1.ภาคเกษตรกรรม
ในเดือนกรกฎาคม 2548 รายได้เกษตรกรจากการขายพืชผลสำคัญ เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 21.6 เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อน โดยเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นในด้านราคา
ผลผลิตพืชผล ลดลงร้อยละ 0.1 จากระยะเดียวกันปีก่อนโดยผลผลิตยางพาราเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 ส่วนผลผลิตพืชสำคัญอื่น เช่น ข้าวนาปรัง ข้าวโพด และมันสำปะหลังลดลง ร้อยละ 6.9 67.8 และ 23.3 ตามลำดับ เนื่องจากภาวะภัยแล้ง
ราคาพืชผล เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.7 จากระยะเดียวกัน ปีก่อน โดยราคามันสำปะหลังเพิ่มขึ้นร้อยละ 30.5 จากความต้องการในตลาดต่างประเทศ ขณะที่ราคายางพารา เพิ่มขึ้นร้อยละ 29.7 ตามราคาในตลาดโลก ส่วนราคาข้าวเปลือกเจ้า 25% และราคาข้าวเปลือกเจ้า 5% เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.6 และร้อยละ 21.9 ตามลำดับ เนื่องจากอุปสงค์จากต่างประเทศยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง
ราคาสินค้าเกษตรโดยรวมของไทย เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.0 โดยเป็นการเพิ่มขึ้นในทุกหมวด
ราคาปศุสัตว์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.4 โดยเฉพาะราคาไก่เนื้อที่เพิ่มสูงขึ้นมากจากราคาที่ตกต่ำในปีก่อนอันเนื่องมาจากการระบาดของโรคไข้หวัดนกรอบสอง
ราคาประมง เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.2 จากราคากุ้งที่เพิ่มขึ้นอันเนื่องจากอุปสงค์ต่างประเทศ
แนวโน้มราคาสินค้าเกษตรโดยรวมของไทยคาดว่าจะขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวลงตามราคาพืชผลและปศุสัตว์ ส่วนราคาประมงคาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นตามราคากุ้งที่จะได้ผลดีจากการที่สหภาพยุโรปกำลังจะประกาศลดภาษีกุ้งในอัตราเท่ากับ GSP เป็นการชั่วคราว
ราคาสินค้าเกษตร (ที่สำคัญต่อเศรษฐกิจไทย
12 ชนิด) ในตลาดโลก เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.9 จากระยะเดียวกัน ปีก่อน โดยราคายางพารา น้ำตาลทราย และข้าว เพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากอุปสงค์ในตลาดโลกที่ยังคงอยู่ในระดับสูง
2. ภาคอุตสาหกรรม
ในเดือนกรกฎาคม 2548 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ขยายตัวร้อยละ 4.7 ชะลอลงมากจากร้อยละ 9.4 ในเดือนก่อน โดยการผลิตลดลงในหลายหมวดอุตสาหกรรมที่สำคัญ อาทิ หมวดเครื่องหนัง ที่มีการปรับเปลี่ยนไปผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ สูงขึ้น หมวดเครื่องดื่ม มีการปิดซ่อมบำรุงโรงงานบางส่วนและ หมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากฐาน คำนวณที่สูงในปีก่อน กอปรกับมีการหยุดการผลิตบางส่วนในบางโรงงาน นอกจากนี้ หมวดยานยนต์และอุปกรณ์ขนส่ง การผลิตชะลอลงมาก ส่วนหนึ่งเป็นผลจากอุปสงค์รถยนต์นั่งที่ลดลงเนื่องจากราคาน้ำมัน และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
อย่างไรก็ดี การผลิตในหมวดอิเล็กทรอนิกส์ และหมวดอาหาร ยังคงขยายตัวดีตามการส่งออก เช่นเดียวกับหมวดวัสดุก่อสร้าง ที่อุปสงค์ภายในประเทศยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ หมวดเคมีภัณฑ์ มีการเร่งผลิตเพื่อสะสมสต็อก อันเป็นผลจากความกังวลต่อปัญหาการขาดแคลนน้ำในภาค ตะวันออก
