ภาวะสินค้าเกษตรกรรม การผลิตพืชผลเกษตรที่สำคัญในภาคปี 2543/44 คาดว่าแนวโน้มการผลิตจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากสภาวะฝนเอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูก ปริมาณฝนตกเฉลี่ยช่วงมกราคม-กันยายนในปีนี้ 193.6 มิลลิเมตร สูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 13.3 แต่แนวโน้มด้านราคาพืชผลเกษตรส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง
ข้าว
ราคาผลผลิตเกษตรส่วนใหญ่ในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปริมาณผลผลิตที่ออกสู่ตลาดมีมาก
ข้าวเปลือกเจ้า 10% ราคาขายส่งเฉลี่ยเก้าเดือนแรกของปีนี้เกวียนละ 4,888 บาท ลดลงร้อยละ 11.7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเกวียนละ 5,537 บาท ข้าวเปลือกเหนียว 10% (เมล็ดสั้น) เกวียนละ 4,380 บาท ลดลงร้อยละ 3.7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเกวียนละ 4,457 บาท
ข้าวสารเจ้า 10% ราคาขายส่งเฉลี่ยกระสอบละ 1,050 บาท ลดลงร้อยละ 2.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนกระสอบละ 1,077 บาท ข้าวสารเหนียว 10% (เมล็ดสั้น) กระสอบละ 939 บาท ลดลงร้อยละ 4.1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนกระสอบละ 979 บาท
มันสำปะหลัง
ราคาผลผลิตในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ยังคงมีแนวโน้มลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคารับซื้อมันทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศมีแนวโน้มลดลง ราคาขายส่งเฉลี่ยหัวมันสำปะหลังกิโลกรัมละ 0.65 บาท ลดลงร้อยละ 28.6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนกิโลกรัมละ 0.91 บาท มันเส้นกิโลกรัมละ 1.53 บาท ลดลงร้อยละ 26.8 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนกิโลกรัมละ 2.09 บาท มันอัดเม็ดกิโลกรัมละ 2.00 บาท ลดลงร้อยละ 25.4 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนกิโลกรัมละ 2.68 บาท
ข้าวโพด
ราคาผลผลิตมีแนวโน้มสูงในช่วงต้นปี และเริ่มปรับตัวลดลงในช่วงเดือนที่หก เนื่องจากมีการนำเข้าจากต่างประเทศและมีข้าวโพดรุ่นใหม่ออกสู่ท้องตลาด สำหรับราคาขายส่งเฉลี่ย 9เดือนแรก กิโลกรัมละ 4.51 บาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนกิโลกรัมละ 4.12 บาท
ปอ
การผลิตปอลดลง เนื่องจากเกษตรกรหันไปปลูกพืชอื่นที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า มีการซื้อขายปอในช่วง 3 เดือนแรก สำหรับเดือนที่สี่ถึงเดือนที่เก้าไม่มีการซื้อขายปอในตลาด เนื่องจากไม่มีผลผลิตออกสู่ตลาด
การลงทุนภาคเอกชน
- ภาคอุตสาหกรรม
ภาวะการผลิตภาคอุตสาหกรรมยังคงทรงตัว โดยอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มขยายตัว ได้แก่ อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ อุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมเบาประเภทเสื้อผ้าสำเร็จรูป รองเท้าที่มีตราสินค้าจากต่างประเทศ อุตสาหกรรมแปรรูปเกษตรเพื่อการส่งออก เนื่องจากตลาดยังมีการขยายตัว ประกอบกับผลดีจากค่าเงินที่อ่อนตัวลง
ในส่วนของอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม แม้จะได้รับการสนับสนุนทางด้านการเงินจากรัฐบาล แต่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขในการขอรับการสนับสนุนด้านการเงินจากสถาบันการเงินที่รัฐกำหนด ยกเว้นบางอุตสาหกรรม อาทิ อุตสาหกรรมอู่ซ่อมรถ อุตสาหกรรมอาหาร และอุตสาหกรรมเบา ยังคงได้รับการสนับสนุน สำหรับอุตสาหกรรมหลักของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ อุตสาหกรรมการเกษตร
- โรงสีข้าวที่มีขนาดใหญ่ ได้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อลดต้นทุนการผลิต และตอบสนองความต้องการของตลาด ภาวะการผลิตยังอยู่ในเกณฑ์ดี
- โรงงานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ได้มีการพัฒนาแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์มากขึ้น เช่น ผลิตน้ำตาลจากมันสำปะหลัง นำวัตถุดิบไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์มากขึ้น หรือผลิตเป็นโมดิฟายด์ สตาร์ช เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องอื่น ๆ ถ้าเป็นอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออกจะยังขยายตัวดี
- การส่งเสริมการลงทุน
