ข่าวในประเทศ
1. ธปท.วางนโยบายการดำเนินการของระบบสถาบันการเงินไทยในอนาคต ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงการดำเนินการของระบบสถาบันการเงินไทยในอนาคตว่า ธปท.มีนโยบายให้เกิดการแข่งขันในระบบสถาบันการเงินควบคู่ไปกับสนับสนุนให้สถาบันการเงินต่างประเทศที่มีฐานะดีและมั่นคงเข้ามาทำธุรกิจในไทย เพื่อสร้างระบบให้เป็นสากล ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต ทั้งนี้ นโยบายการเงินและสถาบันการเงินจะต้องเป็นที่ยอมรับของธนาคารต่างประเทศที่เข้ามาลงทุน โดย ธปท.ต้องปรับโครงสร้างองค์กรและพัฒนาระบบการดูแลตรวจสอบให้มีประสิทธิภาพ รวมถึงออกกฎเกณฑ์เพื่อรองรับการเติบโตของเทคโนโลยีในระบบสถาบันการเงิน(ผู้จัดการรายวัน 23)
2. กองทุนฟื้นฟูฯ แยกหนี้ด้อยคุณภาพของ ธ.ศรีนครและ ธ.นครหลางไทยให้ทีเอเอ็มซีบริหารระหว่างรอการจัดตั้งกรรมการบริหาร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ของธนาคารรัฐ 2 แห่ง คือ ธ.ศรีนคร และ ธ.นครหลวงไทย ได้ดำเนินการแยกสินทรัพย์ด้อยคุณภาพออกจากสินทรัพย์ดีของทั้ง 2 ธนาคาร และจะโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพให้บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย(ทีเอเอ็มซี)บริหาร เพื่อให้ธนาคารทั้งสองแห่งสามารถดำเนินงานต่อไปได้ในระหว่างรอข้อสรุปการพิจารณาจัดตั้งคณะกรรมการบริหาร(กรุงเทพธุรกิจ 23)3. ยอดหนี้ด้อยคุณภาพของระบบสถาบันการเงินเดือน มี.ค.44 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานยอดหนี้ด้อยคุณภาพ(เอ็นพีแอล)คงค้างของระบบสถาบันการเงิน(ไม่รวมกิจการวิเทศธนกิจและบริษัทเครดิตฟองซิเอร์) ณ สิ้นเดือน มี.ค.44 ว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 847,151.31 ล.บาท คิดเป็นร้อยละ 0 ของสินเชื่อรวมหรือเท่ากับสินเชื่อรวม เทียบกับเดือน ก.พ.44 ที่อยู่ในระดับ 857,346 ล.บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 17.80 ของสินเชื่อรวม โดยแบ่งเป็นเอ็นพีแอลของ ธพ.เอกชนจำนวน 481,376.48 ล.บาท คิดเป็นร้อยละ 18.13 ของสินเชื่อรวม เอ็นพีแอลของ ธพ.ของรัฐจำนวน 304,823.69 ล.บาท คิดเป็นร้อยละ 21.17 ของสินเชื่อรวม เอ็นพีแอลของ ธพ.ต่างประเทศจำนวน 28,570.81 ล.บาท คิดเป็นร้อยละ 4.91 ของสินเชื่อรวม และเอ็นพีแอลของ บง.จำนวน 32,380.33 ล.บาท คิดเป็นร้อยละ 22.62 ของสินเชื่อรวม(ผู้จัดการรายวัน 23)4. ร่าง พ.ร.บ.สถาบันการเงินฉบับใหม่ออกกฎควบคุมบัตรเครดิตที่ออกโดยสถาบันที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน แหล่งข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)เปิดเผยถึงร่าง พ.ร.บ.สถาบันการเงินฉบับใหม่ว่า มีส่วนของกฎหมายควบคุมเรื่องผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับบัตรเครดิตทั้งที่ออกโดยสถาบันการเงินและที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน เพื่อช่วยดูแลลูกค้าที่มีการทำบัตรเครดิตที่ผู้ออกไม่ใช่สถาบันการเงิน จากปัจจุบันที่ผู้ออกบัตรที่ไม่ใช่สถาบันการเงินคิดอัตราดอกเบี้ยสูงมากเมื่อเทียบกับบัตรเครดิตที่ออกโดย ธพ. โดยจะออกเป็น พ.ร.ก.ควบคุมเฉพาะผลิตภัณฑ์ ไม่ควบคุมผู้ออกบัตร อย่างไรก็ตาม เกณฑ์การทำบัตรเครดิตยังคงเป็นไปตามที่ ธปท.กำหนดไว้เดิม คือ ผู้ขอทำบัตรเดรดิตต้องมีรายได้ต่อเดือน 15,000 บาท หรือปีละ 180,000 บาท(โลกวันนี้ 23)
ข่าวต่างประเทศ
1. ไอเอ็มเอฟคาดการณ์เศรษฐกิจโลก จะขยายตัวร้อยละ 3.2 ในปี 44 รายงานจากนิวยอร์กเมื่อ 21 เม.ย.44 กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะเติบโตร้อยละ 3.2 ในปี 44 และขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 3.9 ในปี 45 และคาดว่าเศรษฐกิจ สรอ. จะขยายตัวร้อยละ 1.5 ในปี 44 ก่อนที่จะเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 2.5 ในปี 45 ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจญี่ปุ่น จะเติบโตร้อยละ 0.6 และ 1.5 ในปี 44และปี 45 ตามลำดับ(รอยเตอร์21)
