รัฐบาลเดินตลาดใต้ พรก. เยือนสิงคโปร์ กับอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
“ตรงไปตรงมา” ศุกร์ที่ 19 สิงหาคม 2548
พิธีกร : การเปิดตลาดกันภาคใต้ / เรื่องของกฎหมายพระราชกำหนดฉุกเฉินที่ยังวิจารณ์กันทราบมุมมองคุณอภิสิทธิ์
คุณอภิสิทธิ์ฯ : เมื่อวันอังคารกับวันพุธที่ผ่านมา ตนได้รับเชิญให้ไปสิงคโปร์ และไปบรรยายในเรื่องของเศรษฐกิจในเรื่องของสถานการณ์ในประเทศไทย มีโอกาสได้พบรัฐมนตรีของสิงคโปร์ 2 ท่าน และก็พบปะกับผู้นำทางธุรกิจยอมรับว่าความห่วงใยของเขาที่มีต่อสถานการณ์ภาคใต้ มีสูงมาก จึงเป็นเรื่องในการถามเรื่องนี้ ซึ่งตนก็พยายามอธิบายให้เห็นว่า จริงๆ แล้วปัญหานี้มันก็เป็นปัญหาซึ่งมีมานาน และก็เป็นปัญหาซึ่งเราน่าจะมีความสามารถที่จะบริหารจัดการแก้ไขปัญหาภายในได้ และอยู่ที่ว่าการปรับแนวทางท่าทีอะไรซึ่งมันอาจมีความพลาดไปบ้างในช่วงที่ผ่านมา จริงๆ แล้ววันนี้จากข้างนอกมองเข้ามาเองก็ยังมีความรู้สึกสับสนอยู่เหมือนกันว่า มาตรการหรือยุทธศาสตร์หลักคืออะไร และในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่าว่าแต่คนข้างนอกเลย คนข้างในเองก็บางทีก็งงกับข้อเสนอต่างๆ ที่ผุดขึ้นมา แล้วก็มีทั้งการให้สัมภาษณ์หรือข่าวที่ออกมา บางทีอาจจะยังสะท้อนถึงความไม่เป็นเอกภาพ เพราะฉะนั้นจริง ๆแล้วถ้าท่านนายกฯ จะมาเป็นหัวหน้าทีมเรื่องนี้จริงๆ และก็จัดระบบจัดระเบียบในส่วนของรัฐมนตรีของท่านน่าจะดีกว่านี้ แต่ว่าสิ่งที่ลงไปทำในช่วง 2 วันที่จะสร้างความคึกคักและทำให้ประชาชนที่นั่นมีความมั่นใจหรือมีขวัญกำลังใจที่จะใช้ชีวิตตามปกติ คิดว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะว่าถ้าเราปล่อยให้สภาพของปัญหาเนี่ยกลายเป็นว่าประชาชนหวาดกลัว ไม่สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้ และทุกคนก็ปล่อยเฉย อันนั้นจะอันตรายมาก เพราะฉะนั้นในแง่ของการไปสร้างความคึกคักหรือในแง่ของการไปให้ความมั่นใจให้ขวัญกำลังใจ วันสองวันนี้พบความคึกคักแน่ แต่มันคงจะให้เกิดขึ้นเฉพาะเมื่อวานกันวันนี้อย่างเดียวไม่ได้ ฉะนั้นต้องทำอย่างไงที่จะทำให้มันมีวิธีการที่จะให้หน่วยงานต่างๆ หรือเจ้าหน้าที่สามารถที่จะรักษาบรรยากาศที่จะช่วยให้เกิดความมั่นใจมากขึ้นให้ได้
ส่วนเรื่อง พรก. เมื่อเข้าสู่สภาวันพุธที่จะถึงนี้ที่สภาจะเปิด เป็นโอกาสดีที่จะได้มีการใช้เวทีของสภาในการพิจารณาเรื่องนี้ แต่ว่าการพิจารณาก็เป็นเพียงการเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ ซึ่งรัฐบาลก็คงไม่มีปัญหาในการที่จะผ่าน พรก.ฉบับนี้ เพียงแต่ว่าในประเด็นที่เป็นข้อห่วงทั้งหลาย ทางรัฐบาลก็น่าจะเปิดโอกาสให้สมาชิกได้สะท้อนอย่างเต็มที่และก็ก่อนหน้านี้เคยมีคำพูดออกมาจากทางรัฐบาลเองว่า อาจจะมีการแก้ไขต่อไป ถ้าจะมีการแก้ไขต่อไปเนี่ย ดีที่สุดแทนที่จะทำให้มันเป็นปัญหาเรื่องของการเมืองที่จะต้องโต้ตอบแสดงความคิดเห็นกันไปกันมา เป็นไปได้หรือไม่ที่รัฐบาลจะหาเวทีสักเวทีหนึ่ง ซึ่งเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายเข้าไปมีส่วนร่วม ไม่ใช่เฉพาะฝ่ายค้าน แต่เป็นในส่วนของวุฒิสภา ในส่วนของนักวิชาการ เพื่อที่จะมาดูว่ามันมีจุดอ่อนตรงไหนที่อาจจะแก้ไขให้เป็นระบบได้