กิจการที่ได้รับอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้มี 58 โครงการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 81.3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี 32 โครงการ แต่เงินลงทุน 3,665.8 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 88.0 เนื่องจากมีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ในปีที่แล้ว โดยที่ขนาดของโครงการลงทุนในปีนี้มีมูลค่าเฉลี่ยต่อโครงการเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ทำให้เกิดการจ้างงานทั้งสิ้น 18,884 คน ลดลงร้อยละ 5.6
เมื่อพิจารณาประเภทอุตสาหกรรม กิจการที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนมากที่สุด ได้แก่ หมวดอุตสาหกรรมเบาที่ใช้แรงงานเป็นหลัก ประเภทอุตสาหกรรมเสื้อผ้า มีตราสินค้าต่างประเทศอุตสาหกรรมรองเท้า เป็นต้น รองลงมาได้แก่ อุตสาหกรรมหมวดเคมีภัณฑ์ กระดาษและพลาสติก
จังหวัดนครราชสีมายังเป็นจังหวัดที่มีการลงทุนมากที่สุดถึง 34 โครงการ (คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 58.6) รองลงมาได้แก่ จังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดขอนแก่น ตามลำดับ
กิจการที่น่าสนใจ ได้แก่
1. กิจการผลิตโฟมบรรจุภัณฑ์ ของนางสาวสมฤดี อัครสาธิต เงินลงทุน 75 ล้านบาท เป็นหุ้นไทยทั้งสิ้น การจ้างงาน 179 คน โรงงานตั้งอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา
2. กิจการผลิตชุดผ้าหรือหนังหุ้มเบาะรถยนต์ ของบริษัท ทริม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กำลังการผลิตปีละ 470,000 ชุด และชุดหนังหุ้มเฟอร์นิเจอร์ ส่งออกทั้งสิ้น เงินลงทุน 203 ล้านบาท เป็นหุ้นไทยร้อยละ 70 ต่างชาติ (อังกฤษ) ร้อยละ 30 การจ้างงาน 2,724 คน โรงงานตั้งอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา
3. กิจการผลิตน้ำยางข้น ของบริษัท ไทยฮั้วยางพารา จำกัด กำลังการผลิตปีละ 22,400 ตัน และ Skim Crepe กำลังการผลิตปีละ 1,120 ตัน ส่งออกร้อยละ 70 เงินลงทุน 69 ล้านบาท เป็นหุ้นไทยร้อยละ 98.85 ต่างชาติ (มาเลเซีย) ร้อยละ 1.15 การจ้างงาน 100 คน โรงงานตั้งอยู่ที่จังหวัดอุดรธานี
4. กิจการผลิต Solar Energy Lighting ของ Mr. Paul Calder กำลังการผลิตปีละ 10,000 ชุด เงินลงทุน 38.2 ล้านบาท เป็นหุ้นไทยร้อยละ 49 ต่างชาติ (ออสเตรเลีย) ร้อยละ 51.0 การจ้างงาน 38 คน โรงงานตั้งอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา
5. กิจการผลิตรองเท้าหรือชิ้นส่วนรองเท้า เพื่อการส่งออกทั้งสิ้น ของบริษัท อินโดไชนา ฟุต แวร์ จำกัด กำลังการผลิตรองเท้าปีละ 3 แสนคู่ กำลังการผลิตชิ้นส่วนรองเท้าปีละ 1.2 ล้านคู่ เงินลงทุน 35 ล้านบาท เป็นหุ้นไทยทั้งสิ้น การจ้างงาน 640 คน โรงงานตั้งอยู่ที่จังหวัดหนองคาย
6. กิจการผลิตพลอยเจียระไน และเครื่องประดับ เพื่อส่งออกทั้งสิ้น ของนางสาวจุฑามาศ ช่วยเกิด กำลังการผลิตพลอยเจียระไนปีละ 25 ล้านกะรัต กำลังการผลิตเครื่องประดับปีละ 1.2 ล้านชิ้น เงินลงทุน 70 ล้านบาท เป็นหุ้นไทยทั้งสิ้น การจ้างงาน 182 คน โรงงานตั้งอยู่ที่จังหวัดขอนแก่น
7. กิจการผลิต PVC Stretch Film ของบริษัท เอ็ม เอ็ม พี แพ็คเกจจิ้ง กรุ๊ฟ จำกัด กำลังการผลิตปีละ 1,800 ตัน เงินลงทุน 80 ล้านบาท เป็นหุ้นไทยร้อยละ 85 ต่างชาติ (ญี่ปุ่น) ร้อยละ 15.0 การจ้างงาน 18 คน โรงงานตั้งอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา
8. กิจการผลิตชิ้นส่วนโลหะปั๊มขึ้นรูป ของบริษัท โคราช มัตซึซิตะ จำกัด กำลังการผลิตปีละ 4.5 ล้านชิ้น เงินลงทุน 56.29 ล้านบาท เป็นหุ้นไทยร้อยละ 30 ต่างชาติ (ญี่ปุ่น) ร้อยละ 70 การจ้างงาน 45 คน โรงงานตั้งอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา
9. กิจการผลิตเครื่องจักรและอุปกรณ์ทางการเกษตร ของบริษัท พี.ซี.เอส.แมชีน (ไทยแลนด์) จำกัด กำลังการผลิตเครื่องสูบของเหลวปีละ 30,000 เครื่อง เครื่องตัดหญ้าปีละ 30,000 เครื่อง เครื่องยนต์เบนซินเอนกประสงค์ปีละ 60,000 เครื่อง เงินลงทุน 260 ล้านบาท เป็นหุ้นไทยทั้งสิ้น การจ้างงาน 182 คน โรงงานตั้งอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา
10. กิจการผลิตชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ของบริษัท ไทยทอย จำกัด เงินลงทุน 80.5 ล้านบาท การจ้างงาน 150 คน โรงงานตั้งอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา
11. กิจการผลิตท่อเหล็กสแตนเลส ของนายสุรเดช ศานติวรธรรม จำกัด เงินลงทุน 165 ล้านบาท การจ้างงาน 78 คน โรงงานตั้งอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา
12. กิจการผลิตชิ้นส่วนรองเท้า เสื้อผ้า อุปกรณ์เสริมสำหรับเต้นรำ ของบริษัท พอยต์ รูสส์ จำกัด เงินลงทุน 40 ล้านบาท การจ้างงาน 311 คน โรงงานตั้งอยู่ที่จังหวัดอุดรธานี
- การก่อสร้าง