อัตราการใช้กำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรม ในเดือนนี้อยู่ที่ร้อยละ 70.8 ลดลงจากเดือนก่อนซึ่งอยู่ที่ ร้อยละ 72.2
3. การท่องเที่ยวและโรงแรม
ในเดือนกรกฎาคม 2548 นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ มีจำนวน 985,000 คน ลดลงร้อยละ 2.4 จากระยะเดียวกัน ปีก่อน โดยจำนวนนักท่องเที่ยวระยะไกลชะลอลงค่อนข้างมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากยุโรปและอเมริกา ส่วนหนึ่งจาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากยุโรปและอเมริกา ส่วนหนึ่งจาก 7 กรกฎาคม และ 21 กรกฎาคม 2548 ทำให้นักท่องเที่ยว ตื่นตระหนกและชะลอการเดินทาง รวมทั้งข่าวลือเกี่ยวกับ การเกิดสึนามิรอบใหม่ ส่งผลต่อความมั่นใจในความปลอดภัย ของนักท่องเที่ยวด้วย นอกจากนี้ การท่องเที่ยวในภาคใต้ ยังได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบจากเหตุการณ์ วางระเบิด และไฟฟ้าดับหลายจุดที่จังหวัดยะลา เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2548
อัตราเข้าพักโรงแรม ในเดือนนี้อยู่ที่ร้อยละ 61.7 ลดลงเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 64.2 ทั้งนี้ อัตราเข้าพักลดลงในทุกภาค โดยภาคใต้ลดลงเทียบกับ ระยะเดียวกันปีก่อนค่อนข้างมาก โดยอยู่ที่ร้อยละ 37.9 เทียบกับร้อยละ 54.8 ในปีก่อน
สำหรับแนวโน้มการท่องเที่ยวในระยะต่อไปยังมี ความไม่แน่นอนจากเหตุการณ์ภัยธรรมชาติ และปัญหา ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ นอกจากนี้ ยังมี ปัจจัยลบอื่นๆ ที่อาจกระทบต่อการท่องเที่ยวในระยะต่อไป อาทิ ราคาน้ำมัน การแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้น เป็นต้น
4. ภาคอสังหาริมทรัพย์
ในเดือนมิถุนายน 2548 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยรวมค่อนข้างชะลอตัว โดยปริมาณธุรกรรมการซื้อขาย (ซึ่งรวมการซื้อขายบ้านใหม่และบ้านมือสอง) ยังขยายตัว มูลค่าและจำนวนรายการซื้อขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ทั้งประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.7 และ 8.5 ตามลำดับ เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน อย่างไรก็ดี เครื่องชี้ภาคอสังหาริมทรัพย์ หลายรายการสะท้อนธุรกรรมที่ชะลอลง เช่น พื้นที่รับอนุญาต ก่อสร้างที่อยู่อาศัยในเขตเทศบาลทั่วประเทศลดลงร้อยละ 2.0 ที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จ และจดทะเบียนเพิ่มในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลลดลงร้อยละ 2.1 โดยเฉพาะ โครงการบ้านจัดสรรซึ่งลดลงถึงร้อยละ 24.4 เนื่องจาก ผู้ประกอบการส่วนหนึ่งเริ่มมีการปรับลดสัดส่วนของ บ้านสร้างเสร็จก่อนขายลงเพื่อลดภาระการดูแลบ้าน ที่ยังไม่สามารถขายได้เนื่องจากอุปสงค์ที่ชะลอตัว
ในไตรมาสที่ 2 ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวลง จากความเชื่อมั่นและกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลงซึ่งเป็น ผลจากราคาน้ำมัน และค่าครองชีพที่สูงขึ้น
ด้านราคาที่อยู่อาศัย ดัชนีราคาบ้านเดี่ยวพร้อม ที่ดินและทาวน์เฮ้าส์พร้อมที่ดินปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.8 และ 5.4 ตามลำดับ โดยเพิ่มขึ้นตามราคาวัสดุก่อสร้าง เป็นสำคัญ
5. ภาคการค้า
ในเดือนมิถุนายน 2548 ภาวะการค้าโดยรวมขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงทั้งการค้าปลีกและค้าส่ง
