นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 23 และวันที่ 27 พฤษภาคม 2548 สหรัฐฯได้ประกาศเรียกเจรจาหารือกับประเทศจีนกรณีสินค้าสิ่งทอที่มีแหล่งกำเนิดจากจีนมีปริมาณนำเข้าสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างมากและส่งผลเสียหายต่อตลาดและการค้าสิ่งทอของสหรัฐฯ โดยมีกำหนดระยะเวลาเจรจาหารือเพื่อให้บรรลุข้อตกลงที่เป็นที่พอใจทั้ง 2 ฝ่าย ในการจำกัดปริมาณนำเข้าสิ่งทอจากจีนภายใน 90 วัน ทั้งนี้ในระหว่างนี้สหรัฐฯ ได้ประกาศจำกัดปริมาณการนำเข้าสิ่งทอจากจีนนับตั้งแต่วันที่เรียกเจรจาถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2548 แล้วจำนวน 13 รายการ ได้แก่ รายการ 338/339 (เสื้อยืดผ้าฝ้ายสตรีและบุรุษ) รายการ 347/348 (กางเกงผ้าฝ้ายสตรีและบุรุษ) รายการ 352/652 (ชุดชั้นในสตรีผ้าฝ้ายและผ้าใยประดิษฐ์) รายการ 301 (เส้นด้ายฝ้าย) รายการ 340/640 (เสื้อเชิ้ตบุรุษผ้าฝ้ายและผ้าใยประดิษฐ์) รายการ 638/639 (เสื้อยืดผ้าใยประดิษฐ์สตรีและบุรุษ) และรายการ 647/648 (กางเกงผ้าใยประดิษฐ์สตรีและบุรุษ)
สำหรับสหภาพยุโรป ก็ได้มีการเรียกเจรจาหารือกับจีนเพื่อจำกัดปริมาณการส่งออกสิ่งทอจากจีนเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2548 และต่อมาเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2548 ทั้ง 2 ฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงในการจำกัดปริมาณการนำเข้าสิ่งทอจากจีนจำนวน 10 รายการ ได้แก่ รายการ 2 (ผ้าฝ้าย) รายการ 4 (เสื้อที-เชิ้ต) รายการ 5 (เสื้อกันหนาว) รายการ 6 (กางเกง) รายการ 7 (เสื้อสตรี) รายการ 20 (ผ้าปูที่นอน) รายการ 26 (ชุดสตรี) รายการ 31 (เสื้อยกทรง) รายการ 39 (ผ้าที่ใช้กับโต๊ะและห้องครัว และรายการ 115 (เส้นด้ายป่านลินิน) ทั้งนี้มีกำหนดระยะเวลาจำกัดปริมาณการนำเข้าปีต่อปี จนถึงสิ้นปี 2550 โดยในปี 2548 จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายน 2548 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2548 และมีอัตราการเพิ่มของปริมาณนำเข้าในแต่ละปีของแต่ละรายการอยู่ระหว่างร้อยละ 8 ถึง ร้อยละ 12.5
จากการที่สหรัฐฯ และสหภาพยุโรปจำกัดปริมาณการนำเข้าสินค้าสิ่งทอจากจีนจะเป็นผลดีต่อผู้ผลิต/ผู้ส่งออกของไทยที่จะมีโอกาสในการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปโดยเฉพาะสินค้ารายการที่จีนถูกจำกัดปริมาณการนำเข้า ซึ่งจากการสอบถามผู้ประกอบการส่งออก สิ่งทอของไทยปรากฎว่าในขณะนี้ได้เริ่มมีคำสั่งซื้อเข้ามาจากผู้นำเข้าสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้นในรายการดังกล่าวแล้ว ขณะเดียวกัน..................