ภาวะการก่อสร้างในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้เริ่มกระเตื้องขึ้นในส่วนการก่อสร้างภาครัฐ เนื่องจากมีโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่อเนื่อง โดยเฉพาะถนน สะพาน รวมทั้งอาคารสำนักงานราชการ โครงการที่อยู่อาศัยของการเคหะแห่งชาติ และการก่อสร้างส่วนอื่น ๆ ยังมีอยู่บ้างตามโครงการต่อเนื่องจากปีก่อน ส่วนการก่อสร้างภาคเอกชนเพิ่มขึ้นเนื่องจากการก่อสร้างห้างเดอะมอลล์ที่เคยชะลอโครงการไว้ชั่วคราว และห้างโลตัส ที่จังหวัดนครราชสีมา ห้างสรรพสินค้าที่จังหวัดอุบลราชธานี ทำให้ช่วง 9 เดือนของปีนี้มีพื้นที่ขอรับอนุญาตก่อสร้างในภาค 849,142 ตารางเมตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 78.0 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นการก่อสร้างอาคารพาณิชย์มากที่สุด (สัดส่วนร้อยละ 49.0) รองลงมาได้แก่ การก่อสร้างที่อยู่อาศัย (สัดส่วนร้อยละ 40.0) ในส่วนการก่อสร้างภาคบริการที่เห็นได้ชัด ได้แก่ การก่อสร้างหอพัก อาคารสำนักงาน โรงเรียนเอกชน คลินิก (สัดส่วนร้อยละ 8.6) และการก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมขนาดเล็ก ที่จังหวัดนครราชสีมา อุดรธานี และมุกดาหาร
เนื่องจากปีนี้สถาบันการเงินต่าง ๆ ได้เริ่มปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยมากขึ้น อัตราดอกเบี้ยต่ำประกอบกับราคาขายอยู่ในเกณฑ์ที่ผู้บริโภคสามารถซื้อได้ ทำให้การซื้อขายบ้านพักอาศัยราคาประมาณ 1-3 ล้านบาท เริ่มกระเตื้องขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในจังหวัดใหญ่ของภาค ได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา และขอนแก่น ในส่วนจังหวัดอื่น ๆ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังอยู่ในภาวะซบเซา เนื่องจากกำลังซื้อของประชาชนยังมีน้อย
สำหรับปัญหาของภาคการก่อสร้าง ได้แก่ ปัญหา NPL ของผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และผู้รับเหมาก่อสร้าง รวมทั้งปัญหาการขาดสภาพคล่องของผู้รับเหมาก่อสร้าง
- การใช้ไฟฟ้า
ปริมาณการใช้ไฟฟ้าในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ มีทั้งสิ้น 5,419.3 ล้านหน่วย เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 4.6 โดยเป็นการใช้ไฟฟ้าเพื่อธุรกิจและอุตสาหกรรม 2,600.2 ล้านหน่วย เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 8.7 เนื่องจากภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมเริ่มมีการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นหลังจากที่ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจในช่วง 2 ปีก่อน สำหรับการใช้ไฟฟ้าเพื่อที่อยู่อาศัยมี 2,326.1 ล้านหน่วย เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพียงร้อยละ 0.6
- การจดทะเบียนรถยนต์และรถจักรยานยนต์
ในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ การจดทะเบียนรถยนต์และรถจักรยานยนต์แต่ละประเภทมีจำนวนเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยยอดการจดทะเบียนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน มีจำนวน 6,054 คัน เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 52.0 รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน จำนวน 504 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.6 รถบรรทุกส่วนบุคคลจำนวน 15,866 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 38.0 และรถจักรยานยนต์ จำนวน 116,551 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.6 สาเหตุสำคัญ ได้แก่
- การลดอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อรถยนต์ในช่วงอัตราร้อยละ 4.5-7.0 จากที่ช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ในอัตราที่สูงกว่า ทำให้กำลังซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์มีสูงขึ้น
- อิทธิพลของการโฆษณา การนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ พร้อมการส่งเสริมการขาย ช่วยเร่งการตัดสินใจซื้อของประชาชน
- การเพาะปลูกฤดูการที่ผ่านมาสภาพดินฟ้าอากาศเอื้ออำนวย ผลผลิตที่ได้อยู่ในเกณฑ์ดี ประชาชนในภาคซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในภาคเกษตรมีรายได้เพิ่มขึ้น
สำหรับช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี ยอดการจดทะเบียนรถยนต์ชะลอตัวลงจากราคารถยนต์ รถจักรยานยนต์ ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น
- ภาคการค้า
ภาวะการค้าโดยรวมยังขยายตัวไม่มาก เนื่องจากผู้ประกอบการยังประสบปัญหาสภาพคล่อง และการหดตัวของการบริโภคของประชาชน ธุรกิจที่ยังขยายตัวได้แก่ ธุรกิจร้านอาหารขนาดเล็ก ธุรกิจนำเข้า-ส่งออก ธุรกิจบริการ IT
