หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล กรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในปี 2543 ว่า ธสน. มีกำไรสุทธิจำนวน 233 ล้านบาท หลังจากที่ปีที่แล้ว ขาดทุน 837 ล้านบาท ทั้งนี้ เนื่องจากในปี 2543 นี้ สินเชื่อที่ให้แก่ผู้ส่งออกโดยตรงเพิ่มขึ้น และยอดการกันสำรองและค่าใช้จ่ายพิเศษลดลงจากปี 2542 มาก
กรรมการผู้จัดการ ธสน. ชี้แจงผลการดำเนินงานในปี 2543 ว่า สินทรัพย์รวมของ ธสน. ณ สิ้นปี 2543 เพิ่มขึ้น 9% เป็น 58,059 ล้านบาท สินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นนี้เนื่องมาจากสินเชื่อที่ปล่อยกู้โดยตรงเพิ่มขึ้น 18% ทั้งสินเชื่อ ที่ให้แก่ผู้ส่งออกในประเทศและสินเชื่อที่ให้แก่นักลงทุนไทยที่ไปทำธุรกิจในต่างประเทศ ส่วนสินเชื่อที่ปล่อยผ่านธนาคารพาณิชย์ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องจนเหลือยอดคงค้างเพียง 3,397 ล้านบาท เทียบกับ 4,408 ล้านบาท เมื่อสิ้นปี 2542 เพราะธนาคารพาณิชย์ยังคงมีสภาพคล่องส่วนเกินเป็นจำนวนมาก จึงใช้เงินตัวเองปล่อยกู้แก่ผู้ส่งออกแทนการใช้เงินจาก ธสน. ทางด้านปริมาณธุรกิจสะสมที่ ธสน. ให้บริการโดยตรงเพิ่มขึ้น 22.4% จาก 74,045 ล้านบาท ในปี 2542 เป็น 90,620 ล้านบาท ในปี 2543
กรรมการผู้จัดการ ธสน. ได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่าในปี 2543 ธสน. ได้ให้ความสำคัญกับการติดตามและควบคุมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เพื่อให้ฐานะการเงินของ ธสน. แข็งแกร่งขึ้น ทำให้ NPL ของ ธสน. ลดลงอย่าง เห็นได้ชัดในปี 2543 จากยอดหนี้ NPL 6,137 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2542 ลดลงเหลือ 2,355 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2543 ซึ่งเป็นผลจากการเรียกเก็บหนี้คืนและการปรับโครงสร้างหนี้ส่วนหนึ่ง และเป็นผลจากการตัดจำหน่ายหนี้ NPL ที่สำรองครบ 100% แล้วออกจากบัญชีตามนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยอีกส่วนหนึ่ง สำหรับอัตราส่วน NPL ต่อเงินให้สินเชื่อรวม ณ สิ้นปี 2543 อยู่ที่ระดับเพียง 4.8%
การติดตามและควบคุม NPL อย่างจริงจังนี้ส่งผลให้การกันสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญและสำรองประกันการส่งออกลดลง 23.3% จาก 1,630 ล้านบาท เมื่อปี 2542 เหลือ 1,250 ล้านบาท ในปี 2543 ประกอบกับในปี 2543 นี้ ธสน. ไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษจำนวนสูงมาก ดังเช่น ค่าธรรมเนียมเงินกู้เมื่อปี 2542 ทำให้ ธสน. กลับมาทำกำไรได้เป็นจำนวน 233 ล้านบาท ในปี 2543