พิธีกร : เรื่องที่คุณอภิสิทธิ์บอกว่าต่อเนื่อง ตอนนี้เห็นรัฐบาลพยายามทำเชิงสังคม เชิงมหาชนอะไรสักอย่าง เช่น บอกว่าจะส่งดาราไปทุกศุกร์เสาร์อาทิตย์บ้าง หรือจะติดยูบีซีให้ดูกีฬา ตรงนี้
คุณอภิสิทธิ์ฯ : การที่จะมีคนไปเยี่ยมเยียนอะไรต่างๆ ก็เป็นเป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว แต่ว่าเรื่องของโทรทัศน์ที่จะให้ดูฟุตบอลมันมีข้อห่วงใยอยู่ เพราะว่าจริงๆ แล้วถ้าอยากจะส่งเสริมกิจกรรมที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับเยาวชน เพื่อไม่ให้เขาไปถูกชักจูงชักนำไปทำในสิ่งที่ไม่ดี ผมยังนึกว่าน่าจะส่งเสริมให้เขาเล่นมากกว่าดู เล่นกีฬาคือเล่นจริงๆ ไปเลย เพราะฉะนั้นจริงๆ แล้วก็ยังไม่ค่อยแน่ใจว่า แนวคิดที่เพียงแต่หมายความว่าเหมือนกับจะไปให้เกิดความบันเทิง ความสนุกสนานในแง่นั้นมันเป็นสิ่งที่จะตรงกับเป้าหมาย มันน่าจะเป็นเรื่องของการไปส่งเสริมการทำกิจกรรมมากกว่า
พิธีกร : ครั้งที่คุณอภิสิทธิ์เคยลงไปภาคใต้ ไม่ทราบว่ามีทีวีเคเบิ้ลดูหรือไม่
คุณอภิสิทธิ์ฯ : พูดยาก แต่พูดความจริงแล้วจะบอกว่าเขาไม่มีเลยก็คงไม่ใช่ และเราเองก็ต้องไปดูรายละเอียดว่าที่จะไปซื้อไปติดตั้งอะไรต่างๆ มันจะตั้งที่ไหน อย่างไร มีเงื่อนไขอย่างไรหรือเปล่า แต่คิดว่ามันไม่ใช่จุดหลัก และสิ่งที่สำคัญขณะนี้ก็คือว่า ไม่อยากให้มันมีความคิดแบบนี้ขึ้นมา แล้วก็โต้แย้งโต้เถียงกันอะไรต่างๆ แต่ว่ามันภาพใหญ่ของยุทธศาสตร์ของการแก้ปัญหา หรือความเป็นเอกภาพเนี่ย
ความจริงท่านนายกฯ ก็น่าจะเป็นผู้นำ แล้วก็รับผิดชอบเรื่องนี้ และเรื่องจริงๆ ท่านนายกฯ ก็พูดถูกในหนึ่งว่า ก็พูดให้น้อย แต่ว่าพูดให้มันได้สิ่งที่เป็นสัญญาณ สิ่งที่เป็นทิศทางที่ถูกต้อง มันน่าจะดีที่สุด ส่วนการจับกุม การออกหมายจับอะไรกันก็ว่ากันไปตามกระบวนการยุติธรรม
พิธีกร : เรื่อง ทำเนียบใต้ดิน รู้สึกอย่างไรกับงบประมาณ
คุณอภิสิทธิ์ฯ : เป็นเรื่องซึ่งกรรมาธิการของเราไปพบอยู่ในการตั้งงบประมาณสำหรับปีหน้า เนื่องจากว่าการพิจารณาที่ผ่านมาก็ยังจำกัดอยู่ คิดว่าคงจะต้องมีการซักถามเรื่องนี้ในการพิจารณางบประมาณในวาระที่ 2 ซึ่งก็คงจะเป็น 1 อาทิตย์หลังจากอาทิตย์หน้า เพราะว่าอาทิตย์หน้าเป็นเรื่อง พรก. ที่ถัดไปก็คงจะเป็นเรื่องงบประมาณ ประเด็นก็คงจะเป็น คงต้องสอบถามจริงๆ ว่าความจำเป็นในการใช้พื้นที่มันเป็นอย่างไร เพราะว่าจริงๆ แล้วการปรับปรุงในส่วนของทำเนียบก็ทำกันมาต่อเนื่อง แล้วห้องประชุม ครม.