนื้อไก่สด 171,977 ตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 74.4 ลดลงจากปีก่อนหน้าสัดส่วน 78.2 และผลิตภัณฑ์เนื้อไก่ปริมาณ 59,100 ตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 25.6 เพิ่มจากสัดส่วนปีก่อนหน้าร้อยละ 21.8 ขณะที่ตลาดลูกค้าสำคัญอันดับหนึ่งยังคงเป็นญี่ปุ่นซึ่งมีสัดส่วนตลาดนำเข้าร้อยละ 55.4 ของปริมาณการส่งออกรวมของเนื้อไก่สดและผลิตภัณฑ์ไก่ไทยตามด้วยตลาดสำคัญอันดับรอง คือ สหภาพยุโรป มีสัดส่วนตลาดนำเข้าร้อยละ 30.8
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ชี้แจงเพิ่มเติมด้วยว่าตลาดสหภาพยุโรปนับเป็นตลาดเนื้อไก่สดและผลิตภัณฑ์ฯ ที่สำคัญของไทย เพราะเป็นตลาดรองรับเนื้อไก่สดส่วนอก ช่วยให้ประเทศไทยสามารถส่งออกเนื้อไก่ได้ครบทุกส่วน เนื่องจากตลาดญี่ปุ่นเป็นตลาดซื้อเฉพาะน่องไก่ ขณะเดียวกันตลาดสหภาพยุโรปได้กลายเป็นตลาดผลิตภัณฑ์เนื้อไก่ไทยเพิ่มมากขึ้นทุกที ใน 9 เดือนแรกปี 2543 ปริมาณนำเข้าผลิตภัณฑ์ฯ รวม 21,903 ตัน เพิ่มจากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้าร้อยละ 48.3 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 30.5 ของไก่ไทยเข้าอียูรวม ขณะที่ปริมาณนำเข้าเนื้อไก่สดรวม 49,819 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 43
นายการุณ กิตติสถาพร กล่าวในที่สุดว่าตลาดอียูมีลู่ทางแจ่มใสมาก เนื่องจากขณะนี้ข่าวการระบาดของโรควัวบ้าในอียูที่มีเพิ่มมากขึ้นในช่วง 1 — 2 เดือนที่ผ่านมาทั้งในฝรั่งเศส เยอรมันนี และสเปน ได้บั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเนื้อวัวในอียูให้ลดลงไปอีกมาก หลังจากที่เกิดโรควัวบ้านี้ในอังกฤษเมื่อเดือนมีนาคม 2539 ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเนื้อวัวในขณะนั้นต้องลดลงมากแล้ว ประกอบกับการเปิดเผยผลการศึกษาของทางการอังกฤษเมื่อเดือนตุลาคม 2543 ที่ผ่านมาเกี่ยวกับข้อเท็จจริงของโรควัวบ้าที่ได้ผลตรงข้ามกับผลสรุปเดิมในปี 2540 ที่ว่าโรควัวบ้ามีโอกาสน้อยที่จะทำให้ผู้บริโภคเกิดโรคสมองฝ่อ รวมกับผลสรุปออกมาว่าสาเหตุที่เกิดโรควัวบ้านั้น เนื่องจากผู้เลี้ยงวัวใช้อาหารสัตว์ที่ผสมจากซากสัตว์ของวัวในการผลิตอาหารสัตว์ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ทางการเยอรมันนีได้สั่งห้ามให้มีการนำซากวัวมาผลิตอาหารสัตว์ ตลอดจนข่าวการเกิดโรคระบาดวัวบ้าในประเทศสมาชิกอียูอีก 4 ประเทศนี้ได้ส่งผลอย่างใหญ่หลวงให้ผู้บริโภคในอียูขาดความเชื่อมั่นในการบริโภคเนื้อวัวมากยิ่งขึ้นและหันไปบริโภคเนื้อสัตว์อื่นๆ แทนมากขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้นโอกาสที่เนื้อไก่จะเป็นทางเลือกของผู้บริโภคอียูก็จะมีมากขึ้น คาดว่าเนื้อไก่ไทยจะมีโอกาสขยายเข้าตลาดอียูได้แจ่มใสมากขึ้น ในปี 2543 ประมาณการว่าเนื้อไก่สดและผลิตภัณฑ์เนื้อไก่ของไทยเข้าอียูจะได้เกือบ 100,000 ตัน และในปี 2544 แนวโน้มการส่งออกเนื้อไก่สดและผลิตภัณฑ์ฯของไทยเข้าอียูน่าจะขยายการส่งออกได้เพิ่มมากกว่าปี 2543--จบ--
--กรมการค้าต่างประเทศ ธันวาคม 2543--
-อน-