สหภาพยุโรป (European Union: EU) เป็นตลาดส่งออกผลิตภัณฑ์ไก่ที่สำคัญที่สุดของไทยด้วยมูลค่าส่งออกสูงถึงกว่า 11,000 ล้านบาทในปี 2543 อย่างไรก็ตาม การส่งออกผลิตภัณฑ์ไก่ไปจำหน่ายยัง EU มีขั้นตอนต่างๆ ที่ผู้ส่งออกต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เนื่องจาก EU มีความเข้มงวดมากในการตรวจสอบคุณภาพสินค้าไก่ที่นำเข้าจากประเทศนอกกลุ่ม EU ทั้งนี้เพื่อป้องกันการนำเข้าไก่ที่เป็นโรคและเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคใน EU ว่าไก่ที่จำหน่ายใน EU เป็นสินค้าที่ปลอดภัยและถูกสุขอนามัย
โดยทั่วไปการส่งออกผลิตภัณฑ์ไก่ไปจำหน่ายใน EU ต้องผ่านการรับรองใน 3 ระดับดังนี้
1. การรับรองประเทศ ประเทศที่จะส่งผลิตภัณฑ์ไก่ไปจำหน่ายใน EU ในเบื้องต้นต้องได้รับการรับรองจาก EU ก่อนว่าประเทศนั้นๆ ผ่านการตรวจสอบด้านสาธารณสุขจาก EU แล้วและได้รับการบรรจุในบัญชีรายชื่อประเทศที่สามารถส่งผลิตภัณฑ์ไก่ไปจำหน่ายยัง EU ได้ สำหรับประเทศไทยได้รับการรับรองและมีรายชื่ออยู่ในกลุ่มประเทศที่ได้รับอนุญาตจาก EU ให้ส่งผลิตภัณฑ์ไก่และสัตว์ปีกอื่นๆ ไปจำหน่ายใน EU ได้ตั้งแต่ปี 2539 เป็นต้นมา
2. การรับรองโรงงาน หลังจากได้รับการรับรองประเทศแล้ว ประเทศที่ประสงค์จะส่งผลิตภัณฑ์ไก่ไปจำหน่ายใน EU ต้องเสนอชื่อหน่วยงานในประเทศให้ทาง EU พิจารณาเพื่อแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนของ EU ในการทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจสอบและควบคุมดูแลด้านสุขอนามัยสัตว์และสุขลักษณะโรงงาน สำหรับประเทศไทย กรมปศุสัตว์เป็นหน่วยงานที่ได้รับการแต่งตั้งจาก EU ให้เป็นผู้ทำหน้าที่ดังกล่าว โดยกรมปศุสัตว์จะเสนอรายชื่อโรงงานที่ผ่านการตรวจสอบจากกรมปศุสัตว์ให้ทาง EU พิจารณารับรองอีกครั้ง หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ของ EU จะเข้ามาตรวจสอบกระบวนการผลิตทั้งระบบของแต่ละโรงงานโดยการสุ่มตรวจ โรงงานใดที่ผ่านเกณฑ์การตรวจสอบของ EU โรงงานนั้นจะได้รับการประกาศชื่อในทะเบียน Establishment List และสามารถส่งสินค้าเข้าไปจำหน่ายใน EU ได้ ทั้งนี้ EU จะทำการตรวจสอบมาตรฐานด้านสุขอนามัยของโรงงานที่ขึ้นทะเบียนกับกรมปศุสัตว์ทุกปี หากพบว่าโรงงานใดปฏิบัติไม่ได้มาตรฐานตามที่กำหนดไว้จะถูกถอนชื่อออกจาก Establishment List ทันที
3. การรับรองสุขอนามัย แม้โรงงานผลิตผลิตภัณฑ์ไก่จะได้รับการรับรองจาก EU แล้วก็ตาม แต่ผลิตภัณฑ์ไก่ที่ส่งออกไป EU แต่ละครั้งจะต้องได้รับการรับรองสุขอนามัยจากหน่วยงานที่ EU ให้การยอมรับอีกครั้งและต้องมีหนังสือรับรองสุขอนามัย (Health Certificate) แนบไปพร้อมกับผลิตภัณฑ์ไก่ที่ส่งออก สำหรับประเทศไทย
กรมปศุสัตว์มีหน้าที่ในการตรวจสุขอนามัยของผลิตภัณฑ์ไก่ที่ส่งไปจำหน่ายใน EU และเป็นผู้ออกหนังสือรับรองสุขอนามัยดังกล่าว หลังจากที่ผ่านการรับรองทั้ง 3 ระดับดังกล่าวแล้ว เมื่อผลิตภัณฑ์ไก่ไปถึงท่าเรือของประเทศผู้นำเข้าของ EU เจ้าหน้าที่ของประเทศนั้นจะทำการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ไก่ ณ จุดนำเข้านั้นอีกครั้ง โดยใช้ระเบียบกลางของ EU ในการตรวจสอบสุขอนามัยสัตว์ (Veterinary Check) เป็นสำคัญ เมื่อสินค้าผ่านการตรวจสอบ ณ จุดนำเข้าใน EU แล้ว จึงจะถือว่าได้ผ่านการตรวจสอบตามมาตรฐานของ EU และสามารถเคลื่อนย้ายไปจำหน่ายยังประเทศสมาชิก EU อื่นๆ ได้