ที่ใช้อยู่ปัจจุบัน ความจริงก็เพิ่งใช้กันในสมัยรัฐบาลของนายกฯ ทักษิณ ไม่ใช่ว่าเก่าหรือว่าไม่ได้มีการสร้างอะไรใหม่มาเป็นเวลานาน เพิ่งจะใช้กันในรัฐบาลชุดนี้ และความจริงรัฐบาลชุดของนายกฯ ทักษิณฯก็ลดจำนวนคณะรัฐมนตรีมาตามรัฐธรรมนูญด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นจริงๆ อยากจะทราบความจำเป็นในแง่ของพื้นที่ใช้สอยว่ามันขาดแคลนอย่างไร จริงๆ โดยสภาพต่างๆ ก็มีการปรับภูมิทัศน์เยอะ ตึกไทยคู่ฟ้า ตึกสันติไมตรี คิดว่าก็ดูมีความสง่างามอยู่ มันอาจจะมีบางตึกมาขึ้นทีหลัง ซึ่งอาจจะต้องมีการปรับภูมิทัศน์อะไรบ้าง แต่ว่ามันกำลังเกิดขึ้นในช่วงซึ่งคนมีความรู้สึกว่า เศรษฐกิจก็ไม่ค่อยดี และรัฐบาลต้องมีความระมัดระวังในการใช้จ่าย เพราะฉะนั้นถ้าจะทำมันต้องสามารถแสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่ามันขาดแคลนพื้นที่ใช้สอยอย่างไร เพราะว่าจริงๆ ที่ผ่านมาก็ไม่ได้คิดว่ามันมีความจำเป็นที่จะต้องมาสร้างอะไรอีกมากมายใหญ่โตอย่างนี้ แต่ว่าถ้าเกิดจะสร้างใหญ่โตจริงๆ ก็มีคำถามเหมือนกันว่า ในขณะที่เรากำลังบอกจะขอให้สภาย้ายออกไป มันน่าจะไปสร้างด้วยกันใหม่ไหมถ้าอย่างนั้น มากกว่าที่จะทุบมารื้อตึกต่างๆ ซึ่งบางตึกบางคนเขาก็อยากให้อนุรักษ์ไว้ด้วย
พิธีกร : เรื่องการรับเชิญไปสิงคโปร์มีจุดไหนที่เพิ่มเติม
คุณอภิสิทธิ์ฯ : นอกเหนือจากเรื่องความห่วงใยที่เกิดขึ้นต่อสถานการณ์ภาคใต้ สิ่งหนึ่งที่พยายามพูดคุยแลกเปลี่ยนกับเขาก็คือการกระตุ้นให้เรื่องของอาเซี่ยนมันเดินหน้าไปได้มากกว่านี้ เพราะว่าตอนนี้ในแง่ของภาพใหญ่ของเศรษฐกิจ คือบางทีแต่ละประเทศพอเราอยู่ข้างในเราก็มองแต่ปัจจัยข้างใน แต่จริงๆ แล้วภาพรวมของเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ตอนนี้สิ่งที่ทุกฝ่ายจะต้องมาฟื้นตัวกันก็คือ การเติบโตของเศรษฐกิจจีนกับเศรษฐกิจอินเดีย ซึ่งเป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่มาก ซึ่งมันควรจะทำให้บรรดาอาเซี่ยนเองต้องมีความก้าวหน้ามากกว่านี้ ในการที่จะสร้างระบบเศรษฐกิจที่เป็นลักษณะของประชาคม รวดเร็วขึ้น แต่ว่าในเรื่องของอาฟต้า หรือเรื่องความร่วมมือก็ยังค่อนข้างจะล่าช้า มีก็คือขณะนี้คือ สิงคโปร์และมาเลเซีย ไทย อย่างนี้ก็เลยไปแข่งทำให้เอฟทีเอ ซึ่งมันไม่เหมือนกัน คือเอฟทีเอก็มีผลดีในแง่ของการขยายมูลค่าการค้า แต่ในแง่ของการที่จะสร้างเศรษฐกิจขนาดกลาง ขนาดใหญ่ขึ้นมาเป็นประชาคมเพื่อดึงดูดหรือให้มีอำนาจต่อรอง ตรงนี้ยังทำน้อยไป ซึ่งอันนี้เป็นสิ่งซึ่งทางนักธุรกิจที่โน่นเขาก็มีความรู้สึกเห็นด้วย และก็มองว่า ภาวะการนำในอาเซี่ยนขณะนี้ดูยังขาดหายไป และก็อยากจะให้มีการกระตุ้นขึ้นมา แม้ว่าจะมีเวทีใหม่ๆ ที่จะมีเอฟเอเซียซัมมิทต่างๆ แต่ว่าในแง่ของการผลักดันงานของการสร้างเศรษฐกิจการรวมตัวทางเศรษฐกิจตรงนี้ยังน้อยไป