ทางด้านการปรับปรุงและพัฒนาบริการ ในปี 2543 ธสน. ได้พัฒนาและยกระดับคุณภาพการดำเนินงานของ ธสน. ให้เป็นที่พึงพอใจแก่ลูกค้ามากขึ้น อาทิ การพัฒนาบริการรับซื้อและเรียกเก็บเอกสารส่งออก โดยมีเป้าหมายให้ผู้ส่งออกได้รับเงินภายใน 24 ชั่วโมง และให้บริการอย่างมีมาตรฐานจนได้รับการรับรองระบบคุณภาพมาตรฐาน ISO 9002 นอกจากนี้ ธสน. ยังได้เปิดศูนย์บริการสินเชื่อผู้ส่งออกรายย่อยเพื่อให้บริการแก่ผู้ส่งออกในกลุ่ม SMEs ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว รวมทั้งเปิดบริการคำแนะนำด้านเอกสารส่งออก (Export Advisory Service) และบริการแนะนำการลงทุนในต่างประเทศ (Foreign Investment Advisory Service) ซึ่งเป็นบริการที่ไม่คิดค่าใช้จ่ายสำหรับลูกค้า ธสน. ผู้ส่งออก นักลงทุนไทย และประชาชนทั่วไปที่สนใจ
ส่วนด้านการขยายสาขานั้น ในปี 2543 ธสน. ได้เปิดสาขาเพิ่ม 1 แห่ง คือ สาขาพระราม 2 เพื่อกระจายจุดให้บริการและรองรับธุรกิจส่งออกในเขตธนบุรี กรุงเทพตอนใต้ สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม ที่มีอุตสาหกรรมขนาดเล็ก ขนาดกลาง และอุตสาหกรรมเกิดใหม่ที่มีศักยภาพจำนวนมาก ซึ่งเป็นการสนองนโยบายของรัฐบาลในการสนับสนุนผู้ส่งออกในกลุ่ม SMEs ให้มากขึ้น
สำหรับแผนงาน ในปี 2544 ธสน. ให้ความสำคัญกับการวางรากฐานและพัฒนาระบบบริหารความเสี่ยง (Risk management system) เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของฐานะการเงินของ ธสน. โดยการรักษาคุณภาพของสินเชื่อที่ปล่อยใหม่ให้อยู่ในระดับที่เป็นที่ยอมรับ ตลอดจนช่วยป้องกันและควบคุมหนี้ด้อยคุณภาพไม่ให้เพิ่มสูงขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ ธสน. ยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาบริการใหม่ๆ เพื่อสนองความต้องการของผู้ส่งออกให้ดียิ่งขึ้นด้วย
ต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโปรดติดต่อส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักบริหาร
โทร. 271-3700, 278-0047, 617-2111 ต่อ 1142-1145--จบ--
-อน-
กรรมการผู้จัดการ ธสน. ชี้แจงผลการดำเนินงานในปี 2543 ว่า สินทรัพย์รวมของ ธสน. ณ สิ้นปี 2543 เพิ่มขึ้น 9% เป็น 58,059 ล้านบาท สินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นนี้เนื่องมาจากสินเชื่อที่ปล่อยกู้โดยตรงเพิ่มขึ้น 18% ทั้งสินเชื่อ ที่ให้แก่ผู้ส่งออกในประเทศและสินเชื่อที่ให้แก่นักลงทุนไทยที่ไปทำธุรกิจในต่างประเทศ ส่วนสินเชื่อที่ปล่อยผ่านธนาคารพาณิชย์ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องจนเหลือยอดคงค้างเพียง 3,397 ล้านบาท เทียบกับ 4,408 ล้านบาท เมื่อสิ้นปี 2542 เพราะธนาคารพาณิชย์ยังคงมีสภาพคล่องส่วนเกินเป็นจำนวนมาก จึงใช้เงินตัวเองปล่อยกู้แก่ผู้ส่งออกแทนการใช้เงินจาก ธสน. ทางด้านปริมาณธุรกิจสะสมที่ ธสน. ให้บริการโดยตรงเพิ่มขึ้น 22.4% จาก 74,045 ล้านบาท ในปี 2542 เป็น 90,620 ล้านบาท ในปี 2543