เป็นผลจากอุปสงค์ที่ชะลอลง ส่วนหนึ่งจากอำนาจซื้อ ของผู้บริโภคที่ลดลง อันเนื่องมาจากราคาขายปลีก น้ำมันภายในประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังการประกาศลอยตัวราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2548 ประกอบกับบรรยากาศการท่องเที่ยวยังไม่แจ่มใสทำให้การซื้อขายสินค้าชะลอลง
อย่างไรก็ดี สินค้าคงทนประเภทวัสดุก่อสร้าง ผลิตภัณฑ์จากเหล็ก และสินค้าอาหารที่จำเป็นในการดำรงชีพประเภทเนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ ยังขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดี ส่วนสินค้าฟุ่มเฟือยบางชนิดมียอดขายลดลง
6. โทรคมนาคม
ในเดือนมิถุนายน 2548 ธุรกิจบริการสื่อสารทาง โทรศัพท์ยังคงขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดี อย่างไรก็ตาม จำนวนเลขหมายของโทรศัพท์เคลื่อนที่ชะลอลงเล็กน้อย ส่วนหนึ่งเนื่องจากจำนวนเลขหมายของผู้ประกอบการแต่ละราย เริ่มมีจำกัด ต้องรอการอนุมัติการขยายเลขหมายใหม่ต่อไป โดยการแข่งขันด้านราคาค่าบริการในธุรกิจสื่อสารยังคง เป็นไปอย่างต่อเนื่อง
ในไตรมาสที่ 2 ธุรกิจโทรคมนาคมสื่อสารยังขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดีโดยเฉพาะโทรศัพท์เคลื่อนที่ อย่างไรก็ดี ภาวะการแข่งขันกันลดราคาค่าบริการที่มีอย่างต่อเนื่อง เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คุณภาพของเครือข่ายลดลง กอปรกับจำนวนเลขหมายที่เริ่มมีจำกัดมากขึ้นในช่วงปลายไตรมาส
นอกจากนี้ การแข่งขันในส่วนของโทรศัพท์พื้นฐานเริ่มมีมากขึ้นแม้จะยังไม่รุนแรงนัก โดยเฉพาะการส่งเสริมการขายบริการ hi-speed broadband ที่มากขึ้นทั้งในส่วนกลางและในส่วนภูมิภาค
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
ในเดือนกรกฎาคม 2548 รายได้เกษตรกรจากการขายพืชผลสำคัญ เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 21.6 เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อน โดยเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นในด้านราคา
ผลผลิตพืชผล ลดลงร้อยละ 0.1 จากระยะเดียวกันปีก่อนโดยผลผลิตยางพาราเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 ส่วนผลผลิตพืชสำคัญอื่น เช่น ข้าวนาปรัง ข้าวโพด และมันสำปะหลังลดลง ร้อยละ 6.9 67.8 และ 23.3 ตามลำดับ เนื่องจากภาวะภัยแล้ง
ราคาพืชผล เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.7 จากระยะเดียวกัน ปีก่อน โดยราคามันสำปะหลังเพิ่มขึ้นร้อยละ 30.5 จากความต้องการในตลาดต่างประเทศ ขณะที่ราคายางพารา เพิ่มขึ้นร้อยละ 29.7 ตามราคาในตลาดโลก ส่วนราคาข้าวเปลือกเจ้า 25% และราคาข้าวเปลือกเจ้า 5% เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.6 และร้อยละ 21.9 ตามลำดับ เนื่องจากอุปสงค์จากต่างประเทศยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง
ราคาสินค้าเกษตรโดยรวมของไทย เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.0 โดยเป็นการเพิ่มขึ้นในทุกหมวด
ราคาปศุสัตว์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.4 โดยเฉพาะราคาไก่เนื้อที่เพิ่มสูงขึ้นมากจากราคาที่ตกต่ำในปีก่อนอันเนื่องมาจากการระบาดของโรคไข้หวัดนกรอบสอง
ราคาประมง เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.2 จากราคากุ้งที่เพิ่มขึ้นอันเนื่องจากอุปสงค์ต่างประเทศ