พิธีกร : สิงคโปร์ศูนย์กลางการค้าน้ำมันได้คุยกันเรื่องพลังงานบ้าง
คุณอภิสิทธิ์ฯ : เพียงแต่สอบถามกันว่าแต่ละประเทศได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันมากน้อยแค่ไหน แต่ว่าทางสิงคโปร์ของเขาก็ชัด เขาก็บอกว่าในส่วนของเขา เนื่องจากทุกคนก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องกลไกตลาด และก็มีการปล่อยให้มันมีเวลาของการปรับตัว เขาก็ไม่ค่อยมีปัญหา ส่วนใหญ่เขาจะวิจารณ์กลับมาที่ประเทศไทยกับอินโดนีเซียเพราะว่าประเทศไทยกับอินโดนีเซียไปใช้วีการในการตรึงราคาไว้ ฉะนั้นตรงนี้พอปรับตัวมันก็จะรุนแรงกว่า
พิธีกร : เรื่องเมกกะโปรเจค มีข่าวว่าแบงค์ชาติค่อนข้างจะหวาดผวาน่าจะตัดงบประมาณไปสัก 4 แสนล้านเกี่ยวกับเรื่องของโครงการเมกกะโปรเจค ท่านนายกฯ มีแนวโน้มเห็นด้วย
คุณอภิสิทธิ์ฯ : ส่วนตัวยังสับสนเพราะว่าวันนี้มีข่าวเรื่อง ท่านผู้ว่าบอกดูตัวเลขผิดอะไรไปด้วย แต่ประเด็นก็คงจะคุยกันหลายครั้งในแง่ของหลักคิดที่จะทำการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานน่าจะเป็นเรื่องที่มีความจำเป็น เพียงแต่ว่าในสถานการณ์เศรษฐกิจอย่างนี้ สิงที่จะต้องมีแผนที่ชัดที่จะรองรับ 1)คือเรื่องของว่า จะมีผลกระทบต่อดุลการค้ามากน้อยแค่ไหน คือต้องดูสัดส่วนการนำเข้าของโครงการตรงนี้ กับ 2) คือแหล่งเงินว่าในภาวะของตลาดเงินตลาดทุนในขณะนี้ แหล่งเงินกู้ เงื่อนไขการกู้ ผลกระทบที่จะมีต่อแหล่งเงินทุนสำหรับภาคเอกชนเป็นอย่างไร ตรงนี้ต้องมีแผนออกมาที่ชัดเจน ทีนี้รูปแบบวิธีการรายละเอียดมันจะต้องขึ้นอยู่กับแต่ละโครงการด้วย ซึ่งก็ต้องมีการประเมินในเรื่องของความคุ้มค่าหรือผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ เพราะว่าการใช้จ่ายเงินของรัฐบาลในระยะหลังที่คนห่วงใยก็คือว่ามีหลายโครงการซึ่งเปิดตัวใหญ่โต และพอเดินไปสักปีสองปีก็ไม่ประสบความสำเร็จและเรื่องโครงสร้างพื้นฐานควรจะต้องดูความจำเป็นที่จะต้องตอบสนองอย่างทั่วถึง เพราะเรื่องน้ำก็เป็นเรื่องสำคัญ สัปดาห์หน้าตนจะไปที่ระยอง และทางพรรคได้ติดตามเรื่องของสถานการณ์น้ำ ด้วยความเป็นห่วงในเรื่องของความขัดแย้งระหว่างภาคเกษตรกับภาคอุตสาหกรรม แต่ว่าวันจันทร์เราคงจะแสดงจุดยืนแถลงข่าว ตรงนี้คือมองว่าแนวทางที่รัฐบาลไปพูดเกี่ยวกับการผันน้ำ ซึ่งจะไปกระทบกับภาคเกษตร จะเกิดความขัดแย้ง และจริงๆ แล้วไม่น่าจะต้องไปทำแบบนั้น เพียงแต่รัฐบาลเข้าไปทำงานใกล้ชิดกับภาคอุตสาหกรรม ถึงวิธีการที่เขาจะจัดหาแหล่งน้ำเพิ่มเติมโดยมีการลงทุน หรือโดยมีการด้วยความร่วมมือของเขาเอง มันสามารถทำได้โดยไม่ต้องไปกระทบกระเทือนกับภาคเกษตร อันนี้คือสิ่งที่เราได้ติดตามศึกษามา และวันจันทร์จะมีการแถลงข่าว และวันศุกร์จะเดินทางไปที่ระยองด้วย
