‘ธานินทร์ ใจสมุทร’ ขอเลื่อนการชี้แจงข้อกล่าวหา หลัง กกต. แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีก 3 ข้อหา โดยขอให้ กกต. แสดงหลักฐานเทปฉบับเต็ม โดยไม่มีการตัดต่อ ให้ตรวจสอบก่อน จึงจะเข้าชี้แจง ด้าน ‘วิทยา แก้วภราดัย’ เรียกร้อง กกต. ทำงานเชิงรุกให้มากขึ้น
วันนี้ (21 ก.พ. 2548) เวลา 10.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายธานินทร์ ใจสมุทร ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จ.สตูล พรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า วันนี้ตนจะเดินทางไปสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อขอเลื่อนการชี้แจงข้อกล่าวหา ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีก 3 ข้อหา อ้างว่าตนปราศรัยหาเสียงใส่ร้าย ทำให้คะแนนเสียงของคู่แข่งลดลง เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2547, วันที่ 27 ธันวาคม 2547 และวันที่ 28 มกราคม 2548 ซึ่งตนไม่รู้ว่าผิดตรงไหน เพราะตนได้ปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งในหลายเวที จึงขอให้ กกต. แสดงหลักฐาน เช่น วีดีโอเทป, เทป ฉบับเต็ม โดยไม่มีการตัดต่อ เพื่อให้ตนตรวจสอบ ภายใน 7 วัน เนื่องจากตามบันทึกแจ้งข้อกล่าวหา (เพิ่มเติม) ฉบับลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2548 นั้น เป็นการตัดข้อความบางส่วน ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นคำพูดของตนจริงหรือไม่ จึงไม่สามารถแก้ข้อกล่าวหาได้อย่างถูกต้องครบถ้วน และไม่ทราบว่า กกต. เอาหลักฐานมาจากไหน และขอยืนยันว่ารายละเอียดในการปราศรัย ตนไม่ทราบว่าได้พูดอย่างนั้นจริงหรือไม่
‘กกต. ต้องเอาเทปไปพิสูจน์ ถ้ามีเทป เหมือนอย่างของท่านเนวิน ชิดชอบ ว่าพิสูจน์ได้หรือไม่ ว่าเป็นเสียงของผมจริงหรือเปล่า ถ้าเป็นเสียงของผมจริง ผมก็ต้องชี้แจง แต่ตอนนี้ขอให้ กกต.ไปพิสูจน์เทปก่อน ผมก็จำไม่ได้ว่าพูดที่ไหน เพราะพูดหลายเวที บางเวทีพูดแบบ บางเวทีก็พูดอีกแบบ ผมต้องตรวจสอบก่อนว่ามันมาอย่างไร ถ้าเรื่องสถานการณ์ภาคใต้ เรื่องตากใบ ผมพูด แต่ไม่ได้กล่าวหาตรงๆ’ นายธานินทร์กล่าว และว่า เมื่อ กกต. ส่งหลักฐานเทปฉบับเต็ม เพื่อให้ตนพิสูจน์ตรวจสอบว่า เป็นเทปเสียงของตนจริง ไม่มีการตัดต่อแล้ว หลังจากนั้นตนจะนำพยานเข้าชี้แจงต่อ กกต. เพื่อประกอบคำให้การ
นายธานินทร์ กล่าวว่า การที่ตนปราศรัยถึงเหตุการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ได้มีผลทำให้คะแนนเสียงของนายจิรายุส เนาวเกตุ ผู้สมัคร ส.ส. พรรคไทยรักไทย น้อยลง แต่กลับเพิ่มขึ้น คือ เมื่อปี 2544 นายจิรายุส ได้คะแนน 28,000 คะแนน แต่ปี 2548 ได้ถึง 34,000 คะแนน ดังนั้นตนจึงไม่ได้ปราศรัยให้ร้ายผู้สมัครรับเลือกตั้ง การปราศรัยของตนจะพูดเรื่องสถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่รัฐบาลส่งสัญญาณอุ้ม ฆ่าประชาชน และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นใน 4 ปีที่ผ่านมา ตามสภาพความเป็นจริง
ทั้งนี้นายธานินทร์ได้อ้างพยานเพื่อพิสูจน์ข้อกล่าวหาเพิ่มเติม เช่น นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษา พรรคประชาธิปัตย์, นายนิพนธ์ บุญญามณี ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์, น.พ.ประเวศ วะสี, พล.ต สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคมหาชน ในฐานะอดีต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รวมถึงผู้เข้าร่วมฟังปราศรัยจำนวน 100 คน และ ผู้ร่วมชุมนุมประท้วงที่ อ.ตากใบ จำนวน 200 คน เป็นต้น