ขณะเดียวกันกรมการค้าต่างประเทศก็ได้เตรียมการป้องกันปัญหาการแอบอ้างแหล่งกำเนิดสินค้า (Circumvention) สิ่งทอจากจีนผ่านประเทศไทย เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้ซื้อในต่างประเทศโดยได้ดำเนินการดังนี้
1. ในส่วนของการส่งออกไปสหรัฐฯ เนื่องจากสหรัฐฯ ไม่ได้กำหนดให้รัฐบาลไทยต้องออกเอกสารรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าสิ่งทอส่งไปสหรัฐฯ กรมการค้าต่างประเทศจึงกำหนดให้ผู้ส่งออกเครื่องนุ่งห่มมาขึ้นทะเบียนกับกรมฯ ด้วยความสมัครใจ โดยผู้ส่งออกจะต้องจัดทำรายงานการส่งออกให้กรมฯทราบเป็นรายเดือน ซึ่งกรมฯจะตรวจสอบข้อมูลกับกรมศุลกากรว่ามีการส่งออกถูกต้องจริงหรือไม่ ทั้งนี้ผู้ส่งออกดังกล่าวจะได้รับประโยชน์กรณีที่เกิดปัญหาที่สหรัฐฯ มีข้อสงสัยต้องการให้พิสูจน์แหล่งกำเนิด ทางกรมฯ ก็จะมีข้อมูลพร้อมที่จะ ชี้แจงให้สหรัฐฯ ได้ด้วยความสะดวกและรวดเร็ว และกรมฯจะนำรายชื่อผู้ส่งออกที่ขึ้นทะเบียนเผยแพร่ทาง Website ของกรมฯ เพื่อให้ผู้ที่ต้องการจะประกอบธุรกิจด้วยและผู้ที่เกี่ยวข้องได้ทราบต่อไป
2. สำหรับการส่งออกไปสหภาพยุโรปนั้นได้มีข้อกำหนดให้ผู้ส่งออกต้องขอหนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าสิ่งทอ (C/O Textile) จากกรมฯ ไปแสดงประกอบการนำเข้าทุกครั้ง และกรมฯ ได้กำหนดมาตรการให้ผู้ส่งออกต้องแสดงเอกสารการส่งออกหลังจากที่ได้รับหนังสือรับรองฯ เพื่อให้กรมฯ ตรวจสอบว่ามีการส่งออกจากไทยจริงหรือไม่ หากตรวจพบว่ามีการส่งออกที่ไม่ถูกต้องหรือแสดงเอกสารที่เป็นเท็จ กรมฯ จะดำเนินการระงับหนังสือรับรองฯ และดำเนินคดีอาญากับผู้ส่งออกดังกล่าว
3. กรมฯ ยังได้ประสานและขอความร่วมมือจากกรมศุลกากรในการตรวจสอบ และแจ้งข้อมูลกรณีที่มีการนำเข้าสินค้าสิ่งทอและส่งออกไปสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปในลักษณะที่เข้าข่ายการแอบอ้างแหล่งกำเนิดสินค้า เช่น การถ่ายลำเรือ (Transshipment) และการนำเข้าและส่งต่อ (Re-export) เพื่อกรมฯ จะได้ประสานกับหน่วยงานศุลกากรของสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป เพื่อเป็นข้อมูลประกอบพิจารณาตรวจสอบการนำเข้าต่อไป
สถานการณ์ส่งออกสิ่งทอของไทยในช่วงเดือนมกราคม — เมษายน 2548 มีมูลค่าส่งออกรวม 2,011.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปี 2547 ร้อยละ 6.5 สำหรับตลาดส่งออกหลักของไทยยังคงเป็นสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป ซึ่งมูลค่าส่งออกไปสหรัฐฯ ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2548 เท่ากับ 607.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปี 2547 ร้อยละ 9.1 ส่วนมูลค่าการส่งออกไปสหภาพยุโรปเท่ากับ 359.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯลดลงเล็กน้อยจาก ปี 2547 เพียงร้อยละ 0.1 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 30.2 และ 17.9 ของการส่งออกสิ่งทอและเครื่อง นุ่งห่มโดยรวมของไทย
--กรมการค้าระหว่างประเทศ--
-สส-
สำหรับสหภาพยุโรป ก็ได้มีการเรียกเจรจาหารือกับจีนเพื่อจำกัดปริมาณการส่งออกสิ่งทอจากจีนเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2548 และต่อมาเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2548 ทั้ง 2 ฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงในการจำกัดปริมาณการนำเข้าสิ่งทอจากจีนจำนวน 10 รายการ ได้แก่ รายการ 2 (ผ้าฝ้าย) รายการ 4 (เสื้อที-เชิ้ต) รายการ 5 (เสื้อกันหนาว) รายการ 6 (กางเกง) รายการ 7 (เสื้อสตรี) รายการ 20 (ผ้าปูที่นอน) รายการ 26 (ชุดสตรี) รายการ 31 (เสื้อยกทรง) รายการ 39 (ผ้าที่ใช้กับโต๊ะและห้องครัว และรายการ 115 (เส้นด้ายป่านลินิน) ทั้งนี้มีกำหนดระยะเวลาจำกัดปริมาณการนำเข้าปีต่อปี จนถึงสิ้นปี 2550 โดยในปี 2548 จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายน 2548 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2548 และมีอัตราการเพิ่มของปริมาณนำเข้าในแต่ละปีของแต่ละรายการอยู่ระหว่างร้อยละ 8 ถึง ร้อยละ 12.5
จากการที่สหรัฐฯ และสหภาพยุโรปจำกัดปริมาณการนำเข้าสินค้าสิ่งทอจากจีนจะเป็นผลดีต่อผู้ผลิต/ผู้ส่งออกของไทยที่จะมีโอกาสในการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปโดยเฉพาะสินค้ารายการที่จีนถูกจำกัดปริมาณการนำเข้า ซึ่งจากการสอบถามผู้ประกอบการส่งออก สิ่งทอของไทยปรากฎว่าในขณะนี้ได้เริ่มมีคำสั่งซื้อเข้ามาจากผู้นำเข้าสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้นในรายการดังกล่าวแล้ว ขณะเดียวกัน..................