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 19 ส.ค. 2548--จบ--
“ตรงไปตรงมา” ศุกร์ที่ 19 สิงหาคม 2548
พิธีกร : การเปิดตลาดกันภาคใต้ / เรื่องของกฎหมายพระราชกำหนดฉุกเฉินที่ยังวิจารณ์กันทราบมุมมองคุณอภิสิทธิ์
คุณอภิสิทธิ์ฯ : เมื่อวันอังคารกับวันพุธที่ผ่านมา ตนได้รับเชิญให้ไปสิงคโปร์ และไปบรรยายในเรื่องของเศรษฐกิจในเรื่องของสถานการณ์ในประเทศไทย มีโอกาสได้พบรัฐมนตรีของสิงคโปร์ 2 ท่าน และก็พบปะกับผู้นำทางธุรกิจยอมรับว่าความห่วงใยของเขาที่มีต่อสถานการณ์ภาคใต้ มีสูงมาก จึงเป็นเรื่องในการถามเรื่องนี้ ซึ่งตนก็พยายามอธิบายให้เห็นว่า จริงๆ แล้วปัญหานี้มันก็เป็นปัญหาซึ่งมีมานาน และก็เป็นปัญหาซึ่งเราน่าจะมีความสามารถที่จะบริหารจัดการแก้ไขปัญหาภายในได้ และอยู่ที่ว่าการปรับแนวทางท่าทีอะไรซึ่งมันอาจมีความพลาดไปบ้างในช่วงที่ผ่านมา จริงๆ แล้ววันนี้จากข้างนอกมองเข้ามาเองก็ยังมีความรู้สึกสับสนอยู่เหมือนกันว่า มาตรการหรือยุทธศาสตร์หลักคืออะไร และในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่าว่าแต่คนข้างนอกเลย คนข้างในเองก็บางทีก็งงกับข้อเสนอต่างๆ ที่ผุดขึ้นมา แล้วก็มีทั้งการให้สัมภาษณ์หรือข่าวที่ออกมา บางทีอาจจะยังสะท้อนถึงความไม่เป็นเอกภาพ เพราะฉะนั้นจริง ๆแล้วถ้าท่านนายกฯ จะมาเป็นหัวหน้าทีมเรื่องนี้จริงๆ และก็จัดระบบจัดระเบียบในส่วนของรัฐมนตรีของท่านน่าจะดีกว่านี้ แต่ว่าสิ่งที่ลงไปทำในช่วง 2 วันที่จะสร้างความคึกคักและทำให้ประชาชนที่นั่นมีความมั่นใจหรือมีขวัญกำลังใจที่จะใช้ชีวิตตามปกติ คิดว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะว่าถ้าเราปล่อยให้สภาพของปัญหาเนี่ยกลายเป็นว่าประชาชนหวาดกลัว ไม่สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้ และทุกคนก็ปล่อยเฉย อันนั้นจะอันตรายมาก เพราะฉะนั้นในแง่ของการไปสร้างความคึกคักหรือในแง่ของการไปให้ความมั่นใจให้ขวัญกำลังใจ วันสองวันนี้พบความคึกคักแน่ แต่มันคงจะให้เกิดขึ้นเฉพาะเมื่อวานกันวันนี้อย่างเดียวไม่ได้ ฉะนั้นต้องทำอย่างไงที่จะทำให้มันมีวิธีการที่จะให้หน่วยงานต่างๆ หรือเจ้าหน้าที่สามารถที่จะรักษาบรรยากาศที่จะช่วยให้เกิดความมั่นใจมากขึ้นให้ได้
ส่วนเรื่อง พรก. เมื่อเข้าสู่สภาวันพุธที่จะถึงนี้ที่สภาจะเปิด เป็นโอกาสดีที่จะได้มีการใช้เวทีของสภาในการพิจารณาเรื่องนี้ แต่ว่าการพิจารณาก็เป็นเพียงการเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ ซึ่งรัฐบาลก็คงไม่มีปัญหาในการที่จะผ่าน พรก.ฉบับนี้ เพียงแต่ว่าในประเด็นที่เป็นข้อห่วงทั้งหลาย ทางรัฐบาลก็น่าจะเปิดโอกาสให้สมาชิกได้สะท้อนอย่างเต็มที่และก็ก่อนหน้านี้เคยมีคำพูดออกมาจากทางรัฐบาลเองว่า อาจจะมีการแก้ไขต่อไป ถ้าจะมีการแก้ไขต่อไปเนี่ย ดีที่สุดแทนที่จะทำให้มันเป็นปัญหาเรื่องของการเมืองที่จะต้องโต้ตอบแสดงความคิดเห็นกันไปกันมา เป็นไปได้หรือไม่ที่รัฐบาลจะหาเวทีสักเวทีหนึ่ง ซึ่งเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายเข้าไปมีส่วนร่วม ไม่ใช่เฉพาะฝ่ายค้าน แต่เป็นในส่วนของวุฒิสภา ในส่วนของนักวิชาการ เพื่อที่จะมาดูว่ามันมีจุดอ่อนตรงไหนที่อาจจะแก้ไขให้เป็นระบบได้