กรรมการผู้จัดการ ธสน. ได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่าในปี 2543 ธสน. ได้ให้ความสำคัญกับการติดตามและควบคุมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เพื่อให้ฐานะการเงินของ ธสน. แข็งแกร่งขึ้น ทำให้ NPL ของ ธสน. ลดลงอย่าง เห็นได้ชัดในปี 2543 จากยอดหนี้ NPL 6,137 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2542 ลดลงเหลือ 2,355 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2543 ซึ่งเป็นผลจากการเรียกเก็บหนี้คืนและการปรับโครงสร้างหนี้ส่วนหนึ่ง และเป็นผลจากการตัดจำหน่ายหนี้ NPL ที่สำรองครบ 100% แล้วออกจากบัญชีตามนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยอีกส่วนหนึ่ง สำหรับอัตราส่วน NPL ต่อเงินให้สินเชื่อรวม ณ สิ้นปี 2543 อยู่ที่ระดับเพียง 4.8%
การติดตามและควบคุม NPL อย่างจริงจังนี้ส่งผลให้การกันสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญและสำรองประกันการส่งออกลดลง 23.3% จาก 1,630 ล้านบาท เมื่อปี 2542 เหลือ 1,250 ล้านบาท ในปี 2543 ประกอบกับในปี 2543 นี้ ธสน. ไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษจำนวนสูงมาก ดังเช่น ค่าธรรมเนียมเงินกู้เมื่อปี 2542 ทำให้ ธสน. กลับมาทำกำไรได้เป็นจำนวน 233 ล้านบาท ในปี 2543
ทางด้านการปรับปรุงและพัฒนาบริการ ในปี 2543 ธสน. ได้พัฒนาและยกระดับคุณภาพการดำเนินงานของ ธสน. ให้เป็นที่พึงพอใจแก่ลูกค้ามากขึ้น อาทิ การพัฒนาบริการรับซื้อและเรียกเก็บเอกสารส่งออก โดยมีเป้าหมายให้ผู้ส่งออกได้รับเงินภายใน 24 ชั่วโมง และให้บริการอย่างมีมาตรฐานจนได้รับการรับรองระบบคุณภาพมาตรฐาน ISO 9002 นอกจากนี้ ธสน. ยังได้เปิดศูนย์บริการสินเชื่อผู้ส่งออกรายย่อยเพื่อให้บริการแก่ผู้ส่งออกในกลุ่ม SMEs ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว รวมทั้งเปิดบริการคำแนะนำด้านเอกสารส่งออก (Export Advisory Service) และบริการแนะนำการลงทุนในต่างประเทศ (Foreign Investment Advisory Service) ซึ่งเป็นบริการที่ไม่คิดค่าใช้จ่ายสำหรับลูกค้า ธสน. ผู้ส่งออก นักลงทุนไทย และประชาชนทั่วไปที่สนใจ
ส่วนด้านการขยายสาขานั้น ในปี 2543 ธสน. ได้เปิดสาขาเพิ่ม 1 แห่ง คือ สาขาพระราม 2 เพื่อกระจายจุดให้บริการและรองรับธุรกิจส่งออกในเขตธนบุรี กรุงเทพตอนใต้ สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม ที่มีอุตสาหกรรมขนาดเล็ก ขนาดกลาง และอุตสาหกรรมเกิดใหม่ที่มีศักยภาพจำนวนมาก ซึ่งเป็นการสนองนโยบายของรัฐบาลในการสนับสนุนผู้ส่งออกในกลุ่ม SMEs ให้มากขึ้น
สำหรับแผนงาน ในปี 2544 ธสน. ให้ความสำคัญกับการวางรากฐานและพัฒนาระบบบริหารความเสี่ยง (Risk management system) เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของฐานะการเงินของ ธสน. โดยการรักษาคุณภาพของสินเชื่อที่ปล่อยใหม่ให้อยู่ในระดับที่เป็นที่ยอมรับ ตลอดจนช่วยป้องกันและควบคุมหนี้ด้อยคุณภาพไม่ให้เพิ่มสูงขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ ธสน. ยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาบริการใหม่ๆ เพื่อสนองความต้องการของผู้ส่งออกให้ดียิ่งขึ้นด้วย
ต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโปรดติดต่อส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักบริหาร
โทร. 271-3700, 278-0047, 617-2111 ต่อ 1142-1145--จบ--
-อน-