ธุรกิจค้าส่ง-ค้าปลีก และห้างสรรพสินค้าในท้องถิ่นได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากจากการเปิดห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ (เดอะมอลล์ และโลตัส ที่จังหวัดนครราชสีมา) โดยเฉพาะจังหวัดใกล้เคียง ได้แก่ จังหวัดชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสุรินทร์ โดยธุรกิจค้าส่ง-ค้าปลีกที่ยังดำเนินธุรกิจอยู่ได้ส่วนใหญ่มีฐานะทางการเงินดี และดำเนินกิจการต่อไปโดยไม่หวังผลกำไรมากนัก บางส่วนต้องปรับตัวหรือเข้าไปอยู่ในส่วนของธุรกิจค้าปลีกข้ามชาติ หรือธุรกิจห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่มาจากส่วนกลาง
ภาวะการค้าชายแดนไทย-ลาว
ภาวะการค้าชายแดนไทย-ลาวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือในช่วง 9 เดือนแรก มูลค่าการค้า 12,548.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมูลค่าการค้า 11,376.4 ล้านบาท โดยเป็นการนำเข้า 2,865.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 53.4 แต่การส่งออก 9,730.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.3 แต่อย่างไรก็ตาม ไทยยังคงเกินดุล 6,635.7 ล้านบาท
- การส่งออก
การส่งออก 9,730.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.3 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งออก 9,508.3 ล้านบาท เนื่องจากสินค้าหมวดอุปโภคบริโภค 4,109.9 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 25.3 (สินค้าที่สำคัญได้แก่ ยานพาหนะและอุปกรณ์ 1,377.5 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 54.7 สินค้าบริโภคอื่น เช่น ของเบ็ดเตล็ด ขนม ผงชูรส ฯลฯ 1,235.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 เครื่องใช้ไฟฟ้า 967.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1) หมวดวัตถุดิบและกึ่งวัตถุดิบ 749.7 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 20.4 (สินค้าที่สำคัญได้แก่ ผ้าผืน 340.9 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 29.4 เหล็กและเหล็กเส้น 24.2 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 56.5 ส่วนอุปกรณ์ตัดเย็บ 188.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 56.0) สำหรับหมวดสินค้าทุน 1,971.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.6 (สินค้าที่สำคัญได้แก่ วัสดุก่อสร้าง 1,369.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.7 เครื่องจักรและอุปกรณ์ 396.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 ปุ๋ย 118.8 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 37.9
- การนำเข้า
การนำเข้าในช่วงเก้าเดือนแรก 2,865.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 53.4 จากเดือนก่อนที่มีการนำเข้า 1,867.9 ล้านบาท สินค้านำเข้าที่สำคัญได้แก่ ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ 2,265.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 66.4 พืชไร่ 231.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าสามสิบสองเท่า เครื่องจักรและอุปกรณ์ใช้แล้ว 91.5 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 51.4
- การค้าผ่านแดน
ประเทศลาวนำเข้าสินค้าจากประเทศที่สามผ่านแดนไทย 6,710.4 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 26.2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 9,093.9 ล้านบาท เนื่องจากการนำเข้าสินค้าที่สำคัญได้แก่ รถยนต์-จักรยานยนต์และอะไหล่ 649.4 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 19.9 เครื่องจักรและอุปกรณ์ 498.4 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 71.8 เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ 258.9 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 88.9 วัสดุก่อสร้าง 158.4 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 27.5 ผ้าและอุปกรณ์ตัดเย็บ 1,238.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.0 เครื่องดื่มสุรา 1,458.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าหกเท่าตัว ขณะเดียวกันลาวส่งออกผ่านไทยไปประเทศที่สาม 4,638.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.3 เนื่องจากเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย 3,120.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 33.4 เครื่องจักรและอุปกรณ์ 230.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว เฟอร์นิเจอร์ 31.9 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 17.5 ไม้แปรรูป 318.0 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 30.9 เมล็ดกาแฟดิบ 480.7 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 9.5
