กรุงเทพฯ--19 ต.ค.--พรรคประชาธิปัตย์
เมื่อเวลา 10.00 น. ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ แถลงชี้แจงกรณีที่ นายอมร อมรรัตนานนท์ เลขาธิการเครือข่ายตุลาคม ยื่นหนังสือให้ประธานวุฒิสภา เพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบการถือหุ้นของรัฐมนตรีพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ รวมอยู่ด้วยว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ว่า เรืองการถือหุ้นนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว โดยในส่วนห้างหุ้นส่วนสวนพระยอมนั้น ตนเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ แต่เมื่อมาเป็นรัฐมนตรีก็ได้ลาออกจากการเป็นผู้จัดการ และเป็นเพียงผู้ถือหุ้นธรรมดา ซึ่งมีทุนจดทะเบียน 3 ล้านบาท และมีทรัพย์สินที่มีมูลค่าประมาณ 3-4 ล้านบาท แต่ใกล้จะถูกยึด เพราะได้ใช้ทรัพย์สินนี้ค้ำประกันหนี้ของบริษัทอื่น แต่นับตั้งแต่ 4-5 ปีที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีความเคลื่อนไหวของบทางบริษัท ยกเว้นการนำอาคารห้องแถว 2 คูหาไปค้ำประกันเท่านั้น ซึ่งตนไม่ได้เป็นคนทำนิติกรรม เพราะไม่มีอำนาจ ดังนั้นตนมีเอกสารยืนยันได้ว่า ตนไม่ได้เป็นผู้มีอำนาจในการบริหาร เป็นเพียงผู้ถือหุ้น
สำหรับความเป็นกรรมการของบริษัทพันธุ์ทิพย์ปาร์ค จำกัด นั้น ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ ชี้แจงว่า บริษัทได้เช่าที่ดินของมูลนิธิจุมภฏ พันธุ์ทิพย์ เจ้าของวังสวนผักกาดเพื่อก่อสร้างสหกรณ์บริการสาธารณะ โดยปี 2532 ทางบริษัทได้เชิญมูลนิธิจุมภฏ ในฐานะเจ้าของที่ดินให้ลงทุนในจำนวนเงินเท่ากับร้อยละ 10 ขอทุนจดทะเบียน เป็นเงินจำนวน 30 ล้านบาท จาก 300 ล้านบาท เพื่อเป็นเกียรติเท่านั้น เพราะว่าที่ดินนี้เป็นของมูลนิธิเป็นของม.ร.ว. พันธุ์ทิพย์ บริพัตร ซึ่งมูลนิธินี้เป็นผู้รับมรดกของม.ร.ว.พันธุ์ทิพย์ ทางบริษัทจึงเชิญเข้าไปถือหุ้น และให้มูลนิธิแต่งตั้งกรรมการ 2 คน เข้าเป็นกรรมการของพันธุ์ทิพย์ปาร์ค จำกัด ซึ่งเรื่องนี้มูลนิธิถือได้ว่าเป็นเกียรติเท่านั้น โดยผู้แทนของมูลนิธิไม่เคยเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการบริหารของบริษัท
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวด้วยว่า ตนได้รับ มอบหมายให้เป็นกรรมการของบริษัทพันธุ์ทิพย์ปาร์คเมื่อปี 2532 ซึ่งตนไม่เคยเข้าร่วมประชุมทั้งประชุมผู้ถือหุ้น และประชุมกรรมการบริหาร และวาระของคณะกรรมการบริหารจะสิ้นสุดลงทุกปี ดังนั้นเมื่อไม่มีการติดต่อมา ตนก็ถือว่าวาระของความเป็นกรรมการในบริษัทของตนสิ้นสุดลงเมื่อปี 2533 และตนยังไม่ทราบว่าบริษัทยังเก็บชื่อตนไว้หรือไม่ แต่ขอยืนยันว่า ทางบริษัทไม่ได้แจ้งให้ตนทราบว่ายังเป็นกรรมการอยู่หรือไม่ และตนถือว่าวาระของตนหมดไป ซึ่งเรืองนี้ไม่ใช่เรื่องที่ทางตนจะเข้าไปทำธุรกิจ และที่ผ่านมาไม่เคยไปพันธุ์ทิพย์ปาร์คแต่อย่างใด