พิธีกร : เรื่องที่คุณอภิสิทธิ์บอกว่าต่อเนื่อง ตอนนี้เห็นรัฐบาลพยายามทำเชิงสังคม เชิงมหาชนอะไรสักอย่าง เช่น บอกว่าจะส่งดาราไปทุกศุกร์เสาร์อาทิตย์บ้าง หรือจะติดยูบีซีให้ดูกีฬา ตรงนี้
คุณอภิสิทธิ์ฯ : การที่จะมีคนไปเยี่ยมเยียนอะไรต่างๆ ก็เป็นเป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว แต่ว่าเรื่องของโทรทัศน์ที่จะให้ดูฟุตบอลมันมีข้อห่วงใยอยู่ เพราะว่าจริงๆ แล้วถ้าอยากจะส่งเสริมกิจกรรมที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับเยาวชน เพื่อไม่ให้เขาไปถูกชักจูงชักนำไปทำในสิ่งที่ไม่ดี ผมยังนึกว่าน่าจะส่งเสริมให้เขาเล่นมากกว่าดู เล่นกีฬาคือเล่นจริงๆ ไปเลย เพราะฉะนั้นจริงๆ แล้วก็ยังไม่ค่อยแน่ใจว่า แนวคิดที่เพียงแต่หมายความว่าเหมือนกับจะไปให้เกิดความบันเทิง ความสนุกสนานในแง่นั้นมันเป็นสิ่งที่จะตรงกับเป้าหมาย มันน่าจะเป็นเรื่องของการไปส่งเสริมการทำกิจกรรมมากกว่า
พิธีกร : ครั้งที่คุณอภิสิทธิ์เคยลงไปภาคใต้ ไม่ทราบว่ามีทีวีเคเบิ้ลดูหรือไม่
คุณอภิสิทธิ์ฯ : พูดยาก แต่พูดความจริงแล้วจะบอกว่าเขาไม่มีเลยก็คงไม่ใช่ และเราเองก็ต้องไปดูรายละเอียดว่าที่จะไปซื้อไปติดตั้งอะไรต่างๆ มันจะตั้งที่ไหน อย่างไร มีเงื่อนไขอย่างไรหรือเปล่า แต่คิดว่ามันไม่ใช่จุดหลัก และสิ่งที่สำคัญขณะนี้ก็คือว่า ไม่อยากให้มันมีความคิดแบบนี้ขึ้นมา แล้วก็โต้แย้งโต้เถียงกันอะไรต่างๆ แต่ว่ามันภาพใหญ่ของยุทธศาสตร์ของการแก้ปัญหา หรือความเป็นเอกภาพเนี่ย
ความจริงท่านนายกฯ ก็น่าจะเป็นผู้นำ แล้วก็รับผิดชอบเรื่องนี้ และเรื่องจริงๆ ท่านนายกฯ ก็พูดถูกในหนึ่งว่า ก็พูดให้น้อย แต่ว่าพูดให้มันได้สิ่งที่เป็นสัญญาณ สิ่งที่เป็นทิศทางที่ถูกต้อง มันน่าจะดีที่สุด ส่วนการจับกุม การออกหมายจับอะไรกันก็ว่ากันไปตามกระบวนการยุติธรรม
พิธีกร : เรื่อง ทำเนียบใต้ดิน รู้สึกอย่างไรกับงบประมาณ
คุณอภิสิทธิ์ฯ : เป็นเรื่องซึ่งกรรมาธิการของเราไปพบอยู่ในการตั้งงบประมาณสำหรับปีหน้า เนื่องจากว่าการพิจารณาที่ผ่านมาก็ยังจำกัดอยู่ คิดว่าคงจะต้องมีการซักถามเรื่องนี้ในการพิจารณางบประมาณในวาระที่ 2 ซึ่งก็คงจะเป็น 1 อาทิตย์หลังจากอาทิตย์หน้า เพราะว่าอาทิตย์หน้าเป็นเรื่อง พรก. ที่ถัดไปก็คงจะเป็นเรื่องงบประมาณ ประเด็นก็คงจะเป็น คงต้องสอบถามจริงๆ ว่าความจำเป็นในการใช้พื้นที่มันเป็นอย่างไร เพราะว่าจริงๆ แล้วการปรับปรุงในส่วนของทำเนียบก็ทำกันมาต่อเนื่อง แล้วห้องประชุม ครม.