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
ข้าว
ราคาผลผลิตเกษตรส่วนใหญ่ในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปริมาณผลผลิตที่ออกสู่ตลาดมีมาก
ข้าวเปลือกเจ้า 10% ราคาขายส่งเฉลี่ยเก้าเดือนแรกของปีนี้เกวียนละ 4,888 บาท ลดลงร้อยละ 11.7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเกวียนละ 5,537 บาท ข้าวเปลือกเหนียว 10% (เมล็ดสั้น) เกวียนละ 4,380 บาท ลดลงร้อยละ 3.7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเกวียนละ 4,457 บาท
ข้าวสารเจ้า 10% ราคาขายส่งเฉลี่ยกระสอบละ 1,050 บาท ลดลงร้อยละ 2.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนกระสอบละ 1,077 บาท ข้าวสารเหนียว 10% (เมล็ดสั้น) กระสอบละ 939 บาท ลดลงร้อยละ 4.1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนกระสอบละ 979 บาท
มันสำปะหลัง
ราคาผลผลิตในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ยังคงมีแนวโน้มลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคารับซื้อมันทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศมีแนวโน้มลดลง ราคาขายส่งเฉลี่ยหัวมันสำปะหลังกิโลกรัมละ 0.65 บาท ลดลงร้อยละ 28.6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนกิโลกรัมละ 0.91 บาท มันเส้นกิโลกรัมละ 1.53 บาท ลดลงร้อยละ 26.8 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนกิโลกรัมละ 2.09 บาท มันอัดเม็ดกิโลกรัมละ 2.00 บาท ลดลงร้อยละ 25.4 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนกิโลกรัมละ 2.68 บาท
ข้าวโพด
ราคาผลผลิตมีแนวโน้มสูงในช่วงต้นปี และเริ่มปรับตัวลดลงในช่วงเดือนที่หก เนื่องจากมีการนำเข้าจากต่างประเทศและมีข้าวโพดรุ่นใหม่ออกสู่ท้องตลาด สำหรับราคาขายส่งเฉลี่ย 9เดือนแรก กิโลกรัมละ 4.51 บาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนกิโลกรัมละ 4.12 บาท
ปอ
การผลิตปอลดลง เนื่องจากเกษตรกรหันไปปลูกพืชอื่นที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า มีการซื้อขายปอในช่วง 3 เดือนแรก สำหรับเดือนที่สี่ถึงเดือนที่เก้าไม่มีการซื้อขายปอในตลาด เนื่องจากไม่มีผลผลิตออกสู่ตลาด
การลงทุนภาคเอกชน
- ภาคอุตสาหกรรม
ภาวะการผลิตภาคอุตสาหกรรมยังคงทรงตัว โดยอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มขยายตัว ได้แก่ อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ อุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมเบาประเภทเสื้อผ้าสำเร็จรูป รองเท้าที่มีตราสินค้าจากต่างประเทศ อุตสาหกรรมแปรรูปเกษตรเพื่อการส่งออก เนื่องจากตลาดยังมีการขยายตัว ประกอบกับผลดีจากค่าเงินที่อ่อนตัวลง
ในส่วนของอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม แม้จะได้รับการสนับสนุนทางด้านการเงินจากรัฐบาล แต่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขในการขอรับการสนับสนุนด้านการเงินจากสถาบันการเงินที่รัฐกำหนด ยกเว้นบางอุตสาหกรรม อาทิ อุตสาหกรรมอู่ซ่อมรถ อุตสาหกรรมอาหาร และอุตสาหกรรมเบา ยังคงได้รับการสนับสนุน สำหรับอุตสาหกรรมหลักของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ อุตสาหกรรมการเกษตร
- โรงสีข้าวที่มีขนาดใหญ่ ได้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อลดต้นทุนการผลิต และตอบสนองความต้องการของตลาด ภาวะการผลิตยังอยู่ในเกณฑ์ดี
- โรงงานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ได้มีการพัฒนาแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์มากขึ้น เช่น ผลิตน้ำตาลจากมันสำปะหลัง นำวัตถุดิบไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์มากขึ้น หรือผลิตเป็นโมดิฟายด์ สตาร์ช เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องอื่น ๆ ถ้าเป็นอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออกจะยังขยายตัวดี
- การส่งเสริมการลงทุน
กิจการที่ได้รับอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้มี 58 โครงการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 81.3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี 32 โครงการ แต่เงินลงทุน 3,665.8 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 88.0 เนื่องจากมีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ในปีที่แล้ว โดยที่ขนาดของโครงการลงทุนในปีนี้มีมูลค่าเฉลี่ยต่อโครงการเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ทำให้เกิดการจ้างงานทั้งสิ้น 18,884 คน ลดลงร้อยละ 5.6