ส่วนการเป็นผู้ถือหุ้นและกรรมการในบริษัทงามดูพลี จำกัดนั้น ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า เมื่อ 10 ปี ที่แล้วได้มีเพื่อคนหนึ่งมีปัญหาด้านการเงิน และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทนี้ ดังนั้นตนจึงได้ลงเงินไปช่วยเหลือประมาณ 1 ล้านบาท ซึ่งตนและเพื่อนก็ได้เป็นกรรมการ แต่ต่อมาบริษัทมีปัญหาทางการเงินอย่างมาก ตนและเพื่อนที่เป็นเจ้าของบริษัทจึงได้ขอลาออกจากการเป็นกรรมการ โดยยื่นหนังสือผ่านผู้ที่ถือหุ้นใหญ่และตนได้ลืมเรื่องนี้ไปสนิท เนื่องจากคิดว่าบริษัทนี้เจ๊งไปแล้ว เพราะมีหนี้สินท่วมท้นและทรัพย์สินที่นำไปค้ำประกันการกู้ยืมก็ถูกยึด ดังนั้นจะเรื่องนี้ตนบกพร่องก็ยอมรับ เพราะตนคิดว่าบริษัทล้มไปแล้ว ทั้งนี้ตนก็ได้ทำหนังสือลาออกแล้ว และมีบุคคลพร้อมที่จะเป็นพยานให้ แต่ยอมรับว่าการดำเนินการในครั้งนั้นเป็นการกระทำในลักษณะเพื่อนช่วยเพื่อน ซึ่งอาจจะไม่รอบคอบเท่าที่ควร และอาจจะมีความบกพร่องบ้าง แต่ไม่คิดว่าจะมาเป็นเรื่องการเมืองในวันนี้ และไม่แน่ใจว่าในวันนั้นมีการเซ็นรับใบออกของตนหรือไม่ เพราะผ่านมานานแล้ว เป็นเรื่องของการช่วยเพื่อเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ไม่ใช่ 10ล้านบาท ตามที่เป็นข่าว เพราะตนคงไม่นำเงิน 10 ล้านบาทไปลงในบริษัทที่กำลังจะเจ๊งแต่อย่างไรก็ตามขณะนี้ขอให้เจ้าหน้าที่รายงานละเอียดทั้งหมดให้ตนทราบก่อนแล้ว จะนำเอกสารหลักฐานมาชี้แจงอีกครั้ง
ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ ยืนยันว่า ชั้นนี้ถือว่า ไม่มีสิ่งบ่งชี้ว่าตนได้ทำขัดกับรัฐธรรมนูญ แต่ขออนุญาตตรวจสอบข้อมูลต่อไป หากพบว่ามีเจตนาทำผิด หรือได้ทำสิ่งใดผิดอย่างมหันต์ ก็พร้อมที่จะพิจารณาตัวเอง และลาออก เพราะทุกสิ่งทุกอย่างโปร่งใส ส่วนกรณีสุดท้ายนั้นถ้าจะพบว่าตนบกพร่องก็ยอมรับ แต่ขอยืนยันถ้าผิดจริง คงไม่ต้องรอให้ศาลรัฐธรรมนูญ หรือวุฒิสภาพิจารณาเพราะที่มาอยู่ตรงนี้ ไม่ได้ต้องการกระทำอย่างอื่น นอกจากรับใช้สังคม เป็นข้าของแผ่นดิน ถ้าบกพร่องในการรับใช้สังคม หรือเป็นค่าของแผ่นดิน ก็ยินดีลาออก
"ถ้าผมผิดจริงในกรณีนี้ ผมจะไม่รอให้สถาบันที่สำคัญของชาติต้องเสียเวลากับผม ผมจะลาออกทันที และไม่รออีก 5 ปีที่จะกลับมาเวทีการเมือง ผมทิ้งไปเลยไม่ใช่แค่ลาออกจากตำแหน่งในตอนนี้ หรือลาอออกจากการเป็น ส.ส.เท่านั้น ผมจะไปเลยอีก 5ปี ผมมีอายุเพียง 53 ปี ซึ่งผมกลับมาได้ แต่ผมก็จะไม่กลับไป " ม.ร.ว. สุขุมพันธ์ กล่าว