2. กรรมาธิการสหภาพยุโรปจะทบทวนการคาดการณ์ขยายตัวทางเศรษฐกิจปี 44-45 ของเขตยูโรและเยอรมนี รายงานจาก Malmo เมื่อ 22 เม.ย.44 รมว.คลังอิตาลีกล่าวว่า จากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของ สรอ. ส่งผลให้คณะกรรมาธิการสหภาพยุโรปได้คาดหมายอย่างกว้างขวางว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในเขตยูโร จะลดลงเหลือร้อยละ 2.7 ในปี 44 จากประมาณการเดิมที่ระดับร้อยละ 3.2 โดยคาดว่าเยอรมนี ซึ่งเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดและเป็นตัวขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจของยุโรป จะมีอัตราการเติบโตชะลอลงมากกว่าที่คาดไว้ และเป็นปัญหาสำคัญต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหภาพยุโรป ทั้งนี้ จากเอกสารที่รอยเตอร์ได้รับ ในสัปดาห์หน้า คณะกรรมาธิการฯ จะปรับลดประมาณการขยายตัวของผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) ของเยอรมนีในปี 44 ลงเหลือร้อยละ 2.25 จากประมาณการเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 2.8 และคาดว่าปี 45 จีดีพีจะขยายตัวร้อยละ 2.5 จากประมาณเดิมที่ร้อยละ 2.8 อย่างไรก็ตาม แม้จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของ สรอ.มากกว่าประเทศใดๆ คณะกรรมาธิการฯ ยังคงมองในแง่ดีเกี่ยวกับแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในเขตยูโร และในวันเดียวกัน นสพ. News Magazine Focus ของเยอรมนี เปิดเผยว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ ไดัปรับลดประมาณการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเยอรมนีในปี 44 ลงเหลือร้อยละ 1.9 จากที่ประมาณการก่อนหน้านี้ ที่ร้อยละ 3.3 และคาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 2.6 ในปี 45 (รอยเตอร์22)
3. ปรับลดดัชนีชี้นำภาวะเศรษฐกิจของญี่ปุ่นในเดือน ก.พ. 44 อยู่ที่ระดับ 33.3 รายงานจากโตเกียวเมื่อ 20 เม.ย. 44 รัฐบาลญี่ปุ่น เปิดเผยว่า เดือน ก.พ. 44 ดัชนีชี้นำภาวะเศรษฐกิจ (Leading Index) ถูกปรับลดลงอยู่ที่ระดับ 33.3 จากตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 42.9 นับเป็นการลดลงต่ำกว่าระดับ 50 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ซึ่งเป็นระดับที่ชี้ว่าเศรษฐกิจอาจจะหดตัวในเดือนต่อไป ขณะเดียวกัน ดัชนีอ้างอิงภาวะเศรษฐกิจ(Coincident Index) ถูกปรับตัวเลขลดลงอยู่ที่ระดับ 10.0 จากตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 14.3 แต่ดัชชีตามภวะเศรษฐกิจ( Lagging Index ) ซึ่งใช้วัดภาวะเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา หลังปรับตัวเลขเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 64.3 จากตัวเลขก่อนปรับที่ระดับ 58.3 (รอยเตอร์20)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์ สรอ.ระหว่างธนาคาร ณ สิ้นวันทำการ 20 เม.ย.44 45.431 (45.165)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ที่ ธพ.ซื้อขายกับลูกค้า(ตั๋วเงิน) ณ สิ้นวันทำการ 20 เม.ย. 44ซื้อ 45.2214 (44.9826) ขาย 45.5328 (45.2929)
ทองคำแท่ง(บาทละ) ซื้อ 5,600 (5,550) ขาย 5,700 (5,650)
น้ำมันดิบ(ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล) โอมาน 24.30 (24.18)
น้ำมันเบนซินพิเศษ(เพอร์ฟอร์มาโกลด์) 17.29 (17.29) ดีเซลหมุนเร็ว 14.54 (14.54)