ที่ใช้อยู่ปัจจุบัน ความจริงก็เพิ่งใช้กันในสมัยรัฐบาลของนายกฯ ทักษิณ ไม่ใช่ว่าเก่าหรือว่าไม่ได้มีการสร้างอะไรใหม่มาเป็นเวลานาน เพิ่งจะใช้กันในรัฐบาลชุดนี้ และความจริงรัฐบาลชุดของนายกฯ ทักษิณฯก็ลดจำนวนคณะรัฐมนตรีมาตามรัฐธรรมนูญด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นจริงๆ อยากจะทราบความจำเป็นในแง่ของพื้นที่ใช้สอยว่ามันขาดแคลนอย่างไร จริงๆ โดยสภาพต่างๆ ก็มีการปรับภูมิทัศน์เยอะ ตึกไทยคู่ฟ้า ตึกสันติไมตรี คิดว่าก็ดูมีความสง่างามอยู่ มันอาจจะมีบางตึกมาขึ้นทีหลัง ซึ่งอาจจะต้องมีการปรับภูมิทัศน์อะไรบ้าง แต่ว่ามันกำลังเกิดขึ้นในช่วงซึ่งคนมีความรู้สึกว่า เศรษฐกิจก็ไม่ค่อยดี และรัฐบาลต้องมีความระมัดระวังในการใช้จ่าย เพราะฉะนั้นถ้าจะทำมันต้องสามารถแสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่ามันขาดแคลนพื้นที่ใช้สอยอย่างไร เพราะว่าจริงๆ ที่ผ่านมาก็ไม่ได้คิดว่ามันมีความจำเป็นที่จะต้องมาสร้างอะไรอีกมากมายใหญ่โตอย่างนี้ แต่ว่าถ้าเกิดจะสร้างใหญ่โตจริงๆ ก็มีคำถามเหมือนกันว่า ในขณะที่เรากำลังบอกจะขอให้สภาย้ายออกไป มันน่าจะไปสร้างด้วยกันใหม่ไหมถ้าอย่างนั้น มากกว่าที่จะทุบมารื้อตึกต่างๆ ซึ่งบางตึกบางคนเขาก็อยากให้อนุรักษ์ไว้ด้วย
พิธีกร : เรื่องการรับเชิญไปสิงคโปร์มีจุดไหนที่เพิ่มเติม
คุณอภิสิทธิ์ฯ : นอกเหนือจากเรื่องความห่วงใยที่เกิดขึ้นต่อสถานการณ์ภาคใต้ สิ่งหนึ่งที่พยายามพูดคุยแลกเปลี่ยนกับเขาก็คือการกระตุ้นให้เรื่องของอาเซี่ยนมันเดินหน้าไปได้มากกว่านี้ เพราะว่าตอนนี้ในแง่ของภาพใหญ่ของเศรษฐกิจ คือบางทีแต่ละประเทศพอเราอยู่ข้างในเราก็มองแต่ปัจจัยข้างใน แต่จริงๆ แล้วภาพรวมของเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ตอนนี้สิ่งที่ทุกฝ่ายจะต้องมาฟื้นตัวกันก็คือ การเติบโตของเศรษฐกิจจีนกับเศรษฐกิจอินเดีย ซึ่งเป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่มาก ซึ่งมันควรจะทำให้บรรดาอาเซี่ยนเองต้องมีความก้าวหน้ามากกว่านี้ ในการที่จะสร้างระบบเศรษฐกิจที่เป็นลักษณะของประชาคม รวดเร็วขึ้น แต่ว่าในเรื่องของอาฟต้า หรือเรื่องความร่วมมือก็ยังค่อนข้างจะล่าช้า มีก็คือขณะนี้คือ สิงคโปร์และมาเลเซีย ไทย อย่างนี้ก็เลยไปแข่งทำให้เอฟทีเอ ซึ่งมันไม่เหมือนกัน คือเอฟทีเอก็มีผลดีในแง่ของการขยายมูลค่าการค้า แต่ในแง่ของการที่จะสร้างเศรษฐกิจขนาดกลาง ขนาดใหญ่ขึ้นมาเป็นประชาคมเพื่อดึงดูดหรือให้มีอำนาจต่อรอง ตรงนี้ยังทำน้อยไป ซึ่งอันนี้เป็นสิ่งซึ่งทางนักธุรกิจที่โน่นเขาก็มีความรู้สึกเห็นด้วย และก็มองว่า ภาวะการนำในอาเซี่ยนขณะนี้ดูยังขาดหายไป และก็อยากจะให้มีการกระตุ้นขึ้นมา แม้ว่าจะมีเวทีใหม่ๆ ที่จะมีเอฟเอเซียซัมมิทต่างๆ แต่ว่าในแง่ของการผลักดันงานของการสร้างเศรษฐกิจการรวมตัวทางเศรษฐกิจตรงนี้ยังน้อยไป