เมื่อพิจารณาประเภทอุตสาหกรรม กิจการที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนมากที่สุด ได้แก่ หมวดอุตสาหกรรมเบาที่ใช้แรงงานเป็นหลัก ประเภทอุตสาหกรรมเสื้อผ้า มีตราสินค้าต่างประเทศอุตสาหกรรมรองเท้า เป็นต้น รองลงมาได้แก่ อุตสาหกรรมหมวดเคมีภัณฑ์ กระดาษและพลาสติก
จังหวัดนครราชสีมายังเป็นจังหวัดที่มีการลงทุนมากที่สุดถึง 34 โครงการ (คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 58.6) รองลงมาได้แก่ จังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดขอนแก่น ตามลำดับ
กิจการที่น่าสนใจ ได้แก่
1. กิจการผลิตโฟมบรรจุภัณฑ์ ของนางสาวสมฤดี อัครสาธิต เงินลงทุน 75 ล้านบาท เป็นหุ้นไทยทั้งสิ้น การจ้างงาน 179 คน โรงงานตั้งอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา
2. กิจการผลิตชุดผ้าหรือหนังหุ้มเบาะรถยนต์ ของบริษัท ทริม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กำลังการผลิตปีละ 470,000 ชุด และชุดหนังหุ้มเฟอร์นิเจอร์ ส่งออกทั้งสิ้น เงินลงทุน 203 ล้านบาท เป็นหุ้นไทยร้อยละ 70 ต่างชาติ (อังกฤษ) ร้อยละ 30 การจ้างงาน 2,724 คน โรงงานตั้งอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา
3. กิจการผลิตน้ำยางข้น ของบริษัท ไทยฮั้วยางพารา จำกัด กำลังการผลิตปีละ 22,400 ตัน และ Skim Crepe กำลังการผลิตปีละ 1,120 ตัน ส่งออกร้อยละ 70 เงินลงทุน 69 ล้านบาท เป็นหุ้นไทยร้อยละ 98.85 ต่างชาติ (มาเลเซีย) ร้อยละ 1.15 การจ้างงาน 100 คน โรงงานตั้งอยู่ที่จังหวัดอุดรธานี
4. กิจการผลิต Solar Energy Lighting ของ Mr. Paul Calder กำลังการผลิตปีละ 10,000 ชุด เงินลงทุน 38.2 ล้านบาท เป็นหุ้นไทยร้อยละ 49 ต่างชาติ (ออสเตรเลีย) ร้อยละ 51.0 การจ้างงาน 38 คน โรงงานตั้งอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา
5. กิจการผลิตรองเท้าหรือชิ้นส่วนรองเท้า เพื่อการส่งออกทั้งสิ้น ของบริษัท อินโดไชนา ฟุต แวร์ จำกัด กำลังการผลิตรองเท้าปีละ 3 แสนคู่ กำลังการผลิตชิ้นส่วนรองเท้าปีละ 1.2 ล้านคู่ เงินลงทุน 35 ล้านบาท เป็นหุ้นไทยทั้งสิ้น การจ้างงาน 640 คน โรงงานตั้งอยู่ที่จังหวัดหนองคาย
6. กิจการผลิตพลอยเจียระไน และเครื่องประดับ เพื่อส่งออกทั้งสิ้น ของนางสาวจุฑามาศ ช่วยเกิด กำลังการผลิตพลอยเจียระไนปีละ 25 ล้านกะรัต กำลังการผลิตเครื่องประดับปีละ 1.2 ล้านชิ้น เงินลงทุน 70 ล้านบาท เป็นหุ้นไทยทั้งสิ้น การจ้างงาน 182 คน โรงงานตั้งอยู่ที่จังหวัดขอนแก่น
7. กิจการผลิต PVC Stretch Film ของบริษัท เอ็ม เอ็ม พี แพ็คเกจจิ้ง กรุ๊ฟ จำกัด กำลังการผลิตปีละ 1,800 ตัน เงินลงทุน 80 ล้านบาท เป็นหุ้นไทยร้อยละ 85 ต่างชาติ (ญี่ปุ่น) ร้อยละ 15.0 การจ้างงาน 18 คน โรงงานตั้งอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา
8. กิจการผลิตชิ้นส่วนโลหะปั๊มขึ้นรูป ของบริษัท โคราช มัตซึซิตะ จำกัด กำลังการผลิตปีละ 4.5 ล้านชิ้น เงินลงทุน 56.29 ล้านบาท เป็นหุ้นไทยร้อยละ 30 ต่างชาติ (ญี่ปุ่น) ร้อยละ 70 การจ้างงาน 45 คน โรงงานตั้งอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา
9. กิจการผลิตเครื่องจักรและอุปกรณ์ทางการเกษตร ของบริษัท พี.ซี.เอส.แมชีน (ไทยแลนด์) จำกัด กำลังการผลิตเครื่องสูบของเหลวปีละ 30,000 เครื่อง เครื่องตัดหญ้าปีละ 30,000 เครื่อง เครื่องยนต์เบนซินเอนกประสงค์ปีละ 60,000 เครื่อง เงินลงทุน 260 ล้านบาท เป็นหุ้นไทยทั้งสิ้น การจ้างงาน 182 คน โรงงานตั้งอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา
10. กิจการผลิตชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ของบริษัท ไทยทอย จำกัด เงินลงทุน 80.5 ล้านบาท การจ้างงาน 150 คน โรงงานตั้งอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา
11. กิจการผลิตท่อเหล็กสแตนเลส ของนายสุรเดช ศานติวรธรรม จำกัด เงินลงทุน 165 ล้านบาท การจ้างงาน 78 คน โรงงานตั้งอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา
12. กิจการผลิตชิ้นส่วนรองเท้า เสื้อผ้า อุปกรณ์เสริมสำหรับเต้นรำ ของบริษัท พอยต์ รูสส์ จำกัด เงินลงทุน 40 ล้านบาท การจ้างงาน 311 คน โรงงานตั้งอยู่ที่จังหวัดอุดรธานี
- การก่อสร้าง