ขณะเดียวกันกรมการค้าต่างประเทศก็ได้เตรียมการป้องกันปัญหาการแอบอ้างแหล่งกำเนิดสินค้า (Circumvention) สิ่งทอจากจีนผ่านประเทศไทย เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้ซื้อในต่างประเทศโดยได้ดำเนินการดังนี้
1. ในส่วนของการส่งออกไปสหรัฐฯ เนื่องจากสหรัฐฯ ไม่ได้กำหนดให้รัฐบาลไทยต้องออกเอกสารรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าสิ่งทอส่งไปสหรัฐฯ กรมการค้าต่างประเทศจึงกำหนดให้ผู้ส่งออกเครื่องนุ่งห่มมาขึ้นทะเบียนกับกรมฯ ด้วยความสมัครใจ โดยผู้ส่งออกจะต้องจัดทำรายงานการส่งออกให้กรมฯทราบเป็นรายเดือน ซึ่งกรมฯจะตรวจสอบข้อมูลกับกรมศุลกากรว่ามีการส่งออกถูกต้องจริงหรือไม่ ทั้งนี้ผู้ส่งออกดังกล่าวจะได้รับประโยชน์กรณีที่เกิดปัญหาที่สหรัฐฯ มีข้อสงสัยต้องการให้พิสูจน์แหล่งกำเนิด ทางกรมฯ ก็จะมีข้อมูลพร้อมที่จะ ชี้แจงให้สหรัฐฯ ได้ด้วยความสะดวกและรวดเร็ว และกรมฯจะนำรายชื่อผู้ส่งออกที่ขึ้นทะเบียนเผยแพร่ทาง Website ของกรมฯ เพื่อให้ผู้ที่ต้องการจะประกอบธุรกิจด้วยและผู้ที่เกี่ยวข้องได้ทราบต่อไป
2. สำหรับการส่งออกไปสหภาพยุโรปนั้นได้มีข้อกำหนดให้ผู้ส่งออกต้องขอหนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าสิ่งทอ (C/O Textile) จากกรมฯ ไปแสดงประกอบการนำเข้าทุกครั้ง และกรมฯ ได้กำหนดมาตรการให้ผู้ส่งออกต้องแสดงเอกสารการส่งออกหลังจากที่ได้รับหนังสือรับรองฯ เพื่อให้กรมฯ ตรวจสอบว่ามีการส่งออกจากไทยจริงหรือไม่ หากตรวจพบว่ามีการส่งออกที่ไม่ถูกต้องหรือแสดงเอกสารที่เป็นเท็จ กรมฯ จะดำเนินการระงับหนังสือรับรองฯ และดำเนินคดีอาญากับผู้ส่งออกดังกล่าว
3. กรมฯ ยังได้ประสานและขอความร่วมมือจากกรมศุลกากรในการตรวจสอบ และแจ้งข้อมูลกรณีที่มีการนำเข้าสินค้าสิ่งทอและส่งออกไปสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปในลักษณะที่เข้าข่ายการแอบอ้างแหล่งกำเนิดสินค้า เช่น การถ่ายลำเรือ (Transshipment) และการนำเข้าและส่งต่อ (Re-export) เพื่อกรมฯ จะได้ประสานกับหน่วยงานศุลกากรของสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป เพื่อเป็นข้อมูลประกอบพิจารณาตรวจสอบการนำเข้าต่อไป
สถานการณ์ส่งออกสิ่งทอของไทยในช่วงเดือนมกราคม — เมษายน 2548 มีมูลค่าส่งออกรวม 2,011.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปี 2547 ร้อยละ 6.5 สำหรับตลาดส่งออกหลักของไทยยังคงเป็นสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป ซึ่งมูลค่าส่งออกไปสหรัฐฯ ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2548 เท่ากับ 607.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปี 2547 ร้อยละ 9.1 ส่วนมูลค่าการส่งออกไปสหภาพยุโรปเท่ากับ 359.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯลดลงเล็กน้อยจาก ปี 2547 เพียงร้อยละ 0.1 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 30.2 และ 17.9 ของการส่งออกสิ่งทอและเครื่อง นุ่งห่มโดยรวมของไทย
--กรมการค้าระหว่างประเทศ--
-สส-