แนวโน้มราคาสินค้าเกษตรโดยรวมของไทยคาดว่าจะขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวลงตามราคาพืชผลและปศุสัตว์ ส่วนราคาประมงคาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นตามราคากุ้งที่จะได้ผลดีจากการที่สหภาพยุโรปกำลังจะประกาศลดภาษีกุ้งในอัตราเท่ากับ GSP เป็นการชั่วคราว
ราคาสินค้าเกษตร (ที่สำคัญต่อเศรษฐกิจไทย
12 ชนิด) ในตลาดโลก เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.9 จากระยะเดียวกัน ปีก่อน โดยราคายางพารา น้ำตาลทราย และข้าว เพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากอุปสงค์ในตลาดโลกที่ยังคงอยู่ในระดับสูง
2. ภาคอุตสาหกรรม
ในเดือนกรกฎาคม 2548 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ขยายตัวร้อยละ 4.7 ชะลอลงมากจากร้อยละ 9.4 ในเดือนก่อน โดยการผลิตลดลงในหลายหมวดอุตสาหกรรมที่สำคัญ อาทิ หมวดเครื่องหนัง ที่มีการปรับเปลี่ยนไปผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ สูงขึ้น หมวดเครื่องดื่ม มีการปิดซ่อมบำรุงโรงงานบางส่วนและ หมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากฐาน คำนวณที่สูงในปีก่อน กอปรกับมีการหยุดการผลิตบางส่วนในบางโรงงาน นอกจากนี้ หมวดยานยนต์และอุปกรณ์ขนส่ง การผลิตชะลอลงมาก ส่วนหนึ่งเป็นผลจากอุปสงค์รถยนต์นั่งที่ลดลงเนื่องจากราคาน้ำมัน และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
อย่างไรก็ดี การผลิตในหมวดอิเล็กทรอนิกส์ และหมวดอาหาร ยังคงขยายตัวดีตามการส่งออก เช่นเดียวกับหมวดวัสดุก่อสร้าง ที่อุปสงค์ภายในประเทศยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ หมวดเคมีภัณฑ์ มีการเร่งผลิตเพื่อสะสมสต็อก อันเป็นผลจากความกังวลต่อปัญหาการขาดแคลนน้ำในภาค ตะวันออก
อัตราการใช้กำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรม ในเดือนนี้อยู่ที่ร้อยละ 70.8 ลดลงจากเดือนก่อนซึ่งอยู่ที่ ร้อยละ 72.2
3. การท่องเที่ยวและโรงแรม
ในเดือนกรกฎาคม 2548 นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ มีจำนวน 985,000 คน ลดลงร้อยละ 2.4 จากระยะเดียวกัน ปีก่อน โดยจำนวนนักท่องเที่ยวระยะไกลชะลอลงค่อนข้างมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากยุโรปและอเมริกา ส่วนหนึ่งจาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากยุโรปและอเมริกา ส่วนหนึ่งจาก 7 กรกฎาคม และ 21 กรกฎาคม 2548 ทำให้นักท่องเที่ยว ตื่นตระหนกและชะลอการเดินทาง รวมทั้งข่าวลือเกี่ยวกับ การเกิดสึนามิรอบใหม่ ส่งผลต่อความมั่นใจในความปลอดภัย ของนักท่องเที่ยวด้วย นอกจากนี้ การท่องเที่ยวในภาคใต้ ยังได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบจากเหตุการณ์ วางระเบิด และไฟฟ้าดับหลายจุดที่จังหวัดยะลา เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2548
อัตราเข้าพักโรงแรม ในเดือนนี้อยู่ที่ร้อยละ 61.7 ลดลงเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 64.2 ทั้งนี้ อัตราเข้าพักลดลงในทุกภาค โดยภาคใต้ลดลงเทียบกับ ระยะเดียวกันปีก่อนค่อนข้างมาก โดยอยู่ที่ร้อยละ 37.9 เทียบกับร้อยละ 54.8 ในปีก่อน
สำหรับแนวโน้มการท่องเที่ยวในระยะต่อไปยังมี ความไม่แน่นอนจากเหตุการณ์ภัยธรรมชาติ และปัญหา ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ นอกจากนี้ ยังมี ปัจจัยลบอื่นๆ ที่อาจกระทบต่อการท่องเที่ยวในระยะต่อไป อาทิ ราคาน้ำมัน การแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้น เป็นต้น
4. ภาคอสังหาริมทรัพย์