ภาวะการก่อสร้างในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้เริ่มกระเตื้องขึ้นในส่วนการก่อสร้างภาครัฐ เนื่องจากมีโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่อเนื่อง โดยเฉพาะถนน สะพาน รวมทั้งอาคารสำนักงานราชการ โครงการที่อยู่อาศัยของการเคหะแห่งชาติ และการก่อสร้างส่วนอื่น ๆ ยังมีอยู่บ้างตามโครงการต่อเนื่องจากปีก่อน ส่วนการก่อสร้างภาคเอกชนเพิ่มขึ้นเนื่องจากการก่อสร้างห้างเดอะมอลล์ที่เคยชะลอโครงการไว้ชั่วคราว และห้างโลตัส ที่จังหวัดนครราชสีมา ห้างสรรพสินค้าที่จังหวัดอุบลราชธานี ทำให้ช่วง 9 เดือนของปีนี้มีพื้นที่ขอรับอนุญาตก่อสร้างในภาค 849,142 ตารางเมตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 78.0 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นการก่อสร้างอาคารพาณิชย์มากที่สุด (สัดส่วนร้อยละ 49.0) รองลงมาได้แก่ การก่อสร้างที่อยู่อาศัย (สัดส่วนร้อยละ 40.0) ในส่วนการก่อสร้างภาคบริการที่เห็นได้ชัด ได้แก่ การก่อสร้างหอพัก อาคารสำนักงาน โรงเรียนเอกชน คลินิก (สัดส่วนร้อยละ 8.6) และการก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมขนาดเล็ก ที่จังหวัดนครราชสีมา อุดรธานี และมุกดาหาร
เนื่องจากปีนี้สถาบันการเงินต่าง ๆ ได้เริ่มปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยมากขึ้น อัตราดอกเบี้ยต่ำประกอบกับราคาขายอยู่ในเกณฑ์ที่ผู้บริโภคสามารถซื้อได้ ทำให้การซื้อขายบ้านพักอาศัยราคาประมาณ 1-3 ล้านบาท เริ่มกระเตื้องขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในจังหวัดใหญ่ของภาค ได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา และขอนแก่น ในส่วนจังหวัดอื่น ๆ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังอยู่ในภาวะซบเซา เนื่องจากกำลังซื้อของประชาชนยังมีน้อย
สำหรับปัญหาของภาคการก่อสร้าง ได้แก่ ปัญหา NPL ของผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และผู้รับเหมาก่อสร้าง รวมทั้งปัญหาการขาดสภาพคล่องของผู้รับเหมาก่อสร้าง
- การใช้ไฟฟ้า
ปริมาณการใช้ไฟฟ้าในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ มีทั้งสิ้น 5,419.3 ล้านหน่วย เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 4.6 โดยเป็นการใช้ไฟฟ้าเพื่อธุรกิจและอุตสาหกรรม 2,600.2 ล้านหน่วย เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 8.7 เนื่องจากภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมเริ่มมีการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นหลังจากที่ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจในช่วง 2 ปีก่อน สำหรับการใช้ไฟฟ้าเพื่อที่อยู่อาศัยมี 2,326.1 ล้านหน่วย เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพียงร้อยละ 0.6
- การจดทะเบียนรถยนต์และรถจักรยานยนต์
ในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ การจดทะเบียนรถยนต์และรถจักรยานยนต์แต่ละประเภทมีจำนวนเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยยอดการจดทะเบียนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน มีจำนวน 6,054 คัน เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 52.0 รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน จำนวน 504 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.6 รถบรรทุกส่วนบุคคลจำนวน 15,866 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 38.0 และรถจักรยานยนต์ จำนวน 116,551 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.6 สาเหตุสำคัญ ได้แก่
- การลดอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อรถยนต์ในช่วงอัตราร้อยละ 4.5-7.0 จากที่ช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ในอัตราที่สูงกว่า ทำให้กำลังซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์มีสูงขึ้น
- อิทธิพลของการโฆษณา การนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ พร้อมการส่งเสริมการขาย ช่วยเร่งการตัดสินใจซื้อของประชาชน
- การเพาะปลูกฤดูการที่ผ่านมาสภาพดินฟ้าอากาศเอื้ออำนวย ผลผลิตที่ได้อยู่ในเกณฑ์ดี ประชาชนในภาคซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในภาคเกษตรมีรายได้เพิ่มขึ้น
สำหรับช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี ยอดการจดทะเบียนรถยนต์ชะลอตัวลงจากราคารถยนต์ รถจักรยานยนต์ ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น
- ภาคการค้า
ภาวะการค้าโดยรวมยังขยายตัวไม่มาก เนื่องจากผู้ประกอบการยังประสบปัญหาสภาพคล่อง และการหดตัวของการบริโภคของประชาชน ธุรกิจที่ยังขยายตัวได้แก่ ธุรกิจร้านอาหารขนาดเล็ก ธุรกิจนำเข้า-ส่งออก ธุรกิจบริการ IT