ด้านนายวิทยา แก้วภราดัย ประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ข้อกล่าวหาที่ กกต. แจ้งมา จะตัดข้อความในการปราศรัย วันนั้น มีข้อความตอนหนึ่งว่า แล้วยกมาประมาณ 2-3 บรรทัด ซึ่งนายธานินทร์ จะเดินสายปราศรัยทุกจังหวัดในภาคใต้ และการปราศรัยแต่ละครั้งก็จะใช้เวลาไม่น้อยกว่า 45 นาที เพราะฉะนั้นจะให้จำข้อความที่ระบุมา 2-3 บรรทัด ว่าปราศรัยเช่นนั้นจริงหรือไม่ จึงเป็นเรื่องที่ใครก็ไม่อาจให้การได้ ดังนั้นสิ่งที่จะทำได้ คือ ต้องขอทราบข้อเท็จจริงทั้งหมดจาก กกต. ถ้า กกต. มีเทปบันทึกว่าเป็นเสียงของนายธานินทร์ ก็ต้องขอดูเทปที่ครบถ้วน จะได้จำได้ว่าปราศรัยวันไหน ที่ไหน มีใครอยู่บ้าง เพื่อเป็นข้อต่อสู้ได้ ‘ข้อกล่าวหาอย่างนี้ เป็นข้อกล่าวหาที่คลุมเครือ หากขึ้นศาล ก็ยกฟ้องหมด เพราะไม่อาจให้การต่อสู้คดีได้ และยังไม่เป็นมาตรฐาน ในการที่จะวินิจฉัยความผิดของแต่ละคน’ นายวิทยากล่าว และว่า อยากเรียกร้องไปยัง กกต. ว่า ต้องยุติการทำหน้าที่เป็นคนรับเรื่องร้องทุกข์ กล่าวหากันอย่างเดียว กกต. ควรจะทำงานในลักษณะเชิงรุกบ้าง คือ บุกไปหาข้อเท็จจริง เช่น กรณีการเลือกตั้งซ่อมที่ จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่ผ่านมา ที่ผู้สมัครของพรรคไทยรักไทย ไปลงคะแนน โดยสวมเสื้อพรรคไทยรักไทย พร้อมกับโบกมือออกโทรทัศน์ทุกช่อง ตนคิดว่าอย่าให้ต้องร้องเรียนเลย กกต. ควรหัดดูโทรทัศน์บ้าง ว่าการกระทำอย่างนั้น เป็นความผิด เพราะ กกต. เคยวางมาตรฐานในการลงโทษผู้สมัครท้องถิ่น ที่ไปยกมือไหว้หน้าหน่วยเลือกตั้ง โดยการให้ใบแดงมาแล้ว ‘ถึงแม้ผู้สมัครพรรคไทยรักไทยที่ จ.อุบลฯ จะแพ้การเลือกตั้งซ่อมก็ตาม แต่ใบเหลือง ใบแดง ออกได้ทั้งคนแพ้ คนชนะ เพราะฉะนั้น กกต. ต้องทำงานมากกว่านี้ อย่านั่งรับจ๊อบที่เค้าร้องเรียนอย่างเดียว’ นายวิทยากล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 21 ก.พ. 2548--จบ--
-ดท-
วันนี้ (21 ก.พ. 2548) เวลา 10.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายธานินทร์ ใจสมุทร ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จ.สตูล พรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า วันนี้ตนจะเดินทางไปสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อขอเลื่อนการชี้แจงข้อกล่าวหา ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีก 3 ข้อหา อ้างว่าตนปราศรัยหาเสียงใส่ร้าย ทำให้คะแนนเสียงของคู่แข่งลดลง เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2547, วันที่ 27 ธันวาคม 2547 และวันที่ 28 มกราคม 2548 ซึ่งตนไม่รู้ว่าผิดตรงไหน เพราะตนได้ปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งในหลายเวที จึงขอให้ กกต. แสดงหลักฐาน เช่น วีดีโอเทป, เทป ฉบับเต็ม โดยไม่มีการตัดต่อ เพื่อให้ตนตรวจสอบ ภายใน 7 วัน เนื่องจากตามบันทึกแจ้งข้อกล่าวหา (เพิ่มเติม) ฉบับลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2548 นั้น เป็นการตัดข้อความบางส่วน ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นคำพูดของตนจริงหรือไม่ จึงไม่สามารถแก้ข้อกล่าวหาได้อย่างถูกต้องครบถ้วน และไม่ทราบว่า กกต. เอาหลักฐานมาจากไหน และขอยืนยันว่ารายละเอียดในการปราศรัย ตนไม่ทราบว่าได้พูดอย่างนั้นจริงหรือไม่