หมายเหตุ ตัวเลขในวงเล็บเป็นตัวเลขของวันก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. ธปท.วางนโยบายการดำเนินการของระบบสถาบันการเงินไทยในอนาคต ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงการดำเนินการของระบบสถาบันการเงินไทยในอนาคตว่า ธปท.มีนโยบายให้เกิดการแข่งขันในระบบสถาบันการเงินควบคู่ไปกับสนับสนุนให้สถาบันการเงินต่างประเทศที่มีฐานะดีและมั่นคงเข้ามาทำธุรกิจในไทย เพื่อสร้างระบบให้เป็นสากล ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต ทั้งนี้ นโยบายการเงินและสถาบันการเงินจะต้องเป็นที่ยอมรับของธนาคารต่างประเทศที่เข้ามาลงทุน โดย ธปท.ต้องปรับโครงสร้างองค์กรและพัฒนาระบบการดูแลตรวจสอบให้มีประสิทธิภาพ รวมถึงออกกฎเกณฑ์เพื่อรองรับการเติบโตของเทคโนโลยีในระบบสถาบันการเงิน(ผู้จัดการรายวัน 23)
2. กองทุนฟื้นฟูฯ แยกหนี้ด้อยคุณภาพของ ธ.ศรีนครและ ธ.นครหลางไทยให้ทีเอเอ็มซีบริหารระหว่างรอการจัดตั้งกรรมการบริหาร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ของธนาคารรัฐ 2 แห่ง คือ ธ.ศรีนคร และ ธ.นครหลวงไทย ได้ดำเนินการแยกสินทรัพย์ด้อยคุณภาพออกจากสินทรัพย์ดีของทั้ง 2 ธนาคาร และจะโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพให้บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย(ทีเอเอ็มซี)บริหาร เพื่อให้ธนาคารทั้งสองแห่งสามารถดำเนินงานต่อไปได้ในระหว่างรอข้อสรุปการพิจารณาจัดตั้งคณะกรรมการบริหาร(กรุงเทพธุรกิจ 23)3. ยอดหนี้ด้อยคุณภาพของระบบสถาบันการเงินเดือน มี.ค.44 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานยอดหนี้ด้อยคุณภาพ(เอ็นพีแอล)คงค้างของระบบสถาบันการเงิน(ไม่รวมกิจการวิเทศธนกิจและบริษัทเครดิตฟองซิเอร์) ณ สิ้นเดือน มี.ค.44 ว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 847,151.31 ล.บาท คิดเป็นร้อยละ 0 ของสินเชื่อรวมหรือเท่ากับสินเชื่อรวม เทียบกับเดือน ก.พ.44 ที่อยู่ในระดับ 857,346 ล.บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 17.80 ของสินเชื่อรวม โดยแบ่งเป็นเอ็นพีแอลของ ธพ.เอกชนจำนวน 481,376.48 ล.บาท คิดเป็นร้อยละ 18.13 ของสินเชื่อรวม เอ็นพีแอลของ ธพ.ของรัฐจำนวน 304,823.69 ล.บาท คิดเป็นร้อยละ 21.17 ของสินเชื่อรวม เอ็นพีแอลของ ธพ.ต่างประเทศจำนวน 28,570.81 ล.บาท คิดเป็นร้อยละ 4.91 ของสินเชื่อรวม และเอ็นพีแอลของ บง.จำนวน 32,380.33 ล.บาท คิดเป็นร้อยละ 22.62 ของสินเชื่อรวม(ผู้จัดการรายวัน 23)4. ร่าง พ.ร.บ.สถาบันการเงินฉบับใหม่ออกกฎควบคุมบัตรเครดิตที่ออกโดยสถาบันที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน แหล่งข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)เปิดเผยถึงร่าง พ.ร.บ.สถาบันการเงินฉบับใหม่ว่า มีส่วนของกฎหมายควบคุมเรื่องผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับบัตรเครดิตทั้งที่ออกโดยสถาบันการเงินและที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน เพื่อช่วยดูแลลูกค้าที่มีการทำบัตรเครดิตที่ผู้ออกไม่ใช่สถาบันการเงิน จากปัจจุบันที่ผู้ออกบัตรที่ไม่ใช่สถาบันการเงินคิดอัตราดอกเบี้ยสูงมากเมื่อเทียบกับบัตรเครดิตที่ออกโดย ธพ. โดยจะออกเป็น พ.ร.ก.ควบคุมเฉพาะผลิตภัณฑ์ ไม่ควบคุมผู้ออกบัตร อย่างไรก็ตาม เกณฑ์การทำบัตรเครดิตยังคงเป็นไปตามที่ ธปท.กำหนดไว้เดิม คือ ผู้ขอทำบัตรเดรดิตต้องมีรายได้ต่อเดือน 15,000 บาท หรือปีละ 180,000 บาท(โลกวันนี้ 23)
ข่าวต่างประเทศ
1. ไอเอ็มเอฟคาดการณ์เศรษฐกิจโลก จะขยายตัวร้อยละ 3.2 ในปี 44 รายงานจากนิวยอร์กเมื่อ 21 เม.ย.44 กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะเติบโตร้อยละ 3.2 ในปี 44 และขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 3.9 ในปี 45 และคาดว่าเศรษฐกิจ สรอ. จะขยายตัวร้อยละ 1.5 ในปี 44 ก่อนที่จะเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 2.5 ในปี 45 ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจญี่ปุ่น จะเติบโตร้อยละ 0.6 และ 1.5 ในปี 44และปี 45 ตามลำดับ(รอยเตอร์21)