ธุรกิจค้าส่ง-ค้าปลีก และห้างสรรพสินค้าในท้องถิ่นได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากจากการเปิดห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ (เดอะมอลล์ และโลตัส ที่จังหวัดนครราชสีมา) โดยเฉพาะจังหวัดใกล้เคียง ได้แก่ จังหวัดชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสุรินทร์ โดยธุรกิจค้าส่ง-ค้าปลีกที่ยังดำเนินธุรกิจอยู่ได้ส่วนใหญ่มีฐานะทางการเงินดี และดำเนินกิจการต่อไปโดยไม่หวังผลกำไรมากนัก บางส่วนต้องปรับตัวหรือเข้าไปอยู่ในส่วนของธุรกิจค้าปลีกข้ามชาติ หรือธุรกิจห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่มาจากส่วนกลาง
ภาวะการค้าชายแดนไทย-ลาว
ภาวะการค้าชายแดนไทย-ลาวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือในช่วง 9 เดือนแรก มูลค่าการค้า 12,548.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมูลค่าการค้า 11,376.4 ล้านบาท โดยเป็นการนำเข้า 2,865.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 53.4 แต่การส่งออก 9,730.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.3 แต่อย่างไรก็ตาม ไทยยังคงเกินดุล 6,635.7 ล้านบาท
- การส่งออก
การส่งออก 9,730.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.3 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งออก 9,508.3 ล้านบาท เนื่องจากสินค้าหมวดอุปโภคบริโภค 4,109.9 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 25.3 (สินค้าที่สำคัญได้แก่ ยานพาหนะและอุปกรณ์ 1,377.5 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 54.7 สินค้าบริโภคอื่น เช่น ของเบ็ดเตล็ด ขนม ผงชูรส ฯลฯ 1,235.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 เครื่องใช้ไฟฟ้า 967.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1) หมวดวัตถุดิบและกึ่งวัตถุดิบ 749.7 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 20.4 (สินค้าที่สำคัญได้แก่ ผ้าผืน 340.9 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 29.4 เหล็กและเหล็กเส้น 24.2 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 56.5 ส่วนอุปกรณ์ตัดเย็บ 188.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 56.0) สำหรับหมวดสินค้าทุน 1,971.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.6 (สินค้าที่สำคัญได้แก่ วัสดุก่อสร้าง 1,369.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.7 เครื่องจักรและอุปกรณ์ 396.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 ปุ๋ย 118.8 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 37.9
- การนำเข้า
การนำเข้าในช่วงเก้าเดือนแรก 2,865.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 53.4 จากเดือนก่อนที่มีการนำเข้า 1,867.9 ล้านบาท สินค้านำเข้าที่สำคัญได้แก่ ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ 2,265.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 66.4 พืชไร่ 231.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าสามสิบสองเท่า เครื่องจักรและอุปกรณ์ใช้แล้ว 91.5 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 51.4
- การค้าผ่านแดน
ประเทศลาวนำเข้าสินค้าจากประเทศที่สามผ่านแดนไทย 6,710.4 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 26.2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 9,093.9 ล้านบาท เนื่องจากการนำเข้าสินค้าที่สำคัญได้แก่ รถยนต์-จักรยานยนต์และอะไหล่ 649.4 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 19.9 เครื่องจักรและอุปกรณ์ 498.4 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 71.8 เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ 258.9 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 88.9 วัสดุก่อสร้าง 158.4 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 27.5 ผ้าและอุปกรณ์ตัดเย็บ 1,238.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.0 เครื่องดื่มสุรา 1,458.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าหกเท่าตัว ขณะเดียวกันลาวส่งออกผ่านไทยไปประเทศที่สาม 4,638.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.3 เนื่องจากเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย 3,120.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 33.4 เครื่องจักรและอุปกรณ์ 230.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว เฟอร์นิเจอร์ 31.9 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 17.5 ไม้แปรรูป 318.0 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 30.9 เมล็ดกาแฟดิบ 480.7 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 9.5
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-