ปัจจุบันผู้ประกอบการผลิตผลิตภัณฑ์ไก่ของไทยตระหนักถึงความสำคัญของการตรวจสอบสินค้าตามมาตรฐานที่ EU กำหนด จึงดำเนินการปรับปรุงคุณภาพสินค้าและพัฒนาการผลิตมาโดยตลอด ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ไก่ของไทยได้มาตรฐานตามที่ EU กำหนดมากขึ้นเป็นลำดับ และในเดือนเมษายน 2544 ที่ผ่านมา EU ได้ประกาศเลื่อนขั้นประเทศไทยจากประเทศผู้ส่งออกเนื้อไก่ระดับ B มาเป็นผู้ส่งออกระดับ A ซึ่งเป็นระดับของประเทศผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์ไก่ที่ EU ให้การยอมรับว่าปลอดจากโรคระบาดในสัตว์ปีก นอกจากนี้ กรมปศุสัตว์ยังได้เร่งผลักดันให้ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ไก่เข้าสู่ระบบการผลิตที่ได้มาตรฐานให้มากขึ้น รวมทั้งเร่งพัฒนามาตรฐานของโรงงานผลิตอาหารสัตว์และโรงงานแปรรูปไก่ เช่น การนำระบบหลักเกณฑ์ในการผลิตที่ดี (Good Manufacturing Practice: GMP) และระบบควบคุมจุดวิกฤตในการผลิต (Hazard Analysis Critical Control Point: HACCP) มาใช้ในโรงงานเหล่านี้ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับมาตรฐานสุขอนามัยด้านอาหารของกลุ่ม EU ที่ระบุไว้ในสมุดปกขาวว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าอาหาร (White Paper on Food Safety) ที่จะมีผลบังคับใช้ในปี 2545 ซึ่งหากผู้ผลิตไทยสามารถปฏิบัติได้ตามข้อกำหนดที่เข้มงวดของ EU แล้ว คาดว่าจะทำให้ผลิตภัณฑ์ไก่ของไทยสามารถยืนหยัดได้ต่อไปในตลาดส่งออกสำคัญอื่นๆ นอกเหนือจาก EU ด้วย เนื่องจากมาตรฐานด้านสุขอนามัยของ EU ค่อนข้างเข้มงวดและเป็นที่ยอมรับของประเทศอื่นๆ อยู่แล้ว
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย กรกฎาคม 2544--
-อน-
โดยทั่วไปการส่งออกผลิตภัณฑ์ไก่ไปจำหน่ายใน EU ต้องผ่านการรับรองใน 3 ระดับดังนี้
1. การรับรองประเทศ ประเทศที่จะส่งผลิตภัณฑ์ไก่ไปจำหน่ายใน EU ในเบื้องต้นต้องได้รับการรับรองจาก EU ก่อนว่าประเทศนั้นๆ ผ่านการตรวจสอบด้านสาธารณสุขจาก EU แล้วและได้รับการบรรจุในบัญชีรายชื่อประเทศที่สามารถส่งผลิตภัณฑ์ไก่ไปจำหน่ายยัง EU ได้ สำหรับประเทศไทยได้รับการรับรองและมีรายชื่ออยู่ในกลุ่มประเทศที่ได้รับอนุญาตจาก EU ให้ส่งผลิตภัณฑ์ไก่และสัตว์ปีกอื่นๆ ไปจำหน่ายใน EU ได้ตั้งแต่ปี 2539 เป็นต้นมา
2. การรับรองโรงงาน หลังจากได้รับการรับรองประเทศแล้ว ประเทศที่ประสงค์จะส่งผลิตภัณฑ์ไก่ไปจำหน่ายใน EU ต้องเสนอชื่อหน่วยงานในประเทศให้ทาง EU พิจารณาเพื่อแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนของ EU ในการทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจสอบและควบคุมดูแลด้านสุขอนามัยสัตว์และสุขลักษณะโรงงาน สำหรับประเทศไทย กรมปศุสัตว์เป็นหน่วยงานที่ได้รับการแต่งตั้งจาก EU ให้เป็นผู้ทำหน้าที่ดังกล่าว โดยกรมปศุสัตว์จะเสนอรายชื่อโรงงานที่ผ่านการตรวจสอบจากกรมปศุสัตว์ให้ทาง EU พิจารณารับรองอีกครั้ง หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ของ EU จะเข้ามาตรวจสอบกระบวนการผลิตทั้งระบบของแต่ละโรงงานโดยการสุ่มตรวจ โรงงานใดที่ผ่านเกณฑ์การตรวจสอบของ EU โรงงานนั้นจะได้รับการประกาศชื่อในทะเบียน Establishment List และสามารถส่งสินค้าเข้าไปจำหน่ายใน EU ได้ ทั้งนี้ EU จะทำการตรวจสอบมาตรฐานด้านสุขอนามัยของโรงงานที่ขึ้นทะเบียนกับกรมปศุสัตว์ทุกปี หากพบว่าโรงงานใดปฏิบัติไม่ได้มาตรฐานตามที่กำหนดไว้จะถูกถอนชื่อออกจาก Establishment List ทันที