ต่อข้อถามที่ว่ามองเจตนาของผู้ทำเรื่องอย่างไรนั้น ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ กล่าวว่าดีใจที่สังคมไทยนับวันจะมีความโปร่งใสมากขึ้น และดีใจที่ประชาชนและประชาสังคมช่วยกันตรวจสอบนักการเมือง และดีใจที่สื่อมวลชนตรวจสอบนักการเมืองอยู่ตลอด แต่ถ้าประชาสังคม หรือปัจเจกบุคคล รวมทั้งสื่อมวลชนตรวจสอบนักการเมืองอยู่ตลอด แต่ถ้าประชาชน หรือปัจเจกบุคคล รวมทั้งสื่อมวลชนตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับนักการเมืองด้วยความโปร่งใส ขอให้ตรวจสอบอย่างเป็นธรรม ไม่ใช่ว่าเอาเรื่องเล็กไปทำเป็นเรื่องใหญ่ และเอาเรื่องใหญ่ไปทำเป็นเรื่องเล็ก และขอให้ดูภาพรวม
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ย้ำด้วยว่า ยินดีที่จะให้ทุกฝ่ายเข้ามาตรวจสอบ และพร้อมที่จะขอเอกสารจากผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ ซึ่งตนอยากให้มีการตรวจสอบกรณีอื่นด้วยรวมทั้งทุกคนที่เป็นข่าว ไม่ใช่เฉพาะในพรรคประชาธิปัตย์เพียงอย่างเดียว รวมถึงคนอื่น ๆ ดังนั้นจึงขอพูดถึงเรื่องความเป็นกลางในการตรวจสอบ และเรื่องนี้ตนได้ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. อยู่แล้ว จึงพร้อมที่จะให้ตรวจสอบทุกอย่าง เพราะตนไม่มีตำแหน่งบริหารในบริษัทเหล่านี้อยู่แล้ว ไม่มีการโอนหุ้นให้สาวใช้ เลขานุการ หรือคนอื่น ๆ .--จบ--
-วว-
เมื่อเวลา 10.00 น. ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ แถลงชี้แจงกรณีที่ นายอมร อมรรัตนานนท์ เลขาธิการเครือข่ายตุลาคม ยื่นหนังสือให้ประธานวุฒิสภา เพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบการถือหุ้นของรัฐมนตรีพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ รวมอยู่ด้วยว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ว่า เรืองการถือหุ้นนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว โดยในส่วนห้างหุ้นส่วนสวนพระยอมนั้น ตนเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ แต่เมื่อมาเป็นรัฐมนตรีก็ได้ลาออกจากการเป็นผู้จัดการ และเป็นเพียงผู้ถือหุ้นธรรมดา ซึ่งมีทุนจดทะเบียน 3 ล้านบาท และมีทรัพย์สินที่มีมูลค่าประมาณ 3-4 ล้านบาท แต่ใกล้จะถูกยึด เพราะได้ใช้ทรัพย์สินนี้ค้ำประกันหนี้ของบริษัทอื่น แต่นับตั้งแต่ 4-5 ปีที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีความเคลื่อนไหวของบทางบริษัท ยกเว้นการนำอาคารห้องแถว 2 คูหาไปค้ำประกันเท่านั้น ซึ่งตนไม่ได้เป็นคนทำนิติกรรม เพราะไม่มีอำนาจ ดังนั้นตนมีเอกสารยืนยันได้ว่า ตนไม่ได้เป็นผู้มีอำนาจในการบริหาร เป็นเพียงผู้ถือหุ้น