ในเดือนมิถุนายน 2548 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยรวมค่อนข้างชะลอตัว โดยปริมาณธุรกรรมการซื้อขาย (ซึ่งรวมการซื้อขายบ้านใหม่และบ้านมือสอง) ยังขยายตัว มูลค่าและจำนวนรายการซื้อขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ทั้งประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.7 และ 8.5 ตามลำดับ เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน อย่างไรก็ดี เครื่องชี้ภาคอสังหาริมทรัพย์ หลายรายการสะท้อนธุรกรรมที่ชะลอลง เช่น พื้นที่รับอนุญาต ก่อสร้างที่อยู่อาศัยในเขตเทศบาลทั่วประเทศลดลงร้อยละ 2.0 ที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จ และจดทะเบียนเพิ่มในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลลดลงร้อยละ 2.1 โดยเฉพาะ โครงการบ้านจัดสรรซึ่งลดลงถึงร้อยละ 24.4 เนื่องจาก ผู้ประกอบการส่วนหนึ่งเริ่มมีการปรับลดสัดส่วนของ บ้านสร้างเสร็จก่อนขายลงเพื่อลดภาระการดูแลบ้าน ที่ยังไม่สามารถขายได้เนื่องจากอุปสงค์ที่ชะลอตัว
ในไตรมาสที่ 2 ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวลง จากความเชื่อมั่นและกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลงซึ่งเป็น ผลจากราคาน้ำมัน และค่าครองชีพที่สูงขึ้น
ด้านราคาที่อยู่อาศัย ดัชนีราคาบ้านเดี่ยวพร้อม ที่ดินและทาวน์เฮ้าส์พร้อมที่ดินปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.8 และ 5.4 ตามลำดับ โดยเพิ่มขึ้นตามราคาวัสดุก่อสร้าง เป็นสำคัญ
5. ภาคการค้า
ในเดือนมิถุนายน 2548 ภาวะการค้าโดยรวมขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงทั้งการค้าปลีกและค้าส่ง
เป็นผลจากอุปสงค์ที่ชะลอลง ส่วนหนึ่งจากอำนาจซื้อ ของผู้บริโภคที่ลดลง อันเนื่องมาจากราคาขายปลีก น้ำมันภายในประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังการประกาศลอยตัวราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2548 ประกอบกับบรรยากาศการท่องเที่ยวยังไม่แจ่มใสทำให้การซื้อขายสินค้าชะลอลง
อย่างไรก็ดี สินค้าคงทนประเภทวัสดุก่อสร้าง ผลิตภัณฑ์จากเหล็ก และสินค้าอาหารที่จำเป็นในการดำรงชีพประเภทเนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ ยังขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดี ส่วนสินค้าฟุ่มเฟือยบางชนิดมียอดขายลดลง
6. โทรคมนาคม
ในเดือนมิถุนายน 2548 ธุรกิจบริการสื่อสารทาง โทรศัพท์ยังคงขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดี อย่างไรก็ตาม จำนวนเลขหมายของโทรศัพท์เคลื่อนที่ชะลอลงเล็กน้อย ส่วนหนึ่งเนื่องจากจำนวนเลขหมายของผู้ประกอบการแต่ละราย เริ่มมีจำกัด ต้องรอการอนุมัติการขยายเลขหมายใหม่ต่อไป โดยการแข่งขันด้านราคาค่าบริการในธุรกิจสื่อสารยังคง เป็นไปอย่างต่อเนื่อง
ในไตรมาสที่ 2 ธุรกิจโทรคมนาคมสื่อสารยังขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดีโดยเฉพาะโทรศัพท์เคลื่อนที่ อย่างไรก็ดี ภาวะการแข่งขันกันลดราคาค่าบริการที่มีอย่างต่อเนื่อง เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คุณภาพของเครือข่ายลดลง กอปรกับจำนวนเลขหมายที่เริ่มมีจำกัดมากขึ้นในช่วงปลายไตรมาส
นอกจากนี้ การแข่งขันในส่วนของโทรศัพท์พื้นฐานเริ่มมีมากขึ้นแม้จะยังไม่รุนแรงนัก โดยเฉพาะการส่งเสริมการขายบริการ hi-speed broadband ที่มากขึ้นทั้งในส่วนกลางและในส่วนภูมิภาค
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--