2. กรรมาธิการสหภาพยุโรปจะทบทวนการคาดการณ์ขยายตัวทางเศรษฐกิจปี 44-45 ของเขตยูโรและเยอรมนี รายงานจาก Malmo เมื่อ 22 เม.ย.44 รมว.คลังอิตาลีกล่าวว่า จากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของ สรอ. ส่งผลให้คณะกรรมาธิการสหภาพยุโรปได้คาดหมายอย่างกว้างขวางว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในเขตยูโร จะลดลงเหลือร้อยละ 2.7 ในปี 44 จากประมาณการเดิมที่ระดับร้อยละ 3.2 โดยคาดว่าเยอรมนี ซึ่งเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดและเป็นตัวขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจของยุโรป จะมีอัตราการเติบโตชะลอลงมากกว่าที่คาดไว้ และเป็นปัญหาสำคัญต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหภาพยุโรป ทั้งนี้ จากเอกสารที่รอยเตอร์ได้รับ ในสัปดาห์หน้า คณะกรรมาธิการฯ จะปรับลดประมาณการขยายตัวของผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) ของเยอรมนีในปี 44 ลงเหลือร้อยละ 2.25 จากประมาณการเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 2.8 และคาดว่าปี 45 จีดีพีจะขยายตัวร้อยละ 2.5 จากประมาณเดิมที่ร้อยละ 2.8 อย่างไรก็ตาม แม้จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของ สรอ.มากกว่าประเทศใดๆ คณะกรรมาธิการฯ ยังคงมองในแง่ดีเกี่ยวกับแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในเขตยูโร และในวันเดียวกัน นสพ. News Magazine Focus ของเยอรมนี เปิดเผยว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ ไดัปรับลดประมาณการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเยอรมนีในปี 44 ลงเหลือร้อยละ 1.9 จากที่ประมาณการก่อนหน้านี้ ที่ร้อยละ 3.3 และคาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 2.6 ในปี 45 (รอยเตอร์22)
3. ปรับลดดัชนีชี้นำภาวะเศรษฐกิจของญี่ปุ่นในเดือน ก.พ. 44 อยู่ที่ระดับ 33.3 รายงานจากโตเกียวเมื่อ 20 เม.ย. 44 รัฐบาลญี่ปุ่น เปิดเผยว่า เดือน ก.พ. 44 ดัชนีชี้นำภาวะเศรษฐกิจ (Leading Index) ถูกปรับลดลงอยู่ที่ระดับ 33.3 จากตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 42.9 นับเป็นการลดลงต่ำกว่าระดับ 50 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ซึ่งเป็นระดับที่ชี้ว่าเศรษฐกิจอาจจะหดตัวในเดือนต่อไป ขณะเดียวกัน ดัชนีอ้างอิงภาวะเศรษฐกิจ(Coincident Index) ถูกปรับตัวเลขลดลงอยู่ที่ระดับ 10.0 จากตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 14.3 แต่ดัชชีตามภวะเศรษฐกิจ( Lagging Index ) ซึ่งใช้วัดภาวะเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา หลังปรับตัวเลขเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 64.3 จากตัวเลขก่อนปรับที่ระดับ 58.3 (รอยเตอร์20)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์ สรอ.ระหว่างธนาคาร ณ สิ้นวันทำการ 20 เม.ย.44 45.431 (45.165)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ที่ ธพ.ซื้อขายกับลูกค้า(ตั๋วเงิน) ณ สิ้นวันทำการ 20 เม.ย. 44ซื้อ 45.2214 (44.9826) ขาย 45.5328 (45.2929)
ทองคำแท่ง(บาทละ) ซื้อ 5,600 (5,550) ขาย 5,700 (5,650)
น้ำมันดิบ(ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล) โอมาน 24.30 (24.18)
น้ำมันเบนซินพิเศษ(เพอร์ฟอร์มาโกลด์) 17.29 (17.29) ดีเซลหมุนเร็ว 14.54 (14.54)
หมายเหตุ ตัวเลขในวงเล็บเป็นตัวเลขของวันก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-