‘กกต. ต้องเอาเทปไปพิสูจน์ ถ้ามีเทป เหมือนอย่างของท่านเนวิน ชิดชอบ ว่าพิสูจน์ได้หรือไม่ ว่าเป็นเสียงของผมจริงหรือเปล่า ถ้าเป็นเสียงของผมจริง ผมก็ต้องชี้แจง แต่ตอนนี้ขอให้ กกต.ไปพิสูจน์เทปก่อน ผมก็จำไม่ได้ว่าพูดที่ไหน เพราะพูดหลายเวที บางเวทีพูดแบบ บางเวทีก็พูดอีกแบบ ผมต้องตรวจสอบก่อนว่ามันมาอย่างไร ถ้าเรื่องสถานการณ์ภาคใต้ เรื่องตากใบ ผมพูด แต่ไม่ได้กล่าวหาตรงๆ’ นายธานินทร์กล่าว และว่า เมื่อ กกต. ส่งหลักฐานเทปฉบับเต็ม เพื่อให้ตนพิสูจน์ตรวจสอบว่า เป็นเทปเสียงของตนจริง ไม่มีการตัดต่อแล้ว หลังจากนั้นตนจะนำพยานเข้าชี้แจงต่อ กกต. เพื่อประกอบคำให้การ
นายธานินทร์ กล่าวว่า การที่ตนปราศรัยถึงเหตุการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ได้มีผลทำให้คะแนนเสียงของนายจิรายุส เนาวเกตุ ผู้สมัคร ส.ส. พรรคไทยรักไทย น้อยลง แต่กลับเพิ่มขึ้น คือ เมื่อปี 2544 นายจิรายุส ได้คะแนน 28,000 คะแนน แต่ปี 2548 ได้ถึง 34,000 คะแนน ดังนั้นตนจึงไม่ได้ปราศรัยให้ร้ายผู้สมัครรับเลือกตั้ง การปราศรัยของตนจะพูดเรื่องสถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่รัฐบาลส่งสัญญาณอุ้ม ฆ่าประชาชน และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นใน 4 ปีที่ผ่านมา ตามสภาพความเป็นจริง
ทั้งนี้นายธานินทร์ได้อ้างพยานเพื่อพิสูจน์ข้อกล่าวหาเพิ่มเติม เช่น นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษา พรรคประชาธิปัตย์, นายนิพนธ์ บุญญามณี ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์, น.พ.ประเวศ วะสี, พล.ต สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคมหาชน ในฐานะอดีต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รวมถึงผู้เข้าร่วมฟังปราศรัยจำนวน 100 คน และ ผู้ร่วมชุมนุมประท้วงที่ อ.ตากใบ จำนวน 200 คน เป็นต้น
ด้านนายวิทยา แก้วภราดัย ประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ข้อกล่าวหาที่ กกต. แจ้งมา จะตัดข้อความในการปราศรัย วันนั้น มีข้อความตอนหนึ่งว่า แล้วยกมาประมาณ 2-3 บรรทัด ซึ่งนายธานินทร์ จะเดินสายปราศรัยทุกจังหวัดในภาคใต้ และการปราศรัยแต่ละครั้งก็จะใช้เวลาไม่น้อยกว่า 45 นาที เพราะฉะนั้นจะให้จำข้อความที่ระบุมา 2-3 บรรทัด ว่าปราศรัยเช่นนั้นจริงหรือไม่ จึงเป็นเรื่องที่ใครก็ไม่อาจให้การได้ ดังนั้นสิ่งที่จะทำได้ คือ ต้องขอทราบข้อเท็จจริงทั้งหมดจาก กกต. ถ้า กกต. มีเทปบันทึกว่าเป็นเสียงของนายธานินทร์ ก็ต้องขอดูเทปที่ครบถ้วน จะได้จำได้ว่าปราศรัยวันไหน ที่ไหน มีใครอยู่บ้าง เพื่อเป็นข้อต่อสู้ได้ ‘ข้อกล่าวหาอย่างนี้ เป็นข้อกล่าวหาที่คลุมเครือ หากขึ้นศาล ก็ยกฟ้องหมด เพราะไม่อาจให้การต่อสู้คดีได้ และยังไม่เป็นมาตรฐาน ในการที่จะวินิจฉัยความผิดของแต่ละคน’ นายวิทยากล่าว และว่า อยากเรียกร้องไปยัง กกต. ว่า ต้องยุติการทำหน้าที่เป็นคนรับเรื่องร้องทุกข์ กล่าวหากันอย่างเดียว กกต. ควรจะทำงานในลักษณะเชิงรุกบ้าง คือ บุกไปหาข้อเท็จจริง เช่น กรณีการเลือกตั้งซ่อมที่ จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่ผ่านมา ที่ผู้สมัครของพรรคไทยรักไทย ไปลงคะแนน โดยสวมเสื้อพรรคไทยรักไทย พร้อมกับโบกมือออกโทรทัศน์ทุกช่อง ตนคิดว่าอย่าให้ต้องร้องเรียนเลย กกต. ควรหัดดูโทรทัศน์บ้าง ว่าการกระทำอย่างนั้น เป็นความผิด เพราะ กกต. เคยวางมาตรฐานในการลงโทษผู้สมัครท้องถิ่น ที่ไปยกมือไหว้หน้าหน่วยเลือกตั้ง โดยการให้ใบแดงมาแล้ว ‘ถึงแม้ผู้สมัครพรรคไทยรักไทยที่ จ.อุบลฯ จะแพ้การเลือกตั้งซ่อมก็ตาม แต่ใบเหลือง ใบแดง ออกได้ทั้งคนแพ้ คนชนะ เพราะฉะนั้น กกต. ต้องทำงานมากกว่านี้ อย่านั่งรับจ๊อบที่เค้าร้องเรียนอย่างเดียว’ นายวิทยากล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 21 ก.พ. 2548--จบ--
-ดท-