สำหรับความเป็นกรรมการของบริษัทพันธุ์ทิพย์ปาร์ค จำกัด นั้น ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ ชี้แจงว่า บริษัทได้เช่าที่ดินของมูลนิธิจุมภฏ พันธุ์ทิพย์ เจ้าของวังสวนผักกาดเพื่อก่อสร้างสหกรณ์บริการสาธารณะ โดยปี 2532 ทางบริษัทได้เชิญมูลนิธิจุมภฏ ในฐานะเจ้าของที่ดินให้ลงทุนในจำนวนเงินเท่ากับร้อยละ 10 ขอทุนจดทะเบียน เป็นเงินจำนวน 30 ล้านบาท จาก 300 ล้านบาท เพื่อเป็นเกียรติเท่านั้น เพราะว่าที่ดินนี้เป็นของมูลนิธิเป็นของม.ร.ว. พันธุ์ทิพย์ บริพัตร ซึ่งมูลนิธินี้เป็นผู้รับมรดกของม.ร.ว.พันธุ์ทิพย์ ทางบริษัทจึงเชิญเข้าไปถือหุ้น และให้มูลนิธิแต่งตั้งกรรมการ 2 คน เข้าเป็นกรรมการของพันธุ์ทิพย์ปาร์ค จำกัด ซึ่งเรื่องนี้มูลนิธิถือได้ว่าเป็นเกียรติเท่านั้น โดยผู้แทนของมูลนิธิไม่เคยเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการบริหารของบริษัท
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวด้วยว่า ตนได้รับ มอบหมายให้เป็นกรรมการของบริษัทพันธุ์ทิพย์ปาร์คเมื่อปี 2532 ซึ่งตนไม่เคยเข้าร่วมประชุมทั้งประชุมผู้ถือหุ้น และประชุมกรรมการบริหาร และวาระของคณะกรรมการบริหารจะสิ้นสุดลงทุกปี ดังนั้นเมื่อไม่มีการติดต่อมา ตนก็ถือว่าวาระของความเป็นกรรมการในบริษัทของตนสิ้นสุดลงเมื่อปี 2533 และตนยังไม่ทราบว่าบริษัทยังเก็บชื่อตนไว้หรือไม่ แต่ขอยืนยันว่า ทางบริษัทไม่ได้แจ้งให้ตนทราบว่ายังเป็นกรรมการอยู่หรือไม่ และตนถือว่าวาระของตนหมดไป ซึ่งเรืองนี้ไม่ใช่เรื่องที่ทางตนจะเข้าไปทำธุรกิจ และที่ผ่านมาไม่เคยไปพันธุ์ทิพย์ปาร์คแต่อย่างใด
ส่วนการเป็นผู้ถือหุ้นและกรรมการในบริษัทงามดูพลี จำกัดนั้น ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า เมื่อ 10 ปี ที่แล้วได้มีเพื่อคนหนึ่งมีปัญหาด้านการเงิน และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทนี้ ดังนั้นตนจึงได้ลงเงินไปช่วยเหลือประมาณ 1 ล้านบาท ซึ่งตนและเพื่อนก็ได้เป็นกรรมการ แต่ต่อมาบริษัทมีปัญหาทางการเงินอย่างมาก ตนและเพื่อนที่เป็นเจ้าของบริษัทจึงได้ขอลาออกจากการเป็นกรรมการ โดยยื่นหนังสือผ่านผู้ที่ถือหุ้นใหญ่และตนได้ลืมเรื่องนี้ไปสนิท เนื่องจากคิดว่าบริษัทนี้เจ๊งไปแล้ว เพราะมีหนี้สินท่วมท้นและทรัพย์สินที่นำไปค้ำประกันการกู้ยืมก็ถูกยึด ดังนั้นจะเรื่องนี้ตนบกพร่องก็ยอมรับ เพราะตนคิดว่าบริษัทล้มไปแล้ว ทั้งนี้ตนก็ได้ทำหนังสือลาออกแล้ว และมีบุคคลพร้อมที่จะเป็นพยานให้ แต่ยอมรับว่าการดำเนินการในครั้งนั้นเป็นการกระทำในลักษณะเพื่อนช่วยเพื่อน ซึ่งอาจจะไม่รอบคอบเท่าที่ควร และอาจจะมีความบกพร่องบ้าง แต่ไม่คิดว่าจะมาเป็นเรื่องการเมืองในวันนี้ และไม่แน่ใจว่าในวันนั้นมีการเซ็นรับใบออกของตนหรือไม่ เพราะผ่านมานานแล้ว เป็นเรื่องของการช่วยเพื่อเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ไม่ใช่ 10ล้านบาท ตามที่เป็นข่าว เพราะตนคงไม่นำเงิน 10 ล้านบาทไปลงในบริษัทที่กำลังจะเจ๊งแต่อย่างไรก็ตามขณะนี้ขอให้เจ้าหน้าที่รายงานละเอียดทั้งหมดให้ตนทราบก่อนแล้ว จะนำเอกสารหลักฐานมาชี้แจงอีกครั้ง
ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ ยืนยันว่า ชั้นนี้ถือว่า ไม่มีสิ่งบ่งชี้ว่าตนได้ทำขัดกับรัฐธรรมนูญ แต่ขออนุญาตตรวจสอบข้อมูลต่อไป หากพบว่ามีเจตนาทำผิด หรือได้ทำสิ่งใดผิดอย่างมหันต์ ก็พร้อมที่จะพิจารณาตัวเอง และลาออก เพราะทุกสิ่งทุกอย่างโปร่งใส ส่วนกรณีสุดท้ายนั้นถ้าจะพบว่าตนบกพร่องก็ยอมรับ แต่ขอยืนยันถ้าผิดจริง คงไม่ต้องรอให้ศาลรัฐธรรมนูญ หรือวุฒิสภาพิจารณาเพราะที่มาอยู่ตรงนี้ ไม่ได้ต้องการกระทำอย่างอื่น นอกจากรับใช้สังคม เป็นข้าของแผ่นดิน ถ้าบกพร่องในการรับใช้สังคม หรือเป็นค่าของแผ่นดิน ก็ยินดีลาออก
"ถ้าผมผิดจริงในกรณีนี้ ผมจะไม่รอให้สถาบันที่สำคัญของชาติต้องเสียเวลากับผม ผมจะลาออกทันที และไม่รออีก 5 ปีที่จะกลับมาเวทีการเมือง ผมทิ้งไปเลยไม่ใช่แค่ลาออกจากตำแหน่งในตอนนี้ หรือลาอออกจากการเป็น ส.ส.เท่านั้น ผมจะไปเลยอีก 5ปี ผมมีอายุเพียง 53 ปี ซึ่งผมกลับมาได้ แต่ผมก็จะไม่กลับไป " ม.ร.ว. สุขุมพันธ์ กล่าว
ต่อข้อถามที่ว่ามองเจตนาของผู้ทำเรื่องอย่างไรนั้น ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ กล่าวว่าดีใจที่สังคมไทยนับวันจะมีความโปร่งใสมากขึ้น และดีใจที่ประชาชนและประชาสังคมช่วยกันตรวจสอบนักการเมือง และดีใจที่สื่อมวลชนตรวจสอบนักการเมืองอยู่ตลอด แต่ถ้าประชาสังคม หรือปัจเจกบุคคล รวมทั้งสื่อมวลชนตรวจสอบนักการเมืองอยู่ตลอด แต่ถ้าประชาชน หรือปัจเจกบุคคล รวมทั้งสื่อมวลชนตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับนักการเมืองด้วยความโปร่งใส ขอให้ตรวจสอบอย่างเป็นธรรม ไม่ใช่ว่าเอาเรื่องเล็กไปทำเป็นเรื่องใหญ่ และเอาเรื่องใหญ่ไปทำเป็นเรื่องเล็ก และขอให้ดูภาพรวม
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ย้ำด้วยว่า ยินดีที่จะให้ทุกฝ่ายเข้ามาตรวจสอบ และพร้อมที่จะขอเอกสารจากผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ ซึ่งตนอยากให้มีการตรวจสอบกรณีอื่นด้วยรวมทั้งทุกคนที่เป็นข่าว ไม่ใช่เฉพาะในพรรคประชาธิปัตย์เพียงอย่างเดียว รวมถึงคนอื่น ๆ ดังนั้นจึงขอพูดถึงเรื่องความเป็นกลางในการตรวจสอบ และเรื่องนี้ตนได้ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. อยู่แล้ว จึงพร้อมที่จะให้ตรวจสอบทุกอย่าง เพราะตนไม่มีตำแหน่งบริหารในบริษัทเหล่านี้อยู่แล้ว ไม่มีการโอนหุ้นให้สาวใช้ เลขานุการ หรือคนอื่น ๆ .--จบ--
-วว-