3. การรับรองสุขอนามัย แม้โรงงานผลิตผลิตภัณฑ์ไก่จะได้รับการรับรองจาก EU แล้วก็ตาม แต่ผลิตภัณฑ์ไก่ที่ส่งออกไป EU แต่ละครั้งจะต้องได้รับการรับรองสุขอนามัยจากหน่วยงานที่ EU ให้การยอมรับอีกครั้งและต้องมีหนังสือรับรองสุขอนามัย (Health Certificate) แนบไปพร้อมกับผลิตภัณฑ์ไก่ที่ส่งออก สำหรับประเทศไทย
กรมปศุสัตว์มีหน้าที่ในการตรวจสุขอนามัยของผลิตภัณฑ์ไก่ที่ส่งไปจำหน่ายใน EU และเป็นผู้ออกหนังสือรับรองสุขอนามัยดังกล่าว หลังจากที่ผ่านการรับรองทั้ง 3 ระดับดังกล่าวแล้ว เมื่อผลิตภัณฑ์ไก่ไปถึงท่าเรือของประเทศผู้นำเข้าของ EU เจ้าหน้าที่ของประเทศนั้นจะทำการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ไก่ ณ จุดนำเข้านั้นอีกครั้ง โดยใช้ระเบียบกลางของ EU ในการตรวจสอบสุขอนามัยสัตว์ (Veterinary Check) เป็นสำคัญ เมื่อสินค้าผ่านการตรวจสอบ ณ จุดนำเข้าใน EU แล้ว จึงจะถือว่าได้ผ่านการตรวจสอบตามมาตรฐานของ EU และสามารถเคลื่อนย้ายไปจำหน่ายยังประเทศสมาชิก EU อื่นๆ ได้
ปัจจุบันผู้ประกอบการผลิตผลิตภัณฑ์ไก่ของไทยตระหนักถึงความสำคัญของการตรวจสอบสินค้าตามมาตรฐานที่ EU กำหนด จึงดำเนินการปรับปรุงคุณภาพสินค้าและพัฒนาการผลิตมาโดยตลอด ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ไก่ของไทยได้มาตรฐานตามที่ EU กำหนดมากขึ้นเป็นลำดับ และในเดือนเมษายน 2544 ที่ผ่านมา EU ได้ประกาศเลื่อนขั้นประเทศไทยจากประเทศผู้ส่งออกเนื้อไก่ระดับ B มาเป็นผู้ส่งออกระดับ A ซึ่งเป็นระดับของประเทศผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์ไก่ที่ EU ให้การยอมรับว่าปลอดจากโรคระบาดในสัตว์ปีก นอกจากนี้ กรมปศุสัตว์ยังได้เร่งผลักดันให้ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ไก่เข้าสู่ระบบการผลิตที่ได้มาตรฐานให้มากขึ้น รวมทั้งเร่งพัฒนามาตรฐานของโรงงานผลิตอาหารสัตว์และโรงงานแปรรูปไก่ เช่น การนำระบบหลักเกณฑ์ในการผลิตที่ดี (Good Manufacturing Practice: GMP) และระบบควบคุมจุดวิกฤตในการผลิต (Hazard Analysis Critical Control Point: HACCP) มาใช้ในโรงงานเหล่านี้ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับมาตรฐานสุขอนามัยด้านอาหารของกลุ่ม EU ที่ระบุไว้ในสมุดปกขาวว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าอาหาร (White Paper on Food Safety) ที่จะมีผลบังคับใช้ในปี 2545 ซึ่งหากผู้ผลิตไทยสามารถปฏิบัติได้ตามข้อกำหนดที่เข้มงวดของ EU แล้ว คาดว่าจะทำให้ผลิตภัณฑ์ไก่ของไทยสามารถยืนหยัดได้ต่อไปในตลาดส่งออกสำคัญอื่นๆ นอกเหนือจาก EU ด้วย เนื่องจากมาตรฐานด้านสุขอนามัยของ EU ค่อนข้างเข้มงวดและเป็นที่ยอมรับของประเทศอื่นๆ อยู่แล้ว
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย กรกฎาคม 2544--
-อน-