พิธีกร : สิงคโปร์ศูนย์กลางการค้าน้ำมันได้คุยกันเรื่องพลังงานบ้าง
คุณอภิสิทธิ์ฯ : เพียงแต่สอบถามกันว่าแต่ละประเทศได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันมากน้อยแค่ไหน แต่ว่าทางสิงคโปร์ของเขาก็ชัด เขาก็บอกว่าในส่วนของเขา เนื่องจากทุกคนก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องกลไกตลาด และก็มีการปล่อยให้มันมีเวลาของการปรับตัว เขาก็ไม่ค่อยมีปัญหา ส่วนใหญ่เขาจะวิจารณ์กลับมาที่ประเทศไทยกับอินโดนีเซียเพราะว่าประเทศไทยกับอินโดนีเซียไปใช้วีการในการตรึงราคาไว้ ฉะนั้นตรงนี้พอปรับตัวมันก็จะรุนแรงกว่า
พิธีกร : เรื่องเมกกะโปรเจค มีข่าวว่าแบงค์ชาติค่อนข้างจะหวาดผวาน่าจะตัดงบประมาณไปสัก 4 แสนล้านเกี่ยวกับเรื่องของโครงการเมกกะโปรเจค ท่านนายกฯ มีแนวโน้มเห็นด้วย
คุณอภิสิทธิ์ฯ : ส่วนตัวยังสับสนเพราะว่าวันนี้มีข่าวเรื่อง ท่านผู้ว่าบอกดูตัวเลขผิดอะไรไปด้วย แต่ประเด็นก็คงจะคุยกันหลายครั้งในแง่ของหลักคิดที่จะทำการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานน่าจะเป็นเรื่องที่มีความจำเป็น เพียงแต่ว่าในสถานการณ์เศรษฐกิจอย่างนี้ สิงที่จะต้องมีแผนที่ชัดที่จะรองรับ 1)คือเรื่องของว่า จะมีผลกระทบต่อดุลการค้ามากน้อยแค่ไหน คือต้องดูสัดส่วนการนำเข้าของโครงการตรงนี้ กับ 2) คือแหล่งเงินว่าในภาวะของตลาดเงินตลาดทุนในขณะนี้ แหล่งเงินกู้ เงื่อนไขการกู้ ผลกระทบที่จะมีต่อแหล่งเงินทุนสำหรับภาคเอกชนเป็นอย่างไร ตรงนี้ต้องมีแผนออกมาที่ชัดเจน ทีนี้รูปแบบวิธีการรายละเอียดมันจะต้องขึ้นอยู่กับแต่ละโครงการด้วย ซึ่งก็ต้องมีการประเมินในเรื่องของความคุ้มค่าหรือผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ เพราะว่าการใช้จ่ายเงินของรัฐบาลในระยะหลังที่คนห่วงใยก็คือว่ามีหลายโครงการซึ่งเปิดตัวใหญ่โต และพอเดินไปสักปีสองปีก็ไม่ประสบความสำเร็จและเรื่องโครงสร้างพื้นฐานควรจะต้องดูความจำเป็นที่จะต้องตอบสนองอย่างทั่วถึง เพราะเรื่องน้ำก็เป็นเรื่องสำคัญ สัปดาห์หน้าตนจะไปที่ระยอง และทางพรรคได้ติดตามเรื่องของสถานการณ์น้ำ ด้วยความเป็นห่วงในเรื่องของความขัดแย้งระหว่างภาคเกษตรกับภาคอุตสาหกรรม แต่ว่าวันจันทร์เราคงจะแสดงจุดยืนแถลงข่าว ตรงนี้คือมองว่าแนวทางที่รัฐบาลไปพูดเกี่ยวกับการผันน้ำ ซึ่งจะไปกระทบกับภาคเกษตร จะเกิดความขัดแย้ง และจริงๆ แล้วไม่น่าจะต้องไปทำแบบนั้น เพียงแต่รัฐบาลเข้าไปทำงานใกล้ชิดกับภาคอุตสาหกรรม ถึงวิธีการที่เขาจะจัดหาแหล่งน้ำเพิ่มเติมโดยมีการลงทุน หรือโดยมีการด้วยความร่วมมือของเขาเอง มันสามารถทำได้โดยไม่ต้องไปกระทบกระเทือนกับภาคเกษตร อันนี้คือสิ่งที่เราได้ติดตามศึกษามา และวันจันทร์จะมีการแถลงข่าว และวันศุกร์จะเดินทางไปที่ระยองด้วย
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 19 ส.ค. 2548--จบ--